สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
ผมไม่เคยมีความรู้สึกว่าต้องภักดีกับบริษัท
แต่รุ้สึกเสมอว่าผมเป็นมืออาชีพ ต้องรับผิดชอบเต็มที่ มันไม่ใช่ความรัก แต่มันเป็นความเคารพในตัวเอง
มุมมองของผม ทุกคนที่เข้ามาคือนักธุรกิจ พนักงานเงินเดือนกำลังขาย"แรงงาน" มันไม่ต่างอะไรกับพ่อค้าขายของหรอก
เราต่างก็ขายในสิ่งที่เป็นคุณค่าที่ลูกค้าต้องการ
หากคุณได้เงินเดือนเยอะกว่า สภาพแวดล้อมดีกว่าก็ไปเถอะ เพราะว่าธุรกิจต้องมองที่การเติบโต ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด แต่อย่าทิ้งความเป็นมืออาชีพ ถ้าลาออกแล้วทำให้ทีมงานเสียหาย ไปแบบไม่มีความเป็นมืออาชีพอย่าทำ นอกเหนือจากนั้นอยากไปก็ไปเลย คุณมีเวลาค้าขายถึง 55 ไม่เกิน 60 นอกจากรักษาความเป็นมืออาชีพแล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องนึกถึงอะไรอีก บริษัทที่เป็นมืออาชีพจะเข้าใจตรงนี้ดี ต่างคนต่างสัมพันธ์กันเพราะคุณค่าที่หยิบยื่นให้กันด้วยความยุติธรรม
แต่รุ้สึกเสมอว่าผมเป็นมืออาชีพ ต้องรับผิดชอบเต็มที่ มันไม่ใช่ความรัก แต่มันเป็นความเคารพในตัวเอง
มุมมองของผม ทุกคนที่เข้ามาคือนักธุรกิจ พนักงานเงินเดือนกำลังขาย"แรงงาน" มันไม่ต่างอะไรกับพ่อค้าขายของหรอก
เราต่างก็ขายในสิ่งที่เป็นคุณค่าที่ลูกค้าต้องการ
หากคุณได้เงินเดือนเยอะกว่า สภาพแวดล้อมดีกว่าก็ไปเถอะ เพราะว่าธุรกิจต้องมองที่การเติบโต ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด แต่อย่าทิ้งความเป็นมืออาชีพ ถ้าลาออกแล้วทำให้ทีมงานเสียหาย ไปแบบไม่มีความเป็นมืออาชีพอย่าทำ นอกเหนือจากนั้นอยากไปก็ไปเลย คุณมีเวลาค้าขายถึง 55 ไม่เกิน 60 นอกจากรักษาความเป็นมืออาชีพแล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องนึกถึงอะไรอีก บริษัทที่เป็นมืออาชีพจะเข้าใจตรงนี้ดี ต่างคนต่างสัมพันธ์กันเพราะคุณค่าที่หยิบยื่นให้กันด้วยความยุติธรรม
ความคิดเห็นที่ 5
ชอบประโยคนี้ครับ
"ไม่แปลกเลย สังคมที่นี่ อาจจะทำให้เขาต้องดิ้นรนแบบนั้น ผมเคยได้ยินมาว่า คนไทยชอบฆ่ากันเอง ก็จริงตามนั้น เขาเหล่านั้นไม่เคยคิดว่าช่วยกัน แล้วมันจะดีขึ้น น้องเก่ง เราจะได้สบาย มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น แปลกดีแท้ (ผมแค่หวังว่าความคิดแบบนั้นมันจะตายไปพร้อมกับพวกอายุ 50 กว่าๆที่ชอบคิดแบบนั้นว่าจะถีบ จะกดหัวเด็กๆไว้)"
