วันที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 02:46 น. ข่าวสดออนไลน์
อ่านเกม - วัดพลัง"หน้ากากขาว"
รายงานพิเศษ
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนสวมหน้ากาก ทั้งหน้า กากขาวและหน้ากากแดง กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์วงกว้าง ว่าจะนำไปสู่การเผชิญหน้า เกิดเหตุการณ์รุนแรงได้หรือไม่
อีกทั้งในแง่การจุดติดกระแส จะมีพลังเพียงพอที่จะเรียกคนออกมาชุมนุมได้มากน้อยขนาดไหน และกลุ่มดังกล่าวเชื่อมโยงกับการเมืองด้วยหรือไม่
มีความเห็นจากนักวิเคราะห์สถานการณ์ดังต่อไปนี้
ยุกติ มุกดาวิจิตร
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์
กายฟอว์กส์ คือนามของคนอังกฤษที่วางแผนระเบิดรัฐสภาเพื่อลอบสังหารพระเจ้าเจมส์ที่ 1 กษัตริย์อังกฤษในสมัยศตวรรษที่ 16
จากนั้นก็มีหนังสือที่พูดถึงกายฟอว์กส์ รวมถึงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง "วี ฟอร์ เวนเดตต้า" ซึ่งมีเนื้อหาดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของเขา เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนใส่หน้ากากขาวลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ
ปี 2008 แฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่งเรียกตัวเองว่าพวกไม่มีตัวตน (Anonymous) ใช้สัญลักษณ์เป็นหน้ากากกายฟอว์กส์ ต่อต้านลัทธิศาสนาที่เรียกกันว่า Scientology ซึ่งคนมีชื่อเสียงและคนมีฐานะดีนิยมศรัทธากันมาก แต่กลุ่มไม่มีตัวตนเห็นว่าลัทธิดังกล่าวกำลังครอบงำสังคม
ปี 2011 มีกลุ่ม occupy movement ออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนนในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐ ต่อต้านการจับมือกันของกลุ่มทุนและรัฐบาล จากนั้นกลุ่ม occupy movement ก็ค่อยๆ แพร่ขยายไปทั่วโลก เพื่อต่อต้านประเด็นดังกล่าว
แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาวในประเทศไทยต่างออกไป โดยใส่หน้ากากต่อต้านรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้จะเป็นกลุ่มคนเดิมๆ แต่สิ่งนี้กำลังสะท้อนถึงวิกฤตอัตลักษณ์ของชนชั้นกลางในการแสดงออกทางการเมือง
และสะท้อนถึงภาพกลุ่มอนุรักษนิยมที่เริ่มกระจัดกระจาย
เพราะกลุ่มหน้ากากขาวปฏิเสธการเป็น กลุ่มก้อนที่ชัดเจนเหมือนกลุ่มเสื้อเหลืองแบบกลุ่มพันธมิตร พวกเขาไม่อยากเป็นแบบกลุ่มเสื้อหลากสี กลุ่มไทยสปริง หรือกลุ่มม็อบสนามหลวง
ที่เมื่อเปิดเผยตัวตน มีข้อเรียกร้องชัดเจน ก็จะตามมาด้วยการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มีภาพลักษณ์ที่เป็นลบ และไม่มีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร
ฉะนั้น กลุ่มหน้ากากขาวจึงไม่ยอมรับการเปิดเผยตัวตน เพราะไม่อยากมีภาพเหมือนกลุ่มที่กล่าวมา
เมื่อดูจากข้อเรียกร้องที่กลุ่มนี้ชูป้ายเดินประท้วง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ มีข้อความไล่รัฐบาล มากกว่านั้นยังมีข้อความเรียกร้องให้ทหารออกมา
สะท้อนว่าการนำหน้ากากกายฟอว์กส์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สากลมาใช้ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าอยากจะบอกว่าตัวเองนั้นเท่ หรือสามารถสื่อสารแบบสากลได้
ซึ่งนอกจากจะไม่มีพลังอะไรเลย ยังเป็นสัญญาณให้เห็นว่าอุดมการณ์แบบอนุรักษ นิยมกำลังบั่นทอนตัวเอง
