อาจจะยาวไปหน่อยนะคะ
ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นนักศึกษาภาคเสาร์-อาทิตย์ เวลาเราไปเรียนในกลุ่มเราจะมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่3คน
คือเรา พี่ แจง (นามสมมติ คนนี้สนิทกับเรามากที่สุด) บอม (นามสมมติ เป็นผู้ชาย)
วันนั้นคาบเเรกเราเรียนวิชาเดียวกันกับพี่แจง และพี่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่เราเรียนคณะเดียวกัน ส่วนบอมเรียนอยู่อีกห้องหนึ่ง พอพักคาบพี่แจงก็ชวนเราไปกินข้าวเช้าก่อนที่จะขึ้นมาเรียนต่อ
เมื่อเรียนวิชาเเรกเสร็จแล้ว ก็เพิ่งรู้ว่าตอนบ่ายไม่ได้เรียน เรากับเพื่อนคือพี่แจง กับบอม เลยชวนกันไปกินข้าวที่ห้างตรงข้ามมหาลัย เลือกทานกันที่ร้าน KFC แต่ตอนนั้นเรานึกขึ้นได้ว่าเรามีของที่ต้องซื้อที่ร้านวัตสัน เลยชวนเพื่อนไปเดินซื้อของก่อนค่อยมากินกัน
พอเลือกซื้อของเสร้จเราก้จะมาจ่ายตังค์ที่เคาร์เตอร์ เมื่อทราบราคาสินค้าที่ต้องจ่ายเราก็หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเพื่อจ่ายเงิน แต่แล้วเราก็ต้องตกใจ เงินเราหายค่ะ!!!
จากที่ตอนเช้ามีประมาณ พันกว่าบาท แต่ในกระเป๋าเหลืออยู่เพียง 500 บาท เงินเราในกระเป๋าจะมีแต่เเบงค์100 เพราะเป็นเงินเก็บจากทั้งอาทิตย์ เรามึนงงมากเลยตอนนั้น ได้เเต่รีบจ่ายเงินให้เสร็จแล้วออกมานอกร้านหาเพื่อนที่ยืนรออยู่ด้านนอก เรารีบพูดให้เพื่อนฟังอย่างตกใจ เพื่อนก็มีสีหน้าตกใจทั้งสองคน เลยชวนกันไปนั่งกันที่ร้านก่อนเพื่อคิดดูว่าได้เอาเงินไปซื้ออะไรมั้ย
พอถึงที่ร้านเราก็นั่งคิดพร้อมสั่งอาหารมาทานกัน บอมก็ถามเราว่าได้เอาเงินไปซื้ออะไรหรือเปล่า เราก็บอกว่าไม่ ตอนเช้าไม่ได้ซื้ออะไรเลย แค่กินข้าวแล้วจ่ายเงินไปแบงค์ร้อย ตอนนั้นเงินก็ยังครบอยู่ และเป้นไปไม่ได้ที่จะมีคนมราขดมยในกระเป๋า เพราะเราเก็บของไว้ติดตัวตลอดเวลายกเว้นตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ เราฝากกระเป๋าไว้ด้านนอกกับบอมแล้วไปเข้าห้องน้ำกับพี่แจง
ตอนนั้นเราก็แอบคิดสงสัยบอมเหมือนกัน แต่กระเป๋าเราจะเป็นลักษณธเป้สะพายหลังใหญ่ๆ จะมี IPad4 1 เครื่อง Iphone5 1เครื่อง Ipod 1เครื่อง (เอาไว้ฟังเพลงตอนนั่งรถเรานั่งรถตู้มาเรียนที่ต่างจังหวัดค่ะใช้เวลาเกือบชั่วโมงครึ่ง )กระเป๋าสตางค์ และก็กระเป๋าเครื่องสำอางค์ (เราค่อนข้างจะเอาสมบัติไปเรียนเยอะ)