หัวหน้าโง่ๆ ขี้กั๊ก ยิ่งกั๊ก เอ็งเครียด เอ็งเหนื่อยคนเดียว นะ
"ไม่แปลกเลย สังคมที่นี่ อาจจะทำให้เขาต้องดิ้นรนแบบนั้น ผมเคยได้ยินมาว่า คนไทยชอบฆ่ากันเอง ก็จริงตามนั้น เขาเหล่านั้นไม่เคยคิดว่าช่วยกัน แล้วมันจะดีขึ้น น้องเก่ง เราจะได้สบาย มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น แปลกดีแท้ (ผมแค่หวังว่าความคิดแบบนั้นมันจะตายไปพร้อมกับพวกอายุ 50 กว่าๆที่ชอบคิดแบบนั้นว่าจะถีบ จะกดหัวเด็กๆไว้)"
หัวหน้าโง่ๆ ขี้กั๊ก ยิ่งกั๊ก เอ็งเครียด เอ็งเหนื่อยคนเดียว นะ
แสดงความคิดเห็น
'ไม่สำนึกบุญคุณบริษัท' ณ วันที่เราทำได้ดีกว่าที่เคยเป็น
เริ่มจาก วิศวกรเครื่องกลหนุ่ม อายุ20 จบมาสัมภาษณ์ 2-3 แห่ง ก็เลือกเข้าบริษัท อิเลคทรอนิกส์ ของญี่ปุ่น ทั้งๆที่เพื่อนๆไป ออโต้โมที ไม่ก็ปิโตรเคมี ไม่ก็ต่อโท
ทำงานไปมีนายคนไทยก็เจอการทำงานอีกอย่าง เจอนายญี่ปุ่นแท้ก็อีกอย่าง เจอนายญี่ปุ่นที่จบอเมริกาก็อีกอย่าง นายคนนี้แหละที่สอนผมมากมาย สนับสนุนผมมากมาย ผมโตเกินอายุในบริษัท แน่นอน ย่อมไปทับเส้นหลายๆคน ดีที่ว่านายผมเองยิ่งโตขึ้นๆในองค์กรด้วย ไม่น่าแปลกครับผมได้ดูงานใหญ่เกินตัว ใครจะรู้ว่าไอแพด ไอโฟน มีชิ้นส่วนบางอย่าง ทำในไทย ต้องบินไปหาลูกค้า ไปคุยธุรกิจในแบบที่ ถ้าเป็นงานวิดวะ อย่างเดียวคงไม่มีโอกาส ทุกวันนี้วิศวกรในบริษัท A นี่ ยังคุยกับผมอยู่เรื่อยๆ ครับ ผมได้ความรู้จากนายคนนี้มากมาย ทั้งเรื่องชีวิต การทำงาน ธุรกิจ
แนวคิดผมๆ ว่า เราเรียนรู้จากคนเก่ง เราจะไปได้ไว มากกว่า รอ ครับ
สุดท้ายนายเขาก็ต้องกลับบ้าน ทุกอย่างเปลี่ยนไป คนที่ผมคิดว่าไปเหยียบตีนไว้ (อันนี้ต้องขอโทษ ทุกท่าน 'คำว่าเหยียบตีน' ในที่นี้ ผมหมายความว่า ผมคงทำอะไรที่ไม่โดนใจเขาไว้น่ะ ครับ ต้องเรียนว่าไม่เคยไปด่า ไปอะไรกับเขาเลย มีแต่เขากับนายผมที่เป็นคู่กัดกัน ครับ คือ ผมสนุกกับงาน สนแค่งานน่ะครับ เรารู้อยู่ว่าเขาเป็นเช่นไร ก็ปล่อยไป ยิ่งเป้นเด็ก เรายิ่งนอบน้อมไว้ครับ)เริ่มมีอำนาจ การเมืองภายในเริ่มระอุมากขึ้น นายผมไปโตในบริษัทแม่ นานๆทีบินมาตรวจงานมาเยี่ยม มาถามไถ่ ตามประสา เชื่อไหมครับ ผมทำงานกับคนหลายชาติมาก ยุโรป usa finland จีน ไตหวัน อินเดีย ฟิลิปปิน ญีุ่ปุ่น ทุกคนเวลาเถียงเรื่องงานก็งานจริงๆ ครับ ไม่เอาอย่างอื่นมาปน คนไทยนี่ทุกอย่าง
