INETหุ้นฟื้นตัวที่ไม่น่ามองข้าม
โดย...จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส
ตลาดหุ้นในช่วงตั้งแต่ก่อนสงกรานต์จนถึงสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนอย่างหนักถึง 104 จุด โดยขยับขึ้นไปทำจุดสูงสุดเมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ 1,562 จุด และปรับลงไปต่ำสุดที่ 1,458 จุด ต่ำกว่าจุดต่ำที่ทำไว้เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ 1,465 จุด หากไม่ได้ปิดหน้าจอหุ้น เชื่อว่าต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง ข่าวที่ทำให้ตลาดผันผวนเริ่มตั้งแต่การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 สว. ที่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมขอให้ยุบพรรคที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ
ขณะที่ฝั่งต่างประเทศเองมีประเด็นหนี้ของกลุ่มยูโรโซนที่ปะทุขึ้นมาใหม่ การปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกของ IMF การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าตลาดคาดและหดตัวจากไตรมาสก่อน และค่าเงินบาทที่ทำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 16 ปี
ข่าวทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยลบต่อ “ราคา” ของสินทรัพย์ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นทองคำ น้ำมัน และหุ้น แต่เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วน สิ่งที่กระทบต่อ “ผลประกอบการ” ของบริษัทจดทะเบียนที่แท้จริงมีเพียงค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเกินไป กับเศรษฐกิจของฝั่งยุโรปที่ยังไม่ฟื้น ซึ่งก็กระทบกับบริษัทที่มีธุรกรรมกับต่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้กระทบกับทุกบริษัทในตลาด
ดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับลงมาจึงถือเป็นการปรับพักฐานหลังจากที่วิ่งขึ้นมากว่า 5 เดือนโดยไม่ได้พัก ไม่ใช่เป็นการปรับลงเพราะปัจจัยพื้นฐานที่แย่ลง หากนักลงทุนพิจารณาหุ้นในพอร์ตของท่านแล้วพบว่าเป็นหุ้นพื้นฐาน ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไร ก็ไม่มีอะไรที่ต้องน่าห่วง ควรที่จะถือต่อไป
ความผันผวนของราคาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอในตลาดหุ้นสำหรับราคาของ “หุ้นเล็กกำไรโต ภาค 2” จำนวน 9 หลักทรัพย์ที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำไปในช่วงต้นเดือน เม.ย.จนถึงวานนี้ (มี CITY, INET, PM, PREB, PYLON, SCP, THANI, TKS, TTCL) ถือว่ายังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดยยังบวกได้เฉลี่ย 3.6% ขณะที่ SET Index เสมอตัว
ในจำนวนหุ้นทั้ง 9 ตัว ตัวที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดคือ TTCL ซึ่งเกินราคาพื้นฐานของเราที่ 54 บาทไปแล้ว ถ้ามีอยู่ แนะนำขายไปก่อนเพราะถือว่าเต็มมูลค่าไปแล้ว
ไม่มีอะไรให้ลุ้นต่อในระยะสั้น ยกเว้นว่าจะถือยาวข้ามปี ก็จะมี Upside เพิ่มจากการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในเมียนมาร์ขนาด 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายใน 1 ปีข้างหน้า และใช้เวลาก่อสร้างนาน 3 ปี โดย TTCL จะถือหุ้นประมาณ 30-40%
สัปดาห์นี้ขอพูดถึง INET ซึ่งถือว่าน่าสนใจในแง่การ Turnaround ของผลประกอบการหลังจากที่ขาดทุนติดต่อกัน 3 ปี คาดว่าปีนี้น่าจะพลิกกลับมามีกำไร 59 ล้านบาท (เริ่มมีกำไรแล้วในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา) จากการปรับเปลี่ยนการให้บริการ หันมาเน้นบริการที่มีอัตรากำไรสูง ขณะเดียวกันก็เน้นลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย
ปัจจุบัน INET ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ 1.บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ 2.บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร โดยมีบริการหลักคือรับฝากและเก็บรักษาข้อมูลให้ลูกค้าองค์กร (Internet Data Center) โดยในปี 2555 ที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการ ICT แบบครบวงจรมีส่วน 69% ของรายได้รวม และอีก 31% มาจากรายได้จากบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มธุรกิจ บริษัทมีแผนที่จะสร้างศูนย์ IDC แห่งใหม่มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร และขยายศูนย์ IDC ในปัจจุบันออกไปอีก 300 ตารางเมตร รวมเป็นพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 2,800 ตารางเมตร เพิ่มจากสิ้นปี 2555 ที่มีพื้นที่บริการ 1,500 ตารางเมตร โดยจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป
นักวิเคราะห์ของเราจึงคาดว่าจะทำให้รายได้ในปี 2556 เพิ่มขึ้น 57% และกำไรจะเพิ่มขึ้นในอัตราสูงกว่า เพราะการเน้นบริการที่มีอัตรากำไรสูงกว่า ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นในปีนี้ โดยเราคาดไว้ที่ 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 23.6% นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพราะได้ประโยชน์จากการใช้ขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 58 ล้านบาท
สำหรับการประเมินราคาหุ้น เราอิง P/E ที่ 20 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ICT ที่อยู่ที่ 20-21 เท่า ได้ราคาตามพื้นฐานที่ 4.76 บาท ซึ่ง ณ ราคาพื้นฐานดังกล่าว คิดเป็น 2 เท่าของมูลค่าตามบัญชี (Book Value) ของสิ้นปีนี้ และคิดเป็น EV/EBITDA 13 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่อยู่ที่ 15-17 เท่า จึงถือว่าไม่แพงเกินไป ถือเป็นหุ้นดีอีกหนึ่งตัวที่นำมาให้พิจารณากันค่ะ



ปล. ในฐานะเป็นคนเคยมีหุ้น INET เยอะ....555....ตอนนี้ขายหมูไปแล้วเยอะ....เหลือนิดหน่อยไม่กี่หุ้น....ไปย้อนดูข้อมูลเก่าๆ พบว่า ส่วนหนึ่งของสาเหตุการลิ่ง คงไม่ได้มาจาก ข่าว CTH มาแจมอย่างเดียว แต่เป็นเพราะ INET คือหุ้นที่กลับมา เทรินอราวด์ด้วยครับหลังจาก ขาดทุนย่ำแย่มาสามปี ตั้งแต่ Q1 ขึ้นไป จึงถือว่าเป็นการพลิกกลับมากำไรได้อย่างสวยงาม บวกกับการร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ CTH จึงทำให้ ราคาถึงกับกดกันไม่อยู่ในช่วงถูกขังกรง และจะเห็นได้ว่าหุ้นตัวนี้ มีแมวมองมานานแล้ว ราคาไม่เคยหยุดนิ่งมาต้งแต่ตั้นปีแล้ว ราคาตอนนี้ถือว่าเกินเป้าปี 56 มานิดหน่อย ซึ่งคาดว่าแนวโน้มน่าจะยัง โอครับ เพราะไม่ได้เล่นข่าวอย่างเดียวแต่เพราะดีด้วยตัวเองด้วยครับ


ส่วนใครจะลุยต่อ ขอให้เตรียมจุดหยุดความสูญเสียไว้ด้วยนะครับ เพราะบทไม่วิ่งขึ้นมาก็สร้างความอึดอัดระดับเทพไม่แพ้ตอนวิ่งได้เช่นเดียวกันครับ
INETหุ้นฟื้นตัวที่ไม่น่ามองข้าม
โดย...จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส
ตลาดหุ้นในช่วงตั้งแต่ก่อนสงกรานต์จนถึงสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนอย่างหนักถึง 104 จุด โดยขยับขึ้นไปทำจุดสูงสุดเมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ 1,562 จุด และปรับลงไปต่ำสุดที่ 1,458 จุด ต่ำกว่าจุดต่ำที่ทำไว้เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ 1,465 จุด หากไม่ได้ปิดหน้าจอหุ้น เชื่อว่าต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง ข่าวที่ทำให้ตลาดผันผวนเริ่มตั้งแต่การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 สว. ที่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมขอให้ยุบพรรคที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ
ขณะที่ฝั่งต่างประเทศเองมีประเด็นหนี้ของกลุ่มยูโรโซนที่ปะทุขึ้นมาใหม่ การปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกของ IMF การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าตลาดคาดและหดตัวจากไตรมาสก่อน และค่าเงินบาทที่ทำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 16 ปี
ข่าวทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยลบต่อ “ราคา” ของสินทรัพย์ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นทองคำ น้ำมัน และหุ้น แต่เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วน สิ่งที่กระทบต่อ “ผลประกอบการ” ของบริษัทจดทะเบียนที่แท้จริงมีเพียงค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเกินไป กับเศรษฐกิจของฝั่งยุโรปที่ยังไม่ฟื้น ซึ่งก็กระทบกับบริษัทที่มีธุรกรรมกับต่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้กระทบกับทุกบริษัทในตลาด
ดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับลงมาจึงถือเป็นการปรับพักฐานหลังจากที่วิ่งขึ้นมากว่า 5 เดือนโดยไม่ได้พัก ไม่ใช่เป็นการปรับลงเพราะปัจจัยพื้นฐานที่แย่ลง หากนักลงทุนพิจารณาหุ้นในพอร์ตของท่านแล้วพบว่าเป็นหุ้นพื้นฐาน ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไร ก็ไม่มีอะไรที่ต้องน่าห่วง ควรที่จะถือต่อไป
ความผันผวนของราคาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอในตลาดหุ้นสำหรับราคาของ “หุ้นเล็กกำไรโต ภาค 2” จำนวน 9 หลักทรัพย์ที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำไปในช่วงต้นเดือน เม.ย.จนถึงวานนี้ (มี CITY, INET, PM, PREB, PYLON, SCP, THANI, TKS, TTCL) ถือว่ายังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดยยังบวกได้เฉลี่ย 3.6% ขณะที่ SET Index เสมอตัว
ในจำนวนหุ้นทั้ง 9 ตัว ตัวที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดคือ TTCL ซึ่งเกินราคาพื้นฐานของเราที่ 54 บาทไปแล้ว ถ้ามีอยู่ แนะนำขายไปก่อนเพราะถือว่าเต็มมูลค่าไปแล้ว
ไม่มีอะไรให้ลุ้นต่อในระยะสั้น ยกเว้นว่าจะถือยาวข้ามปี ก็จะมี Upside เพิ่มจากการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในเมียนมาร์ขนาด 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายใน 1 ปีข้างหน้า และใช้เวลาก่อสร้างนาน 3 ปี โดย TTCL จะถือหุ้นประมาณ 30-40%
สัปดาห์นี้ขอพูดถึง INET ซึ่งถือว่าน่าสนใจในแง่การ Turnaround ของผลประกอบการหลังจากที่ขาดทุนติดต่อกัน 3 ปี คาดว่าปีนี้น่าจะพลิกกลับมามีกำไร 59 ล้านบาท (เริ่มมีกำไรแล้วในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา) จากการปรับเปลี่ยนการให้บริการ หันมาเน้นบริการที่มีอัตรากำไรสูง ขณะเดียวกันก็เน้นลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย
ปัจจุบัน INET ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ 1.บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ 2.บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร โดยมีบริการหลักคือรับฝากและเก็บรักษาข้อมูลให้ลูกค้าองค์กร (Internet Data Center) โดยในปี 2555 ที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการ ICT แบบครบวงจรมีส่วน 69% ของรายได้รวม และอีก 31% มาจากรายได้จากบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มธุรกิจ บริษัทมีแผนที่จะสร้างศูนย์ IDC แห่งใหม่มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร และขยายศูนย์ IDC ในปัจจุบันออกไปอีก 300 ตารางเมตร รวมเป็นพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 2,800 ตารางเมตร เพิ่มจากสิ้นปี 2555 ที่มีพื้นที่บริการ 1,500 ตารางเมตร โดยจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป
นักวิเคราะห์ของเราจึงคาดว่าจะทำให้รายได้ในปี 2556 เพิ่มขึ้น 57% และกำไรจะเพิ่มขึ้นในอัตราสูงกว่า เพราะการเน้นบริการที่มีอัตรากำไรสูงกว่า ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นในปีนี้ โดยเราคาดไว้ที่ 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 23.6% นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพราะได้ประโยชน์จากการใช้ขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 58 ล้านบาท
สำหรับการประเมินราคาหุ้น เราอิง P/E ที่ 20 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ICT ที่อยู่ที่ 20-21 เท่า ได้ราคาตามพื้นฐานที่ 4.76 บาท ซึ่ง ณ ราคาพื้นฐานดังกล่าว คิดเป็น 2 เท่าของมูลค่าตามบัญชี (Book Value) ของสิ้นปีนี้ และคิดเป็น EV/EBITDA 13 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่อยู่ที่ 15-17 เท่า จึงถือว่าไม่แพงเกินไป ถือเป็นหุ้นดีอีกหนึ่งตัวที่นำมาให้พิจารณากันค่ะ
ปล. ในฐานะเป็นคนเคยมีหุ้น INET เยอะ....555....ตอนนี้ขายหมูไปแล้วเยอะ....เหลือนิดหน่อยไม่กี่หุ้น....ไปย้อนดูข้อมูลเก่าๆ พบว่า ส่วนหนึ่งของสาเหตุการลิ่ง คงไม่ได้มาจาก ข่าว CTH มาแจมอย่างเดียว แต่เป็นเพราะ INET คือหุ้นที่กลับมา เทรินอราวด์ด้วยครับหลังจาก ขาดทุนย่ำแย่มาสามปี ตั้งแต่ Q1 ขึ้นไป จึงถือว่าเป็นการพลิกกลับมากำไรได้อย่างสวยงาม บวกกับการร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ CTH จึงทำให้ ราคาถึงกับกดกันไม่อยู่ในช่วงถูกขังกรง และจะเห็นได้ว่าหุ้นตัวนี้ มีแมวมองมานานแล้ว ราคาไม่เคยหยุดนิ่งมาต้งแต่ตั้นปีแล้ว ราคาตอนนี้ถือว่าเกินเป้าปี 56 มานิดหน่อย ซึ่งคาดว่าแนวโน้มน่าจะยัง โอครับ เพราะไม่ได้เล่นข่าวอย่างเดียวแต่เพราะดีด้วยตัวเองด้วยครับ
ส่วนใครจะลุยต่อ ขอให้เตรียมจุดหยุดความสูญเสียไว้ด้วยนะครับ เพราะบทไม่วิ่งขึ้นมาก็สร้างความอึดอัดระดับเทพไม่แพ้ตอนวิ่งได้เช่นเดียวกันครับ