บนถนนการต่อสู้ทางการเมือง คนกลุ่มนี้เดินมาจนสุดทาง ไม่มีเครื่องมืออะไรที่มีพลังพอแล้ว เพราะเขาปฏิเสธการเลือกตั้ง และเลือกใช้คุณธรรมหรือความดีเป็นเครื่องมือแทน
แต่พอใส่หน้ากากไม่เปิดเผยตัวตนก็ยิ่งไม่มีพลังอะไรเลย เหลือแต่ความอยากแสดง ออกทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งจะไม่นำไปสู่อะไรเลยเช่นกัน
และไม่ถึงขั้นจะก่อให้เกิดความรุนแรงใดๆ ด้วย เป็นแค่คนขี้หงุดหงิดธรรมดาๆ
ส่วนหน้ากากแดงนั้นไม่มีอะไรพิเศษ จะใส่หรือไม่ใส่ สังคมก็รู้ว่าพวกเขาคือคนเสื้อแดงซึ่งมีเป้าหมายการต่อสู้ทางการเมืองชัดเจนอยู่แล้ว
สมบัติ บุญงามอนงค์
บ.ก.ลายจุด
ที่ผ่านมาการใส่หน้ากากเพื่อแสดง ออกเชิงสัญลักษณ์ไม่ค่อยปรากฏให้สังคมเห็นบ่อยนัก จึงเป็นการเคลื่อนไหวที่สร้างสีสัน แต่กลุ่มนี้พลังแทบไม่มี เพราะใช้ประเด็นเดิมๆ คำพูดเดิมๆ
แม้จุดมุ่งหมายเพื่อล้มล้างรัฐบาลแต่คงทำได้ยาก ไม่สามารถเรียกมวลชนมาเข้าร่วมได้มากกว่านี้ เนื่องจากผู้เคลื่อนไหวเป็นพวกหน้าเดิมๆ เป็นกลุ่มที่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ หรือพวกพันธมิตร
ที่ดูว่ากายฟอว์กส์มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ก็แค่ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ลงมาชุมนุมบนถนน คงได้แต่แสดงความคิดเห็นทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
ดังนั้นหน้ากากกายฟอว์กส์ที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จึงไม่ใช่พวกหน้าใหม่ เพราะหากเป็นกลุ่มที่ไม่เคยเคลื่อนไหวมาก่อน คงสร้างความแตกต่างทางความคิด และอาจมีพลังมากกว่านี้
เชื่อว่าประเด็นนี้ไม่นานก็ต้องซาลง และสลายไปในที่สุด
อีกทั้งหน้ากากกายฟอว์กส์ในเมืองไทย ได้บิดเพี้ยนความหมายของสากลไปอย่างสิ้นเชิง เรียกง่ายๆ ว่าไม่ตรงตามรูปแบบที่สากลทำกัน
กล่าวคือหน้ากากกายฟอว์กส์สากลจะนิยามกลุ่มตัวเองว่า We are 99% หมายถึงเป็นเสียงข้างมาก เป็นคนส่วนใหญ่ ซึ่งก็ต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ จึงจะสามารถนิยามว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ได้
แต่ในเมืองไทยเห็นชัดว่าเป็นเสียงส่วนน้อย จุดกระแสก็ไม่ติด แต่พยายามสร้างมาตรฐานให้เป็นเสียงส่วนใหญ่ นอกจากจะขัดกับความเป็นจริงแล้ว สาระก็ยังหาไม่ได้
ซึ่งในข้อเท็จจริง กายฟอว์กส์ในประวัติศาสตร์ หรือในภาพยนตร์ "วี ฟอร์ เวนเดตต้า" สื่อความหมายในการเคลื่อนไหวได้ดีมาก แต่ในเมืองไทยกลับทำให้หน้ากากกายฟอว์กส์หมดความหมายไปโดยปริยาย
ส่วนกลุ่มหน้ากากแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้น เจตนาเพื่อต่อต้านกลุ่มหน้ากาก กายฟอว์กส์ ไม่น่าจะมีการเผชิญหน้ากัน แค่ออกมาป่วนเท่านั้น ไม่ถึงขั้นปะทะ
แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่หน้ากากแดงจะต้องออกมาต่อต้าน เพราะถึงอย่างไรหน้ากาก กายฟอว์กส์ก็ใกล้จะถึงทางตันแล้ว
อย่างไรก็ตาม การแสดงออกในลักษณะนี้เป็นสิทธิที่ทำกันได้ และเป็นเรื่องดีที่จะทำให้การเมืองมีความหลากหลาย มากกว่าการปักหลักชุมนุมอย่างเดียว
เพียงแต่การจะนำสัญลักษณ์ใดมาควรศึกษาให้เข้าใจเสียก่อน จะได้ไม่ทำให้สัญลักษณ์นั้นหมดราคาไป
ยุทธพร อิสรชัย
คณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช
คนกลุ่มหนึ่งใช้หน้ากากสีขาวเป็นสัญลักษณ์เคลื่อนไหว คงไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการแสดงออกให้สังคมรับรู้ว่า หากเห็นคนใส่หน้ากากขาวแสดงว่ามีแนวคิดที่ต่างไปจากรัฐบาล
ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้น่าจะเป็นในเชิงสัญลักษณ์ มากกว่าหวังผลอื่นใดทางการเมือง เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนงานของรัฐบาล
การทำกิจกรรมในลักษณะนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้กลุ่มคนเสื้อแดงก็เคยออกมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อสื่อสารให้เห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดทางการเมืองของอีกฝ่าย
เช่น การแต่งชุดกันหนาวแสดงสัญลักษณ์ ว่าไม่เห็นด้วยในช่วงที่มีม็อบแช่แข็งประเทศไทย การทำท่าแพลงกิ้งที่แยกราชประสงค์ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คงไม่มีพลังสร้างความปั่นป่วน นำไปสู่ความรุนแรงหรือล้มรัฐบาลได้
เพราะตอนนี้ยังไม่มีประเด็นอะไรที่จะทำให้ประชาชนเกิดความคับข้องใจทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม มากถึงขั้นที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้นการใส่หน้ากากขาวคงไม่สามารถจุดกระแสได้
ส่วนกฎหมายต่างๆ ที่ยังมีความเห็นต่างอยู่ขณะนี้ ทั้งกฎหมายเงินกู้ กฎหมายนิรโทษกรรม ก็มีเวทีสภาให้วิพากษ์วิจารณ์กันตามระบบอยู่แล้ว เมื่อมีพื้นที่ให้แสดงออกทางความคิด พื้นที่การชุมนุมก็จะลดลง
เหมือนกับการเปิดฝาให้ไอน้ำได้ระเหยออก ช่วยลดความอึดอัดคับข้องใจให้น้อยลง จึงไม่มองว่าการเคลื่อนไหวของหน้ากากขาวจะเป็นเรื่องที่น่าวิตกอะไร
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว ย่อมเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่ทำงานการเมืองเป็นปกติอยู่แล้ว แต่คงไม่มีผลอะไรมากนัก
Share บทความค่า "หน้ากากขาวไร้ราคา" ขอกด like หลายๆๆ ที
อ่านเกม - วัดพลัง"หน้ากากขาว"
รายงานพิเศษ
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนสวมหน้ากาก ทั้งหน้า กากขาวและหน้ากากแดง กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์วงกว้าง ว่าจะนำไปสู่การเผชิญหน้า เกิดเหตุการณ์รุนแรงได้หรือไม่
อีกทั้งในแง่การจุดติดกระแส จะมีพลังเพียงพอที่จะเรียกคนออกมาชุมนุมได้มากน้อยขนาดไหน และกลุ่มดังกล่าวเชื่อมโยงกับการเมืองด้วยหรือไม่
มีความเห็นจากนักวิเคราะห์สถานการณ์ดังต่อไปนี้
ยุกติ มุกดาวิจิตร
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์
กายฟอว์กส์ คือนามของคนอังกฤษที่วางแผนระเบิดรัฐสภาเพื่อลอบสังหารพระเจ้าเจมส์ที่ 1 กษัตริย์อังกฤษในสมัยศตวรรษที่ 16
จากนั้นก็มีหนังสือที่พูดถึงกายฟอว์กส์ รวมถึงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง "วี ฟอร์ เวนเดตต้า" ซึ่งมีเนื้อหาดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของเขา เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนใส่หน้ากากขาวลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ
ปี 2008 แฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่งเรียกตัวเองว่าพวกไม่มีตัวตน (Anonymous) ใช้สัญลักษณ์เป็นหน้ากากกายฟอว์กส์ ต่อต้านลัทธิศาสนาที่เรียกกันว่า Scientology ซึ่งคนมีชื่อเสียงและคนมีฐานะดีนิยมศรัทธากันมาก แต่กลุ่มไม่มีตัวตนเห็นว่าลัทธิดังกล่าวกำลังครอบงำสังคม
