โอกาสกองทุนRMF-LTF มอร์นิ่งสตาร์-โบรกฯแนะทยอยซื้อ20-40%

กระทู้สนทนา
วันพุธที่ 05 มิถุนายน 2013 เวลา 10:19 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การเงิน Financial - คอลัมน์ : การเงิน Financial



นักวิเคราะห์กองทุนรวม-โบรกเกอร์ เชียร์หุ้นปรับฐานแล้ว 5-6 %  โอกาสซื้อสะสมกองทุนลดหย่อนภาษี RMF-LTF มอร์นิ่งสตาร์ แนะผู้ที่มีแผนลงทุนปีแรก ควรเริ่มต้นซื้อส่วน 30-40 % บล. โนมูระ พัฒนสินฯ

alt ชี้สำหรับผู้ที่ลงทุนอยู่แล้วให้สะสมเพิ่มอีก 20% ของมูลค่าซื้อทั้งปี บลจ. ไทยพาณิชย์ฯ มองความเสี่ยงการเมืองลด ดอกเบี้ยนโยบายปรับลง ทำให้ผลตอบแทนตลาดหุ้นน่าสนใจมากขึ้น  

    นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย )จำกัด เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐานนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการทยอยลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีทั้ง 2 ประเภท คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF)ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น  โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยลงทุนในกองทุนเหล่านี้มาก่อนและมีแผนลงทุนปีนี้  แนะนำให้เริ่มต้นลงทุนในส่วน 30-40 % ของเงินที่มีแผนลงทุนทั้งปี

    "หุ้นถอยมารอตั้งกว่า 100 จุด  หรือลดลง 5-6% นับจากจุดสูงสุดที่ 1,650 จุด" นายกิตติคุณ กล่าวและว่าจังหวะนี้จึงถือเป็นโอกาสลงทุนสำหรับคนที่พลาดการลงทุนช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯยืนอยู่แถว  1,400 จุดปลาย ๆ และเพียงเดือนครึ่งดัชนีปรับขึ้นไปถึง  150 จุด

    นักวิเคราะห์รายนี้ยังกล่าวอีกว่าการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีทั้งกองทุนRMF และกองทุนLTF  ถือเป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นนักลงทุนไม่จำเป็นต้องรอซื้อที่จุดต่ำสุด เพราะเป็นโอกาสที่ยาก ขณะที่ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าดัชนีหุ้นไทยก็ปรับขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่แล้ว

    อย่างไรก็ตามนักลงทุนไม่ควรทุ่มเงินลงทุนในคราวเดียว แต่แนะนำให้ทยอยลงทุน เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามทั้งเรื่องมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือคิวอี ( QE ) ของสหรัฐอเมริกา ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม คือ นโยบายการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท  และพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ส่วนผู้ที่ลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน( Dollar Cost AverageหัวเราะCA) ก็ให้ลงทุนไปตามปกติ

    ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โนมูระ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน)(บมจ.) มองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ระดับปัจจุบัน มีความเสี่ยงในการปรับตัวลงที่ค่อนข้างจำกัด  เทียบเท่าอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช)ปี 2556 ที่ประมาณ 14.35 เท่า หนุนให้อัตราผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นกับตลาดพันธบัตร(ERP) แตกต่างกันถึงระดับ 4.46%  ซึ่งเป็นจุดที่เพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นในการเข้าทยอยสะสมหุ้นสำหรับนักลงทุนระยะกลาง

    นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดภาษีสามารถเข้าสะสมกองทุนLTFและกองทุนRMF  เพิ่มอีก 20% ของมูลค่าซื้อทั้งปี หลังรอบแรกฝ่ายวิเคราะห์ได้แนะนำซื้อไปช่วงตลาดปรับฐานรอบเดือนเมษายนที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ 1,455-1,480 จุด ราว 30%

    นางโชติกา  สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนี้ว่า ยังคงมีความน่าสนใจลงทุน จากการที่ตลาดได้ปรับตัวลดลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง  เนื่องจากนักลงทุนหันกลับไปลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ยังคงดีอยู่ และหลายบริษัทจะมีผลการดำเนินการที่ดีขึ้นในไตรมาสถัดไป

    ดังนั้นในระดับราคาหุ้นปัจจุบันนั้น จึงเป็นจังหวะดีที่จะทยอยเลือกซื้อหุ้นที่ดีเก็บไว้  ประกอบกับความเสี่ยงด้านการเมืองลดลงจากการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายได้มีการปรับลงอีก 0.25% ซึ่งจะส่งผลให้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นดูน่าสนใจมากขึ้น  ทั้งนี้ ในส่วนของผลดำเนินงานกองทุนหุ้นก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาด ถึงแม้จะมีการปรับตัวลดลงบ้างแต่ก็มองว่าเป็นการปรับตัวระยะสั้น โดยทิศทางระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น จึงแนะนำให้นักลงทุนถือครองกองทุนรวมหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและกองทุนที่มีการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตเร็วและทำกำไรสูง  

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,850 วันที่  6 - 8  มิถุนายน พ.ศ. 2556

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่