อีกหนึ่งเสียงเงียบ…ที่คุณไม่เคยใส่ใจ (จากใจ...วิชญ์)

กระทู้สนทนา
เรื่องของคำชม ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ การชมใครคนไหนก็แล้วแต่ ถ้ามันออกมาจากใจจริงของคนชมจริงๆ มันจะมีพลังและสามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้ถูกชมได้อย่างแน่นอน ผมมีประสบการณ์เห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เจอหน้ากันเหมือนเสือจะกัดกับสิง คำพูดดีๆไม่ต้องพูดถึงครับ ไม่ด่าบุพการีด้วยก็บุญแล้ว วันหนึ่งฝ่ายสามีเริ่มเอะใจว่านี่เป็นชีวิตที่เขาต้องการแน่หรือ ใช่ เขาไม่ได้ต้องการความทุกข์แบบนี้ เขาสำรวจตัวเองแล้วว่าถึงแม้เขาจะทะเลาะกับภรรยาเป็นประจำ แต่เขาก็รักภรรยาคนนี้ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขามาโดยตลอด แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี ในเมื่อเห็นหน้ากันก็ให้ความรู้สึกเหมือนบัวขาวจะวิ่งเข้ามาต่อยแล้ว

เขาตัดสินใจเปลี่ยนชีวิต ด้วยการพูดจาดีๆกับภรรยา และเริ่มต้นชมเธอเพื่อให้เธอได้สติว่าเขารักเธอที่ตรงไหน เขาเริ่มชมเธอในทุกสิ่งที่เธอทำ ชมว่าเธอน่ารัก ชมว่าเธอพูดจาไพเราะ ชมว่าเซ็กซี่ ชมทุกอย่างที่เขาเห็นว่ามันเป็นความดีของเธอจริงๆ เหลือเชื่อ ภรรยาเลิกกลายเป็นยักษ์เป็นมาร และเลิกทะเลาะกันจนในที่สุด แถมยังกลับมารักกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย

อั๊ยยะ ปาฏิหาริย์มีจริง…!!!

การด่าเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ คำด่าเป็นคำที่ผลุดขึ้นมาในหัวได้ง่ายกว่าคำชม แน่นอนถ้าการด่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ทำไมเราต้องพยายามกำจัดมันทิ้งไปจากหัวสมองด้วย เหตุผลง่ายๆ เพราะเราเริ่มต้นสิ่งดีๆด้วยการด่าไม่ได้ เพราะฉะนั้นคำด่าคำเสียดสีไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือว่าไม่จริง มันมีอิทธิทำให้คนอื่นรู้สึกแย่หมด ผมเองก็ติดนิสัยพูดแล้วค่อยคิดเหมือนกัน เลยเข้าใจดีว่าบางครั้งเราไม่ได้มีเจตนาแต่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เพราะความไม่รู้ไปเยอะแล้ว

เพราะฉะนั้น ในเมื่อรู้แล้วว่าอะไรเวิร์ค อะไรไม่เวิร์ค ก็เชิญเลือกสรรกันตามสบายว่าคุณอย่างเอาสิ่งใดเป็นคุณสมบัติเด่น

ผมลองพิจารณาจากชีวิตของผมเอง เวลาที่ผมพูดชมใครอย่างจริงใจ ชนิดที่คิดท่าไหนก็ไม่ได้มีเจตนาล้อเลียน คู่สนทนามักจะเกิดความรู้สึกประทับใจไม่มากกน้อย แน่นอนมันสะท้อนมาทางบุคลิกหน้าตาด้วย เมื่อเราเห็นหน้าคู่สนทนาของเรามีความสุข ผู้พูดอย่างเราก็มีความสุขไปด้วย ในขณะเดียวกัน บางครั้งเราดันเผลอพูดอะไรที่รู้สึกแย่ต่อคนอื่น ผลที่ตามมาคือความรู้แย่ๆที่คนอื่นสะท้อนกลับมาให้เราเช่นกัน

เพราะฉะนั้นคำชมคือความดีรูปแบบหนึ่ง

แต่ผมก็งงเหมือนกันกันนะครับ ผมเคยเจอคนที่ชอบชมคนอื่นมากๆ มีอะไรก็เลือกที่จะพูดแง่ดีของคนอื่น แต่กลายเป็นว่าเขาถูกนินทาว่าเป็นคนไม่จริงใจ ไม่น่าคบหา ไม่รู้คนเหล่านั้นคิดได้ไง งงมาก

เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นคนที่ชอบทำขนมเป็นอย่างมาก เขาชอบคิดค้นสูตรใหม่ๆแล้วเอามาให้เพื่อนชิม แน่นอน ด้วยน้ำใจและความพยายามของเขาทำให้เขาได้รับคำชมอย่างล้นหลาม จากความอยากทดลองก็กลายเป็นความมั่นใจ เพียงแค่ปีหรือสองปี(มั้ง) เขาได้กลายเป็นเจ้าของร้านขนมเล็กๆ นี่เป็นผลจากความพยายามของเขา และอิทธิฤทธิ์ของคำชมโดยแท้

ตรงนี้ผมรับประกันได้ว่าคำชมเป็นยาดี เป็นรางวัลที่สมควรได้แก่ผู้ที่เพียรพยายาม

มนุษย์จึงควรฝึกมองในแง่ดีให้มากๆ และชมให้มากๆด้วย

ประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้นมีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นเยอะ คนบางคนพยายามเพื่อจะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ซึ่งนอกจากจะไม่ได้รับคำชมแล้ว ตรงกันข้ามยังได้รับคำตำหนิดูถูกถากถางด้วย สองพี่น้องตระกูลไรซ์ที่พยายามจะเลียนแบบการบินให้ได้เหมือนนก สตีฟ จ็อบส์ ที่ถูกคนรอบข้างหาว่าเขาบ้าและถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาก่อตั้งมาด้วยมือของเขาเอง

ปรกติเรื่องคำชมผมไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว (เพราะไม่ค่อยมีใครชม) แต่ผมค้นพบอย่างหนึ่งว่าคำพูดของใครคนหนึ่ง สามารถเปลี่ยนชีวิตของใครอีกคนหนึ่งให้ดีขึ้นและเลวลงได้จริง คำถามคือชีวิตนี้เราได้ยินเสียงของใครได้ดังที่สุด มากที่สุด มีอิทธิพลที่สุด

ให้เวลาคิดสามวินาที

หมดเวลาแล้ว คำตอบคือเสียงที่ดังมาจากหัวใจของเราเอง

ถ้าในหนึ่งชีวิตเราต้องการให้คนอื่นได้ชื่นชมในสิ่งที่เราเป็น ทำไมเราไม่เริ่มจากการชมตัวเองเสียก่อน ไม่ได้ยุให้หลงตัวเอง แต่ถ้าเราลองสังเกตเสียงที่ดังในใจของเรามากๆ เราจะค้นพบว่าเสียงจากหัวใจพูดซ้ำ “เราไม่ดีพอหรอก เราทำไม่ได้หรอก เราหน้าตาไม่ดี เรามันไม่เก่ง เรามันห่วย เรามันกระจอก บลาๆๆ”  สารพัดคำพูดที่เราจะเอามากดตัวเองให้ต่ำจมดิน ถ้าปล่อยให้เสียงของเรามันดังอยู่อย่างนี้ ต่อให้คนเป็นล้านมาชมเรา เสียงนั่นก็เปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นไม่ได้หรอก อย่างมากก็ชื่นใจชั่วครู่ ก่อนเสียงเดิมๆที่ว่าเราห่วยจะกลับมาและกลายเป็นหดหู่และอับเฉาในระยะเวลาอันสั้น เราอาจจะต้องวิ่งไล่ล่าหาคำชมอยู่เรื่อยๆเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต พอไม่ได้คำชมก็เศร้าเสียใจ แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปทำให้โลกดีขึ้นหละครับ

ดังนั้นถ้าคำชมมีผลต่อชีวิตเราจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายที่เราจะชมตัวเอง ไม่มีกติกาใดๆในโลกนี่ครับที่ออกกฏบัญญัติว่าห้ามชมตัวเอง เราเป็นคนหล่อ เราเป็นคนสวย เราเก่งมีความสามารถ มีความมั่นใจ มีความชำนาญ เราทำได้ เราสู้ได้ ชมทุกวัน ชมบ่อยๆให้ถี่ทั้งก่อนและหลังอาหารยิ่งดี แต่เงื่อนไขคือต้องชมให้ตัวเองฟังนะ ไปชมตัวเองให้คนอื่นฟังอาจจะถูกถีบในฐานะน่าหมั่นไส้ก็ได้