ปี 2011 มีกลุ่ม occupy movement ออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนนในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐ ต่อต้านการจับมือกันของกลุ่มทุนและรัฐบาล จากนั้นกลุ่ม occupy movement ก็ค่อยๆ แพร่ขยายไปทั่วโลก เพื่อต่อต้านประเด็นดังกล่าว
แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาวในประเทศไทยต่างออกไป โดยใส่หน้ากากต่อต้านรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้จะเป็นกลุ่มคนเดิมๆ แต่สิ่งนี้กำลังสะท้อนถึงวิกฤตอัตลักษณ์ของชนชั้นกลางในการแสดงออกทางการเมือง
และสะท้อนถึงภาพกลุ่มอนุรักษนิยมที่เริ่มกระจัดกระจาย
เพราะกลุ่มหน้ากากขาวปฏิเสธการเป็น กลุ่มก้อนที่ชัดเจนเหมือนกลุ่มเสื้อเหลืองแบบกลุ่มพันธมิตร พวกเขาไม่อยากเป็นแบบกลุ่มเสื้อหลากสี กลุ่มไทยสปริง หรือกลุ่มม็อบสนามหลวง
ที่เมื่อเปิดเผยตัวตน มีข้อเรียกร้องชัดเจน ก็จะตามมาด้วยการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มีภาพลักษณ์ที่เป็นลบ และไม่มีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร
ฉะนั้น กลุ่มหน้ากากขาวจึงไม่ยอมรับการเปิดเผยตัวตน เพราะไม่อยากมีภาพเหมือนกลุ่มที่กล่าวมา
เมื่อดูจากข้อเรียกร้องที่กลุ่มนี้ชูป้ายเดินประท้วง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ มีข้อความไล่รัฐบาล มากกว่านั้นยังมีข้อความเรียกร้องให้ทหารออกมา
สะท้อนว่าการนำหน้ากากกายฟอว์กส์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สากลมาใช้ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าอยากจะบอกว่าตัวเองนั้นเท่ หรือสามารถสื่อสารแบบสากลได้
ซึ่งนอกจากจะไม่มีพลังอะไรเลย ยังเป็นสัญญาณให้เห็นว่าอุดมการณ์แบบอนุรักษ นิยมกำลังบั่นทอนตัวเอง
บนถนนการต่อสู้ทางการเมือง คนกลุ่มนี้เดินมาจนสุดทาง ไม่มีเครื่องมืออะไรที่มีพลังพอแล้ว เพราะเขาปฏิเสธการเลือกตั้ง และเลือกใช้คุณธรรมหรือความดีเป็นเครื่องมือแทน
แต่พอใส่หน้ากากไม่เปิดเผยตัวตนก็ยิ่งไม่มีพลังอะไรเลย เหลือแต่ความอยากแสดง ออกทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งจะไม่นำไปสู่อะไรเลยเช่นกัน
และไม่ถึงขั้นจะก่อให้เกิดความรุนแรงใดๆ ด้วย เป็นแค่คนขี้หงุดหงิดธรรมดาๆ
ส่วนหน้ากากแดงนั้นไม่มีอะไรพิเศษ จะใส่หรือไม่ใส่ สังคมก็รู้ว่าพวกเขาคือคนเสื้อแดงซึ่งมีเป้าหมายการต่อสู้ทางการเมืองชัดเจนอยู่แล้ว
สมบัติ บุญงามอนงค์
บ.ก.ลายจุด
ที่ผ่านมาการใส่หน้ากากเพื่อแสดง ออกเชิงสัญลักษณ์ไม่ค่อยปรากฏให้สังคมเห็นบ่อยนัก จึงเป็นการเคลื่อนไหวที่สร้างสีสัน แต่กลุ่มนี้พลังแทบไม่มี เพราะใช้ประเด็นเดิมๆ คำพูดเดิมๆ
แม้จุดมุ่งหมายเพื่อล้มล้างรัฐบาลแต่คงทำได้ยาก ไม่สามารถเรียกมวลชนมาเข้าร่วมได้มากกว่านี้ เนื่องจากผู้เคลื่อนไหวเป็นพวกหน้าเดิมๆ เป็นกลุ่มที่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ หรือพวกพันธมิตร
ที่ดูว่ากายฟอว์กส์มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ก็แค่ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ลงมาชุมนุมบนถนน คงได้แต่แสดงความคิดเห็นทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
ดังนั้นหน้ากากกายฟอว์กส์ที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จึงไม่ใช่พวกหน้าใหม่ เพราะหากเป็นกลุ่มที่ไม่เคยเคลื่อนไหวมาก่อน คงสร้างความแตกต่างทางความคิด และอาจมีพลังมากกว่านี้
เชื่อว่าประเด็นนี้ไม่นานก็ต้องซาลง และสลายไปในที่สุด