ลักษณะการเก็บจะเป็นแบบนี้ค่ะ เราเอา ipad ไว้ด้านหลังช่องที่เก็บ(เป็นกระเป๋าของse-edคิดภาพออกกันมั้ยคะ) แล้วเอากระเป๋าสตางค์ลงก่อนตามด้วยโทรศัพท์และกระเป๋าเครื่องสำอางค์ใบใหญ่(เป้นกระเป๋าใส่ดินสอขอbody glove น่ะคะแต่เราเอามาใส่เครื่องสำอางค์) เราเข้าห้องน้ำประมาณ5นาที ถ้าบอมเป็นคนเอาไปของในกระเป๋าเราต้องกระจายพอสมควรและต้องใช้เวลา และที่สำคัญไม่เอาไปหมดกระเป๋าแต่เอาไปแค่บางส่วน สภาพของในกระเป๋าเราตอนที่เราเปิดยังอยู่ในลักษณะเดิม และตอนที่เราเข้าห้องน้ำ บอมอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ในคณะอีกหลายคน ตอนที่เราออกมาบอมก็ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะด้วย และตลอดเวลาที่รู้จักกันมา2ปี บอมไม่เคยขอยืมเงินเรา หรือไม่เคยแสดงว่าเดือดร้อนเงินเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าจะอาศัยอยู่กับตาและยายก็ตาม
เพื่อนก็ถามเราว่าได้เอาเงินไปซื้ออะไรมั้ย พี่แจงก็บอกแทนเราว่า เราไม่ได้ไปซื้ออะไรเพราะเราอยู่กับพี่แจงตลอดเวลาถ้าซื้ออะไรพี่แจงก็ต้องเห็น คำพูดนั้นทำเราสะดุดใจขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ยังไม่คิดอะไร
เราก็ได้แต่บอกเพื่อนว่าเราไม่ได้ไปซื้ออะไร และเราไม่ได้ทิ้งกระเป๋าไว้ไหน นอกจากตอนที่เราเข้าห้องน้ำครั้งเดียว เราจะกล้าทิ้งกระเป่าเราไว้ได้ไงในเมื่อของเราเยอะขนาดนี้ เงินมันหายไปได้ยังไงทั้งที่กระเป๋าอยู่กับเราตลอดเวลา และที่สำคัญทำไมไม่เอาไปหมด โทรศัพท์เราถ้าเอาไปขายเอาตังค์ก็ได้เงินพอสมควรทำไมไม่เอาไป เอาเงินไปก็เอาไปแค่บางส่วนนับเอาแต่เงินที่เราใช้ประจำวันและไม่เอาแบงค์ย่อยไป เอาแต่เงินร้อย แถมเหมือนนับเป็นจำนวนด้วยเหมือนตั้งค์ใจว่าจะหยิบเอาไปเท่าไหร่ไม่ได้หยิบแบบลวกๆ ส่วนเงินเก็บอีกช่องในกระเป๋าเดียวกันกลับไม่เอาไป เรางงตรงมากกว่า
แล้วอยู่ๆพี่แจงก็พูดขึ้นว่ามันรู้ไงว่าถ้าเอาโทรศัพท์ไป ..(ชื่อเรา) ก็ตามได้เพราะเราใช้ App ตัวหนึ่งที่เอาไว้เชื่อมระหว่าง ipad และ iphone มันเลยไม่เอาไป แล้วพี่แจงก็หยิบเงินในกระเป๋าตัวเองขึ้นมา (ลักษณะเป็นแบงค์ร้อยขย้ำม้วนๆพันกัน) เงินพี่ก็มีเท่านี้ แม่พี่ให้มา700บาท
ตอนนั้นเรางงมาก จะหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะอาหารทำไม เราไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย บอมก็มองหน้าเราแบบงงๆว่าพี่แจงหยิบขึ้นมาทำไม
เราก็ได้แต่บอกว่าช่างเถอะ (กลัวเพื่อนกินข้าวไม่อร่อยเลยพูดแบบนั้นออกไป ทั้งที่ในใจกังวลและเสียดายมาก เรางก -*-) เงิน 500 กว่าบาท ถือว่าฟาดเคราะห์ พี่แจงก้บอกว่าใช่ๆ ช่างมันเถอะ แล้วเราก็ทานข้าวจนเสร็จ ตอนนั้นไม่ได้สงสัยใครเลย ได้แต่งงว่าเงินหายไปได้ยังไง
แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับ พี่แจงบอกให้บอมพาไปเอาครีมกับเพื่อนที่มหาลัย ส่วนเราแยกกลับต่างจังหวัดกับพี่เขยที่มาเอาของในจังหวัด พอขึ้นมาบนรถเราก็หลับตา คิดว่าเงินมันหายไปได้ยังไง มีตอนไหนบ้างที่เราเอากระเป่าให้คนอื่น แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นไง
ตอนเช้าที่เราไปกินข้าวกับพี่แจง มีตอนนั้นแหละที่ทานข้าวกันเเล้วพี่เเจงพูดให้เราฟังว่าเลิกกับแฟนที่คบกันมา3เดือนแล้วนะ(แฟนคนนี้เราบอกพี่แจงเลยว่าไม่ต้องมาพูดอะไรให้เราฟัง เราไม่ชอบแฟนพี่คนนี้ ดูยังไงก็คบกันไม่ได้หรอกผู้ชายที่เอาแต่เที่ยวไม่เรียนหนังสือ เล่นแต่พนันบอล โทรศัพท์เพิ่งซื้อไปแท้ๆก็เอาไปจำนำเพื่อเอาไปเล่นพนัน เราไม่อยากฟังไม่สนับสนุนให้คบไม่ต้องเล่าให้เราฟังนะ ตรงนี้พี่เขาก็เข้าใจและไม่เคยพูดเรื่องผุ้ชายคนนี้ให้เราฟัง)
เราก็ถามว่าทำไมถึงเลิกกันล่ะ (แต่ในใจคิดว่า ว่าแล้ว)พี่แจงก้บอกว่า คบไปเค้าก็เอาแต่เที่ยวกลางคืน พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นที่ต้องไปนั่งเฝ้าเขาในวงเหล้า แถมนอกใจพี่ เงินมีเท่าไหร่ก็เอาไปลงกับพนัน เคยมีเงินในบรรชีเป็น10ล้าน เขาเอาให้พี่ดู(ไม่รู้ว่าเขาโม้หรือเปล่านะคะ แต่พี่เรากับแฟนคนนี้ยังไม่มีอะไรกัน นี้ก็ไม่รู้ว่าเขาโกหกเราหรือเปล่า) คบไปก็ไม่มีอนาคตเลยเลิกดีกว่่า
ตอนที่เราฟังเราก็ไม่ค่อยเชื่อพี่เขาเท่าไหร่ว่าพี่เขาเป็นคนถอยห่างออกมา เพราะพี่แจงโกหกีไรเราจับได้ตลอด(ตอนนี้เราก็จับได้แล้วว่าพี่แจงไม่ได้ลบเเฟนเก่าออกจากเฟสบุ๊ค แต่เป็นแฟนเก่าพี่แจงต่างหากที่ลบพี่แจงออกจากเฟสเพราะกลัวว่าแฟนอีกคนจะเห็น) เราก็ได้แต่เออออไป เราก็ถามพี่เขาว่าเงินนี้เคยให้แฟนเก่ายืมมั้ย เพราะพี่แจงจะรักใครจะทุ่มสุดตัว ขออะไรให้หมด เราได้ห้ามไว้หลายครั้ง พี่แจงก็บอกว่าไม่ มันไม่เคยยืมเงินพี่ เราก็เหรอดีแล้ว (แต่ตอนที่พี่แจงคบกับผู้ชายคนนี้ ชอบมาขอยืมเงินเราบ่อยมาก แต่เราก็ไม่ให้เพราะรู้ว่าถ้าเอาเงินไปก็เอาไปลงที่ร้านเหล้า แต่ถ้ายิมเงินเราไปซื้อของที่เห็นเป้นชิ้นเป็นอันเราให้ยืมบ่อยนะคะ)
พอทานข้าวเสร็จพี่แจงก็ถามเราว่า เข้าห้องน้ำมั้ย เราก็เลยบอกว่า เออ เข้าสิ ตอนนั้นในมือพี่แจงมีปากกาด้ามเดียว แต่เราถือกระเป๋าสตางค์ใบเดียวเหมือนกัน พอเข้าห้องน้ำพี่แจงก็บอกเราว่า เดี่ยวพี่เข้าก่อนนะ จะได้ฝากกันถือกระเป๋า เราก็งงๆ ถือกระเป๋าอะไร ในเมื่อพี่แจงมีแค่ปากกา เรามีแค่กระเป๋าสตางค์ใบเดียว(กระเป๋าใบใหญ่ฝากพี่เขาไว้บนห้องเรียน) จะเข้าห้องน้ำเราก็วางไว้ในห้องน้ำตรงหัวชักโครกก็ได้ เราก็เออๆตอบส่งๆไปไม่ได้ใส่ใจ
*****ต่อความคิดเห็นที่ 3
ถ้าโดนเพื่อนทำแบบนี้...คุณจะรู้สึกยังไงคะ
ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นนักศึกษาภาคเสาร์-อาทิตย์ เวลาเราไปเรียนในกลุ่มเราจะมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่3คน
คือเรา พี่ แจง (นามสมมติ คนนี้สนิทกับเรามากที่สุด) บอม (นามสมมติ เป็นผู้ชาย)
วันนั้นคาบเเรกเราเรียนวิชาเดียวกันกับพี่แจง และพี่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่เราเรียนคณะเดียวกัน ส่วนบอมเรียนอยู่อีกห้องหนึ่ง พอพักคาบพี่แจงก็ชวนเราไปกินข้าวเช้าก่อนที่จะขึ้นมาเรียนต่อ
เมื่อเรียนวิชาเเรกเสร็จแล้ว ก็เพิ่งรู้ว่าตอนบ่ายไม่ได้เรียน เรากับเพื่อนคือพี่แจง กับบอม เลยชวนกันไปกินข้าวที่ห้างตรงข้ามมหาลัย เลือกทานกันที่ร้าน KFC แต่ตอนนั้นเรานึกขึ้นได้ว่าเรามีของที่ต้องซื้อที่ร้านวัตสัน เลยชวนเพื่อนไปเดินซื้อของก่อนค่อยมากินกัน
พอเลือกซื้อของเสร้จเราก้จะมาจ่ายตังค์ที่เคาร์เตอร์ เมื่อทราบราคาสินค้าที่ต้องจ่ายเราก็หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเพื่อจ่ายเงิน แต่แล้วเราก็ต้องตกใจ เงินเราหายค่ะ!!!
จากที่ตอนเช้ามีประมาณ พันกว่าบาท แต่ในกระเป๋าเหลืออยู่เพียง 500 บาท เงินเราในกระเป๋าจะมีแต่เเบงค์100 เพราะเป็นเงินเก็บจากทั้งอาทิตย์ เรามึนงงมากเลยตอนนั้น ได้เเต่รีบจ่ายเงินให้เสร็จแล้วออกมานอกร้านหาเพื่อนที่ยืนรออยู่ด้านนอก เรารีบพูดให้เพื่อนฟังอย่างตกใจ เพื่อนก็มีสีหน้าตกใจทั้งสองคน เลยชวนกันไปนั่งกันที่ร้านก่อนเพื่อคิดดูว่าได้เอาเงินไปซื้ออะไรมั้ย
พอถึงที่ร้านเราก็นั่งคิดพร้อมสั่งอาหารมาทานกัน บอมก็ถามเราว่าได้เอาเงินไปซื้ออะไรหรือเปล่า เราก็บอกว่าไม่ ตอนเช้าไม่ได้ซื้ออะไรเลย แค่กินข้าวแล้วจ่ายเงินไปแบงค์ร้อย ตอนนั้นเงินก็ยังครบอยู่ และเป้นไปไม่ได้ที่จะมีคนมราขดมยในกระเป๋า เพราะเราเก็บของไว้ติดตัวตลอดเวลายกเว้นตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ เราฝากกระเป๋าไว้ด้านนอกกับบอมแล้วไปเข้าห้องน้ำกับพี่แจง
ตอนนั้นเราก็แอบคิดสงสัยบอมเหมือนกัน แต่กระเป๋าเราจะเป็นลักษณธเป้สะพายหลังใหญ่ๆ จะมี IPad4 1 เครื่อง Iphone5 1เครื่อง Ipod 1เครื่อง (เอาไว้ฟังเพลงตอนนั่งรถเรานั่งรถตู้มาเรียนที่ต่างจังหวัดค่ะใช้เวลาเกือบชั่วโมงครึ่ง )กระเป๋าสตางค์ และก็กระเป๋าเครื่องสำอางค์ (เราค่อนข้างจะเอาสมบัติไปเรียนเยอะ)