ชีวิตเป็นของเรา ทั้งหมดที่เรามีก็เป็นของเรา ถ้าเราไม่ชอบในสิ่งที่เรามีแต่จะไปจ้างใครให้มาชอบเหล่าหละครับ เพราะนั้นชมเลย เต็มที่ ต่อให้คนที่สอบตกซ้ำแล้วซ้ำอีกคนอื่นมองว่าห่วยแค่ไหน แต่เขาจะต้องมีคุณสมบัติที่ซ่อนเร้นไว้อยู่แน่ๆ มีส่วนที่ดีงามที่สุดในชีวิตซ่อนไว้แน่ๆ เราจึงไม่ใช่คนผิดที่จะเริ่มต้นชมตัวเองตั้งแต่วันนี้ วินาทีนี้ มันไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะรักในสิ่งที่เราเป็น พอใจในสิ่งที่เรามี ถ้าคุณลองมองดุชีวิตของคนประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ด้วยแล้ว เราจะค้นพบว่าคนเหล่านั้นไม่เคยขาดเสียงชมจากตัวเองเลย

เชื่อหรือไม่ ถ้าคุณเริ่มต้นชมตัวเองมุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกวินาที คุณตะสามารถกำหนดชะตาชีวิตได้ คุณจะควบคุมตัวคุณได้ เวลาคุณเจอปัญหา คุณจะได้รับคำชมที่จะทำให้คุณเสียศูนย์กับปัญหาน้อยลง เพราะคุณได้ค้นพบความยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ เป็นความน่ารักของคุณคนเดียวไม่มีใครในโลกเหมือนอีกแล้ว เป็นความน่ารักสไตล์คุณเพียงคนเดียว

ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ คนเราจะมีความสุขได้ก้ต่อเหมือนฐานของชีวิตเรามันดีเท่านั้น แต่ฐานของชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องของเงินทองหรือฐานะสังคมอย่างที่คนอื่นสอนให้เราคิด มันเป็นเพียงแค่ว่าคุณรู้สึกกับตัวเองอย่างไร คุณบอกกับตัวเองว่าคุณคือใคร ความสุขมันก็เท่านี้แหละ มันอยู่ในตัวคุณตั้งแต่คุณเริ่มต้นดูโลกแล้ว มีแต่คุณนั่นแหละที่มัวแต่วิ่งหาความสุขทั้งๆที่มันอยู่ข้างในบริเวณหัวนมด้านซ้ายของตัวคุณ

วันนี้ลองเชื่อมั่นใจตัวเองดูซักครั้งครับ หลับตาลงในที่สบายๆ สัมผัสเส้นหัวใจเต้นของคุณอย่างอบอุ่น นึกถึงสิ่งดีๆที่คุณเคยได้ทำ ความสามารถของคุณ จุดเด่นของคุณ ค่อยๆขอบคุณตัวเองตอนอายุ 1 ขวบ 2 ขวบ ไล่มาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน ชมว่าคุณเก่งมาก คุณเป็นคนดีมาก คุณเป็นคนมีความสามารถ คุณคือคนที่สามารถสร้างความรักและส่งต่อให้ใครต่อใครก็ได้ที่ต้องการ ชมอย่างนี้ทุกครั้งที่เราคิดถึง ชมทุกครั้งที่เรานึกออก ชมตลอดเวลาที่เราหายใจ แล้วเรามาดูกันสิครับว่าชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยขนาดไหน และเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

คนที่สามารถชมตัวเองได้อย่างจริงใจเท่านั้นที่จะสามารถเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขกับชีวิตได้ คนที่สามารถรักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็นนั่นคือคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก เอาเลยครับ ลองดูเลยสิครับ ลองอยู่กับตัวเอง ฟูมฟักพลังกายพลังใจให้กับตัวเอง สร้างตัวเองให้เป็นในแบบที่ตัวเองต้องการ แล้วลองดูว่าคุณมีความสุขมากขึ้นขนาดไหน ใจของคุณอบอุ่นขึ้นมากขนาดไหน ถ้าคุณชาร์จพลังจนเต็มแล้ว กลับไปครับ กลับไปสะสางปัญหาอุปสรรคของชีวิต กลับไปกำราบความวุ่นวายที่ทำให้คุณเหนื่อยหน่ายให้อยู่หมัด กลับไปต่อสู้ปัญหาที่คุณเคยมองว่ายากเย็นแสนเข็ญ กลับไปคว้าความสำเร็จแล้วเอามันมาเป็นรางวัลชีวิตให้กับตัวคุณเอง

ผมเขียนบทความที่มั่นใจพอว่าดีไว้ที่ www.vittarot.com นะครับ
เป็นไพ่ Tarot สายจิตวิทยาที่ผมใฝ่ฝันอยากจะเผยแพร่ในไทยให้เป็นที่แพร่หลายให้ได้
ขอเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ :  )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่