ก่อนหน้านี้ทำงานที่แรกวัฒนธรรมในที่ทำงานคือ work-life balance สไตล์การทำงานของพวกฝรั่ง เวลางาน 18.00-19.00 ทุกคนกลับกันแล้ว แม้กระทั่งเมเนเจอร์หรือทีมอื่นๆก็ตาม อย่างมากก็ 21.00-22.00 แล้วแต่งานหรืออาจจะไทม์โซนที่ต้องติดต่อกับฝั่งอเมริกาหรือยุโรป ซึ่งนานๆทีจะเป็นแบบนั้น และจะไม่มีเกินกว่านั้นถ้าไม่ใช่ emergency case จริงๆ เพราะเค้าจะมีการดีลงานใหม่ตลอดถ้ามันไม่ทันจริงๆ เวลาทำงานที่นี่ปกติ 8 ชั่วโมง แต่เอามาคิดในส่วนของ man hour เพื่อคำนวนระยะเวลาโปรเจคท์จะใช้ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น ตอนทำงานที่นั่นมีเวลาว่างส่วนตัวของตัวเองเยอะพอทำให้สนุกไปกับชีวิตและงาน
แต่พอย้ายมาทำงานที่ใหม่ซึ่งมีแต่คำว่า work-work balance สไตล์การทำงานแบบไทยๆ คือทำงานกันอย่างเดียว เลิก 20.00+ นี่คือเวลาปกติที่กลับกัน บางทีก็อยู่ถึงตี 1-2 กลับไปบ้านไม่ต้องทำอะไรคือล้่งหน้าแปรงฟันแล้วนอนเลย ปกติคิดโปรเจคท์วันนึงควรจะไม่เกิน 8 ซึ่งเต็มที่แล้ว แต่ที่นี่ให้ 10 ชั่วโมงต่อวัน นั่นหมายถึงโปรเจคท์ 240 man hour ที่นี่จะบีบให้เหลือ 24 วัน แต่ที่เก่าจะ 40 วัน ซึ่งที่ใหม่ทั้งกดดันและแน่นอนว่าโปรเจคท์เลตทุกอันอยู่แล้วเพราะใช้วิธีคิดแบบนี้ แต่ที่เก่าจะเลตนี่คือแค่ 10-20% ของจำนวนโปรเจคท์เท่านั้น ทีนี้พอเป็นแบบนี้แล้วมันเลยเกิดการแอนตี้ในหัวขึ้นว่า ทำไมเราต้องทำงานดึกๆดื่นๆ เพราะ
1. เราทำงานเยอะๆหนักจนป่วยเป็นโรค อาจจะเป็นโรคหัวใจตายไป บริษัทให้อะไรกับเรา? มีเคสพี่คนละทีมตายเพราะโรคหัวใจ คนในทีมนั้นเค้าเมาท์ว่าทีมทำงานดึกและเครียดเลยน่าจะเป็นสาเหตุ สิ่งที่บริษัทให้กับพี่เค้าคือพวงหรีดหนึ่งพวงในงาน เราทำงานจนตายไปบริษัทก็แค่หาคนใหม่มาแทน เราก็เป็นแค่เฟืองชิ้นเล็กๆของบริษัท
2. ปีที่แล้วลูกพี่ลูกน้องผมเสีย เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะขับเพราะหลับใน เนื่องจากทำงานกลับบ้านดึกถึงตี 2-3 (ทำงานเป็นเซลล์) กลับไปบ้านเค้าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก จากบ้านที่ครึกครื้นตอนนี้มีเพียงแค่ความเงียบ
3. เราทำงานดึกๆได้เงินหลักหมื่น พวกทำงานสูงๆ 6 โมงกลับบ้านได้เงินหลักแสนหลักล้าน
4. ถ้าการทำงานแบบนี้ดีจริงๆ ทำไมประเทศเรานับวันยิ่งถูกต่างชาติทิ้งห่าง? ทั้งๆที่เค้าทำงานแบบ work-life balance
คิดว่าการทำงานที่ดีที่องค์กรควรสนับสนุนมันควรเป็น work-life balance กันหรือเปล่าครับ? หรือชีวิตควรจะมีแต่งานอย่างเดียวจันทร์ถึงศุกร์ ค่อยไปทำอย่างอื่นเสาร์อาทิตย์
คิดยังไงกับการทำงานแบบ work-life balance กัน ?
แต่พอย้ายมาทำงานที่ใหม่ซึ่งมีแต่คำว่า work-work balance สไตล์การทำงานแบบไทยๆ คือทำงานกันอย่างเดียว เลิก 20.00+ นี่คือเวลาปกติที่กลับกัน บางทีก็อยู่ถึงตี 1-2 กลับไปบ้านไม่ต้องทำอะไรคือล้่งหน้าแปรงฟันแล้วนอนเลย ปกติคิดโปรเจคท์วันนึงควรจะไม่เกิน 8 ซึ่งเต็มที่แล้ว แต่ที่นี่ให้ 10 ชั่วโมงต่อวัน นั่นหมายถึงโปรเจคท์ 240 man hour ที่นี่จะบีบให้เหลือ 24 วัน แต่ที่เก่าจะ 40 วัน ซึ่งที่ใหม่ทั้งกดดันและแน่นอนว่าโปรเจคท์เลตทุกอันอยู่แล้วเพราะใช้วิธีคิดแบบนี้ แต่ที่เก่าจะเลตนี่คือแค่ 10-20% ของจำนวนโปรเจคท์เท่านั้น ทีนี้พอเป็นแบบนี้แล้วมันเลยเกิดการแอนตี้ในหัวขึ้นว่า ทำไมเราต้องทำงานดึกๆดื่นๆ เพราะ
1. เราทำงานเยอะๆหนักจนป่วยเป็นโรค อาจจะเป็นโรคหัวใจตายไป บริษัทให้อะไรกับเรา? มีเคสพี่คนละทีมตายเพราะโรคหัวใจ คนในทีมนั้นเค้าเมาท์ว่าทีมทำงานดึกและเครียดเลยน่าจะเป็นสาเหตุ สิ่งที่บริษัทให้กับพี่เค้าคือพวงหรีดหนึ่งพวงในงาน เราทำงานจนตายไปบริษัทก็แค่หาคนใหม่มาแทน เราก็เป็นแค่เฟืองชิ้นเล็กๆของบริษัท
2. ปีที่แล้วลูกพี่ลูกน้องผมเสีย เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะขับเพราะหลับใน เนื่องจากทำงานกลับบ้านดึกถึงตี 2-3 (ทำงานเป็นเซลล์) กลับไปบ้านเค้าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก จากบ้านที่ครึกครื้นตอนนี้มีเพียงแค่ความเงียบ
3. เราทำงานดึกๆได้เงินหลักหมื่น พวกทำงานสูงๆ 6 โมงกลับบ้านได้เงินหลักแสนหลักล้าน
4. ถ้าการทำงานแบบนี้ดีจริงๆ ทำไมประเทศเรานับวันยิ่งถูกต่างชาติทิ้งห่าง? ทั้งๆที่เค้าทำงานแบบ work-life balance
คิดว่าการทำงานที่ดีที่องค์กรควรสนับสนุนมันควรเป็น work-life balance กันหรือเปล่าครับ? หรือชีวิตควรจะมีแต่งานอย่างเดียวจันทร์ถึงศุกร์ ค่อยไปทำอย่างอื่นเสาร์อาทิตย์