ลักษณะการเก็บจะเป็นแบบนี้ค่ะ เราเอา ipad ไว้ด้านหลังช่องที่เก็บ(เป็นกระเป๋าของse-edคิดภาพออกกันมั้ยคะ) แล้วเอากระเป๋าสตางค์ลงก่อนตามด้วยโทรศัพท์และกระเป๋าเครื่องสำอางค์ใบใหญ่(เป้นกระเป๋าใส่ดินสอขอbody glove น่ะคะแต่เราเอามาใส่เครื่องสำอางค์) เราเข้าห้องน้ำประมาณ5นาที ถ้าบอมเป็นคนเอาไปของในกระเป๋าเราต้องกระจายพอสมควรและต้องใช้เวลา และที่สำคัญไม่เอาไปหมดกระเป๋าแต่เอาไปแค่บางส่วน สภาพของในกระเป๋าเราตอนที่เราเปิดยังอยู่ในลักษณะเดิม และตอนที่เราเข้าห้องน้ำ บอมอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ในคณะอีกหลายคน ตอนที่เราออกมาบอมก็ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะด้วย และตลอดเวลาที่รู้จักกันมา2ปี บอมไม่เคยขอยืมเงินเรา หรือไม่เคยแสดงว่าเดือดร้อนเงินเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าจะอาศัยอยู่กับตาและยายก็ตาม
เพื่อนก็ถามเราว่าได้เอาเงินไปซื้ออะไรมั้ย พี่แจงก็บอกแทนเราว่า เราไม่ได้ไปซื้ออะไรเพราะเราอยู่กับพี่แจงตลอดเวลาถ้าซื้ออะไรพี่แจงก็ต้องเห็น คำพูดนั้นทำเราสะดุดใจขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ยังไม่คิดอะไร
เราก็ได้แต่บอกเพื่อนว่าเราไม่ได้ไปซื้ออะไร และเราไม่ได้ทิ้งกระเป๋าไว้ไหน นอกจากตอนที่เราเข้าห้องน้ำครั้งเดียว เราจะกล้าทิ้งกระเป่าเราไว้ได้ไงในเมื่อของเราเยอะขนาดนี้ เงินมันหายไปได้ยังไงทั้งที่กระเป๋าอยู่กับเราตลอดเวลา และที่สำคัญทำไมไม่เอาไปหมด โทรศัพท์เราถ้าเอาไปขายเอาตังค์ก็ได้เงินพอสมควรทำไมไม่เอาไป เอาเงินไปก็เอาไปแค่บางส่วนนับเอาแต่เงินที่เราใช้ประจำวันและไม่เอาแบงค์ย่อยไป เอาแต่เงินร้อย แถมเหมือนนับเป็นจำนวนด้วยเหมือนตั้งค์ใจว่าจะหยิบเอาไปเท่าไหร่ไม่ได้หยิบแบบลวกๆ ส่วนเงินเก็บอีกช่องในกระเป๋าเดียวกันกลับไม่เอาไป เรางงตรงมากกว่า
แล้วอยู่ๆพี่แจงก็พูดขึ้นว่ามันรู้ไงว่าถ้าเอาโทรศัพท์ไป ..(ชื่อเรา) ก็ตามได้เพราะเราใช้ App ตัวหนึ่งที่เอาไว้เชื่อมระหว่าง ipad และ iphone มันเลยไม่เอาไป แล้วพี่แจงก็หยิบเงินในกระเป๋าตัวเองขึ้นมา (ลักษณะเป็นแบงค์ร้อยขย้ำม้วนๆพันกัน) เงินพี่ก็มีเท่านี้ แม่พี่ให้มา700บาท
ตอนนั้นเรางงมาก จะหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะอาหารทำไม เราไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย บอมก็มองหน้าเราแบบงงๆว่าพี่แจงหยิบขึ้นมาทำไม
เราก็ได้แต่บอกว่าช่างเถอะ (กลัวเพื่อนกินข้าวไม่อร่อยเลยพูดแบบนั้นออกไป ทั้งที่ในใจกังวลและเสียดายมาก เรางก -*-) เงิน 500 กว่าบาท ถือว่าฟาดเคราะห์ พี่แจงก้บอกว่าใช่ๆ ช่างมันเถอะ แล้วเราก็ทานข้าวจนเสร็จ ตอนนั้นไม่ได้สงสัยใครเลย ได้แต่งงว่าเงินหายไปได้ยังไง
แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับ พี่แจงบอกให้บอมพาไปเอาครีมกับเพื่อนที่มหาลัย ส่วนเราแยกกลับต่างจังหวัดกับพี่เขยที่มาเอาของในจังหวัด พอขึ้นมาบนรถเราก็หลับตา คิดว่าเงินมันหายไปได้ยังไง มีตอนไหนบ้างที่เราเอากระเป่าให้คนอื่น แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นไง
ตอนเช้าที่เราไปกินข้าวกับพี่แจง มีตอนนั้นแหละที่ทานข้าวกันเเล้วพี่เเจงพูดให้เราฟังว่าเลิกกับแฟนที่คบกันมา3เดือนแล้วนะ(แฟนคนนี้เราบอกพี่แจงเลยว่าไม่ต้องมาพูดอะไรให้เราฟัง เราไม่ชอบแฟนพี่คนนี้ ดูยังไงก็คบกันไม่ได้หรอกผู้ชายที่เอาแต่เที่ยวไม่เรียนหนังสือ เล่นแต่พนันบอล โทรศัพท์เพิ่งซื้อไปแท้ๆก็เอาไปจำนำเพื่อเอาไปเล่นพนัน เราไม่อยากฟังไม่สนับสนุนให้คบไม่ต้องเล่าให้เราฟังนะ ตรงนี้พี่เขาก็เข้าใจและไม่เคยพูดเรื่องผุ้ชายคนนี้ให้เราฟัง)
เราก็ถามว่าทำไมถึงเลิกกันล่ะ (แต่ในใจคิดว่า ว่าแล้ว)พี่แจงก้บอกว่า คบไปเค้าก็เอาแต่เที่ยวกลางคืน พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นที่ต้องไปนั่งเฝ้าเขาในวงเหล้า แถมนอกใจพี่ เงินมีเท่าไหร่ก็เอาไปลงกับพนัน เคยมีเงินในบรรชีเป็น10ล้าน เขาเอาให้พี่ดู(ไม่รู้ว่าเขาโม้หรือเปล่านะคะ แต่พี่เรากับแฟนคนนี้ยังไม่มีอะไรกัน นี้ก็ไม่รู้ว่าเขาโกหกเราหรือเปล่า) คบไปก็ไม่มีอนาคตเลยเลิกดีกว่่า
ตอนที่เราฟังเราก็ไม่ค่อยเชื่อพี่เขาเท่าไหร่ว่าพี่เขาเป็นคนถอยห่างออกมา เพราะพี่แจงโกหกีไรเราจับได้ตลอด(ตอนนี้เราก็จับได้แล้วว่าพี่แจงไม่ได้ลบเเฟนเก่าออกจากเฟสบุ๊ค แต่เป็นแฟนเก่าพี่แจงต่างหากที่ลบพี่แจงออกจากเฟสเพราะกลัวว่าแฟนอีกคนจะเห็น) เราก็ได้แต่เออออไป เราก็ถามพี่เขาว่าเงินนี้เคยให้แฟนเก่ายืมมั้ย เพราะพี่แจงจะรักใครจะทุ่มสุดตัว ขออะไรให้หมด เราได้ห้ามไว้หลายครั้ง พี่แจงก็บอกว่าไม่ มันไม่เคยยืมเงินพี่ เราก็เหรอดีแล้ว (แต่ตอนที่พี่แจงคบกับผู้ชายคนนี้ ชอบมาขอยืมเงินเราบ่อยมาก แต่เราก็ไม่ให้เพราะรู้ว่าถ้าเอาเงินไปก็เอาไปลงที่ร้านเหล้า แต่ถ้ายิมเงินเราไปซื้อของที่เห็นเป้นชิ้นเป็นอันเราให้ยืมบ่อยนะคะ)
พอทานข้าวเสร็จพี่แจงก็ถามเราว่า เข้าห้องน้ำมั้ย เราก็เลยบอกว่า เออ เข้าสิ ตอนนั้นในมือพี่แจงมีปากกาด้ามเดียว แต่เราถือกระเป๋าสตางค์ใบเดียวเหมือนกัน พอเข้าห้องน้ำพี่แจงก็บอกเราว่า เดี่ยวพี่เข้าก่อนนะ จะได้ฝากกันถือกระเป๋า เราก็งงๆ ถือกระเป๋าอะไร ในเมื่อพี่แจงมีแค่ปากกา เรามีแค่กระเป๋าสตางค์ใบเดียว(กระเป๋าใบใหญ่ฝากพี่เขาไว้บนห้องเรียน) จะเข้าห้องน้ำเราก็วางไว้ในห้องน้ำตรงหัวชักโครกก็ได้ เราก็เออๆตอบส่งๆไปไม่ได้ใส่ใจ
*****ต่อความคิดเห็นที่ 3