ไม่แปลกเลย สังคมที่นี่ อาจจะทำให้เขาต้องดิ้นรนแบบนั้น ผมเคยได้ยินมาว่า คนไทยชอบฆ่ากันเอง ก็จริงตามนั้น เขาเหล่านั้นไม่เคยคิดว่าช่วยกัน แล้วมันจะดีขึ้น น้องเก่ง เราจะได้สบาย มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น แปลกดีแท้ (ผมแค่หวังว่าความคิดแบบนั้นมันจะตายไปพร้อมกับพวกอายุ 50 กว่าๆที่ชอบคิดแบบนั้นว่าจะถีบ จะกดหัวเด็กๆไว้)
ไม่มีความสนุกในงานที่ทำอีกแล้ว ความตื่นเต้นเร้าใจ จากก่อนหน้านั้นตื่นมาเช้าๆต้องคิดว่าวันนี้จะทำอะไรๆบ้าง กลายมาเป็นวันนี้ต้องเจออะไรอีก สุดท้าย ผมตัดสินใจลาออก
ทั้งๆที่บอกแค่เด็กวิดวกร ในทีม แป๊บเดียวข่าวไวมาก นายโทรมาคุย ก็แล้ว ข้อเสนอเยอะแยะมากมายโดนโยนเขามา แต่ทั้งหมดมาจาก ญี่ปุ่น ไม่ใช่จากคนไทยเลย 5555
วันสุดท้ายที่ผมทำงาน คือวันที่น้ำเริ่มท่วม ไม่ได้ร่ำลา หวิวๆ กลัวว่าเราจะไปไม่รอด แต่ต้องตัดใจครับ เราเลือกชีวิตเราเอง เขียนเอง โดยใช้สมองที่พ่อกับแม่ให้มานี่แหละครับ
ผมออกไปแล้ว คนๆนั้นก็ยังไม่เลิกรา สั่งน้องๆ และ คนในบริษัท ห้ามติดต่อ ห้ามคุยกับผม เพราะ ว่าผมไม่สำนึกบุญคุณบริษัท ไม่สำนึกที่บริษัทให้เงินเลี้ยงชีวิตมาตลอด
โอ้ววว แม่เจ้า 9 ปีที่ผมรักเดียวใจเดียว ไม่เปลี่ยนใจแม้มีบริษัทมาทาบทาม หลายๆครั้ง เงินเดือนตอนออกแค่ 3หมื่นหน่อยๆ เพื่อนในรุ่นไป7-8 หมื่น ยังมากล้าบอกว่าผมไม่สำนึกบุญคุณบริษัทอีก แล้ว 9 ปีที่ผ่านมา ผมทำเงินให้บริษัทไปเท่าไหร่แล้ว
และที่สำคัญ ผมทำงานให้ก็แลกกับเงินเดือน ผมไม่ได้ขอเขาฟรีๆ ใช่ไหมครับ
แปลกไหมครับ ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ ยิ่งมองโลกยิ่งแคบ เขามองแค่นั้นเองเหรอ
ผ่านมา 2 ปี ผมเปลี่ยนงานมาหลายที่ เงินเพิ่มมากมายอีกไม่นานคงไล่เขาทััน ได้เจองานหลายรูปแบบ เจอคนเยอะขึ้น จากที่กลัวๆไม่อยากเปลี่ยนงานมากลายเป็นได้เรียนรู้อะไรเพิ่มมากมาย สมองไม่ฝ่อ ครับได้คิดเยอะๆ ดีกว่าเอาสมองไปคิดกะเรื่องการเมืองในองค์กร มาก