อีกทั้งหน้ากากกายฟอว์กส์ในเมืองไทย ได้บิดเพี้ยนความหมายของสากลไปอย่างสิ้นเชิง เรียกง่ายๆ ว่าไม่ตรงตามรูปแบบที่สากลทำกัน
กล่าวคือหน้ากากกายฟอว์กส์สากลจะนิยามกลุ่มตัวเองว่า We are 99% หมายถึงเป็นเสียงข้างมาก เป็นคนส่วนใหญ่ ซึ่งก็ต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ จึงจะสามารถนิยามว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ได้
แต่ในเมืองไทยเห็นชัดว่าเป็นเสียงส่วนน้อย จุดกระแสก็ไม่ติด แต่พยายามสร้างมาตรฐานให้เป็นเสียงส่วนใหญ่ นอกจากจะขัดกับความเป็นจริงแล้ว สาระก็ยังหาไม่ได้
ซึ่งในข้อเท็จจริง กายฟอว์กส์ในประวัติศาสตร์ หรือในภาพยนตร์ "วี ฟอร์ เวนเดตต้า" สื่อความหมายในการเคลื่อนไหวได้ดีมาก แต่ในเมืองไทยกลับทำให้หน้ากากกายฟอว์กส์หมดความหมายไปโดยปริยาย
ส่วนกลุ่มหน้ากากแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้น เจตนาเพื่อต่อต้านกลุ่มหน้ากาก กายฟอว์กส์ ไม่น่าจะมีการเผชิญหน้ากัน แค่ออกมาป่วนเท่านั้น ไม่ถึงขั้นปะทะ
แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่หน้ากากแดงจะต้องออกมาต่อต้าน เพราะถึงอย่างไรหน้ากาก กายฟอว์กส์ก็ใกล้จะถึงทางตันแล้ว
อย่างไรก็ตาม การแสดงออกในลักษณะนี้เป็นสิทธิที่ทำกันได้ และเป็นเรื่องดีที่จะทำให้การเมืองมีความหลากหลาย มากกว่าการปักหลักชุมนุมอย่างเดียว
เพียงแต่การจะนำสัญลักษณ์ใดมาควรศึกษาให้เข้าใจเสียก่อน จะได้ไม่ทำให้สัญลักษณ์นั้นหมดราคาไป
ยุทธพร อิสรชัย
คณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช
คนกลุ่มหนึ่งใช้หน้ากากสีขาวเป็นสัญลักษณ์เคลื่อนไหว คงไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการแสดงออกให้สังคมรับรู้ว่า หากเห็นคนใส่หน้ากากขาวแสดงว่ามีแนวคิดที่ต่างไปจากรัฐบาล
ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้น่าจะเป็นในเชิงสัญลักษณ์ มากกว่าหวังผลอื่นใดทางการเมือง เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนงานของรัฐบาล
การทำกิจกรรมในลักษณะนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้กลุ่มคนเสื้อแดงก็เคยออกมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อสื่อสารให้เห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดทางการเมืองของอีกฝ่าย
เช่น การแต่งชุดกันหนาวแสดงสัญลักษณ์ ว่าไม่เห็นด้วยในช่วงที่มีม็อบแช่แข็งประเทศไทย การทำท่าแพลงกิ้งที่แยกราชประสงค์ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คงไม่มีพลังสร้างความปั่นป่วน นำไปสู่ความรุนแรงหรือล้มรัฐบาลได้
เพราะตอนนี้ยังไม่มีประเด็นอะไรที่จะทำให้ประชาชนเกิดความคับข้องใจทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม มากถึงขั้นที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้นการใส่หน้ากากขาวคงไม่สามารถจุดกระแสได้
ส่วนกฎหมายต่างๆ ที่ยังมีความเห็นต่างอยู่ขณะนี้ ทั้งกฎหมายเงินกู้ กฎหมายนิรโทษกรรม ก็มีเวทีสภาให้วิพากษ์วิจารณ์กันตามระบบอยู่แล้ว เมื่อมีพื้นที่ให้แสดงออกทางความคิด พื้นที่การชุมนุมก็จะลดลง
เหมือนกับการเปิดฝาให้ไอน้ำได้ระเหยออก ช่วยลดความอึดอัดคับข้องใจให้น้อยลง จึงไม่มองว่าการเคลื่อนไหวของหน้ากากขาวจะเป็นเรื่องที่น่าวิตกอะไร
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว ย่อมเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่ทำงานการเมืองเป็นปกติอยู่แล้ว แต่คงไม่มีผลอะไรมากนัก