ถึงวันนี้ ผมว่า ผมสำเร็จมากกว่า 'เขา' คนนั้นเสียอีก เพราะเขาคิดว่าเขาเก่ง แต่เก่งแค่ใน ที่ที่เขาอยู่ เท่านั้น โลกมันหมุนเร็วครับ ผมว่าเราต้องเรียนรู้และคิดให้นำมันไม่ใช่แค่ ตาม
ผมหวังให้ความคิดคนเก่าๆที่ไม่ชอบให้ใครเก่งเกินหน้า ตายไปพร้อมกับคนเหล่านั้นครับ เพราะผมคิดว่า เราคงต้องการให้คนรุ่นหลังเก่งกว่าเรา คิดไปไกลกว่าเรา เพื่อให้เกิดการ 'ทำให้ดีขึ้น' มันจะดีกว่าไหม
สอนให้เด็กคิดเยอะๆ คิดไปข้างหน้า มันจะดีกว่าไหม ดีกว่ามาย้ำอยู่กับที่ แล้วทำให้เกิดวัฏจักรเสื่อมๆ แบบนั้นต่อไป มันไม่ดีต่อโลก หรอก จริงไหมครับ
ที่จะบอกมาทั้งหมด คือ
- บ้างครั้ง คนเรากลัว ที่จะเปลี่ยน แต่ หาก เรามั่นใจในศักยภาพ ของเรา เปลี่ยน เถอะครับ
- อย่าหยุด คิด ครับ , เราฝึกให้สมอง คิด บ่อยๆ มันจะทำให้เรา คิด อย่างเป็น ขั้นตอนครับ
- อย่าเริ่มจาก ศูนย์ คนรอบข้างคุณ มีทั้งส่วนดี และ ไม่ดี จงเรียนรู้และเอามันมาใช้ประโยชน์ครับ
- จงอย่าดูถูก และ ปิดกั้น คนที่คุณ แค่ มองเขา ว่า เด็ก ความคิดบางอย่างอาจดูเพ้อฝัน แต่ทำออกมาแล้วมันอาจจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ก็ได้น่ะ
- การทำงานให้บริษัท เมื่อคุณ ทำเต็มที่ แล้ว นั่นคือ คุณได้ทำงานแลกเงินแล้ว
สู้ๆน่ะครับ ชาวมนุษย์ เงินเดือน
=============
เพิ่มเติมน่ะครับ
จุดมุ่งหมาย ของการโพส คือ ผมอยากให้ เป็นความจริงว่า ชีวิตการทำงานของแต่ละ คนมัน เจอมาไม่เหมือนกัน ครับ บางคนโลกคือสีขาว สีเท่า สีดำ คนไม่เจออะไร บ้าๆ บอๆ ก้มองว่า ผม มองโลกในแง่ร้าย ครับ คนเจอมาแล้วก็ จะเข้าใจ
แค่อยากพูดดังๆ ว่า เป็นตัวของตัวเองครับ หากคุณสบายใจจงทำ ครับ
ชีวิตผม ยอมเสียเวลาไป กับเงินไม่เท่าไหร่ แต่ได้ อะไรมามากมายครับ
ผมไม่ได้ มีปัญหาเงินทอง แค่ สนุก และ ต้องการให้ ใครๆ เห็นว่า เราและ ทีม งานเรา ทำได้ ครับ
ไม่ต้องห่วงครับ ประสบการณ์ แย่ๆ ผมใช้มันเป็น ครู ครับ ผมเป็นนาย เรื่องที่ผมเจอมา ผมไม่ยอมให้เกิดกับน้องๆ ผม ครับ
สุดท้าย ครับ ขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน เขามาเสียเวลาอ่าน
ทำให้รู้ว่า คำติ คำชม คือ สิ่งที่บอกให้รู้ ว่า 'โลกมันอยู่ยากขึ้นทุกวัน' เราคงต้องวางแผนการ ' ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่' ให้ดีมากจริงๆ
ขอบคุณครับ