คือพี่แกมีความคิดอีกแบบหนึ่ง คือจะบอกว่ายิ่งลักษณ์ผิดตามทัศนคติของแก คือคนมันมีอคติอยู่ก่อนแล้วจะใช้โวหาร
อย่างไรก็ได้ เรื่องราวมันถึงไม่จบ เพราะฝ่ายที่เขามีทัศนคติคนละอย่างเขาก็มีเหตุผลเหมือนกัน เชิญค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------
โดย วสิษฐ เดชกุญชร
คำว่า “ชอบธรรม” แปลว่าถูกตามหลักธรรม ถูกตามนิตินัย
รัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนี้ หากจะดูเผิน ๆ จาก ความเป็นมาก็อาจจะเห็นว่ามีความชอบธรรม คือถูกตามนิตินัย เพราะการแต่งตั้งเป็นไปตามทุก ขั้นตอนที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สภามีมติโดย คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งเห็นชอบให้แต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี และประธานสภา ผู้แทนราษฎรลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ถ้าหากจะดูความเป็นมาให้ละเอียดและลึกกว่านั้น ก็จะสงสัยว่ารัฐบาลชุดนี้มีความชอบ ธรรม คือถูกตามหลักธรรมและนิตินัยแน่ละหรือ
ก่อนการแต่งตั้ง (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ต้องคำพิพากษาและต้องหาในคดีอาญา แล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ ได้ประกาศอย่างเปิดเผยว่า “ทักษิณคิด (พรรค) เพื่อไทยทำ” และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ใช่ “นอมินี” (nominee แปลว่าผู้ได้รับการ เสนอชื่อให้เข้าชิงตำแหน่ง) แต่เป็น “โคลนนิง” (cloning แปลว่าตัวจำลอง) ของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ทีเดียว
โดยนัยนี้ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งประกอบด้วยพรรคเพื่อไทยเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ได้เห็นชอบ โดยเสรีด้วยตนเอง แต่ได้รับคำสั่งจาก (พ.ต.ท.)ทักษิณ ให้เห็นชอบให้แต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็น นายกรัฐมนตรี
การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วกราบบังคมทูลว่า สภา ผู้แทนราษฎรลงมติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการกราบบังคมทูลเท็จ เพราะที่จริง นั้นสภามิได้ลงมติโดยเสรี แต่ได้รับคำสั่งจาก (พ.ต.ท.)ทักษิณให้ลงมติต่างหาก
เพราะฉะนั้น รัฐบาลชุดที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีความชอบธรรมมา ตั้งแต่ต้น เป็นรัฐบาลโมฆะ หรือรัฐบาลเก๊
คำถวายสัตย์ปฏิญาณที่กระทำต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนการรับหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน ก็เป็นเท็จด้วย
และถ้าหากดูการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการบ้านเมืองของคณะรัฐบาล ตั้งแต่ต้นมาจนถึง ปัจจุบัน ก็จะเห็นชัดว่าเป็นไปโดยขัดต่อคำสัตย์ปฏิญาณที่ถวาย เพราะมิได้กระทำ “ด้วยความซื่อ สัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน” และนอกจากจะไม่ “รักษาไว้และปฏิบัติตาม ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” แล้ว รัฐบาลยังสมคบกันกับสภาผู้แทนราษฎร กระทำการที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพยายามทำลายรัฐธรรมนูญอีกด้วย
ประจักษ์พยานอีกอย่างหนึ่งคือ การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไปปราศรัย ในงาน “รวมพลคนรักทักษิณ” ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ที่ผ่านไปนี้ และยอมรับ ว่าตนเป็น “ขี้ข้า” ของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิมยืนยันด้วยว่า ร่างพระราชบัญญัติปรองดองที่ ตนเสนอ มีวัตถุประสงค์จะเอา (พ.ต.ท.)ทักษิณกลับประเทศไทยให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
การบริหารราชการบ้านเมืองของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทุกเรื่องเป็นไปด้วยความไม่โปร่งใส ส่อทุจริต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องจำนำข้าว หรือเรื่องการตั้งงบประมาณ ๒ ล้านล้านบาท ที่อ้างว่าเพื่อนำไปใช้สร้างรถไฟความเร็วสูง
รัฐบาลโมฆะหรือรัฐบาลเก๊ชุดนี้ เต็มไปด้วยความดื้อดันดึงดัน นอกจากจะไม่ฟังคำท้วงติง ของใครแล้ว ผู้ที่ท้วงติงหรือไม่เห็นด้วยยังถูกคุกคามด้วยประการต่าง ๆ เช่นด้วยการประณามว่า เป็นขยะ หรือแจ้งความดำเนินคดีด้วยข้อหาที่เป็นเท็จหรือคลุมเครือ หรือด้วยการปล่อยให้กลุ่ม ผู้สนับสนุนรัฐบาลไปขัดขวางข่มขู่
เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาชนที่เห็นว่าไม่สามารถจะเชื่อถือและพึ่งรัฐบาลและสภาผู้แทน ราษฎรต่อไปได้อีกแล้ว จึงถูกบังคับให้เลือกทางออก ด้วยการชุมนุมเพื่อแสดงมติไม่เห็นด้วย และปฏิเสธรัฐบาล นอกจากการชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ ที่ทุ่งพระเมรุท้องสนามหลวงและที่ ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ยังมีการร่วมกันแสดงความเห็นต่อต้านและปฏิเสธรัฐบาลทางสื่อสังคม เช่น เฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นการชุมนุมออนไลน์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองไทยอีกด้วย
ท่าทีของรัฐบาลในขณะนี้เป็นไปในด้านไม่แยแสและมั่นใจในตนเอง ในขณะเดียวกัน ท่าที ของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ผู้บงการรัฐบาลและบงการสภาผู้แทนราษฎร ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน
รัฐบาลเก๊และประชาชนที่ปฏิเสธรัฐบาลเก๊จึงเปรียบได้กับเครื่องบินสองเครื่องที่กำลังบินเข้าหากันในระดับเดียวกัน อย่างที่ภาษานักบินเรียกว่า collision course ถ้านักบินฝ่ายหนึ่งไม่เปลี่ยน ระดับให้สูงขึ้นหรือต่ำลง เครื่องบินทั้งสองเครื่องก็จะต้องชนกันอย่างแน่นอน.
หมายเหตุ บทความนี้เขียนเพื่อพิมพ์ใน “มติชน” ฉบับวันอังคารที่ ๒๘ พ.ค. ๒๕๕๖
ลองอ่านทัศนคติของ วสิษฐ์ เดชกุญชร
อย่างไรก็ได้ เรื่องราวมันถึงไม่จบ เพราะฝ่ายที่เขามีทัศนคติคนละอย่างเขาก็มีเหตุผลเหมือนกัน เชิญค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------
โดย วสิษฐ เดชกุญชร
คำว่า “ชอบธรรม” แปลว่าถูกตามหลักธรรม ถูกตามนิตินัย
รัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนี้ หากจะดูเผิน ๆ จาก ความเป็นมาก็อาจจะเห็นว่ามีความชอบธรรม คือถูกตามนิตินัย เพราะการแต่งตั้งเป็นไปตามทุก ขั้นตอนที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สภามีมติโดย คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งเห็นชอบให้แต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี และประธานสภา ผู้แทนราษฎรลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ถ้าหากจะดูความเป็นมาให้ละเอียดและลึกกว่านั้น ก็จะสงสัยว่ารัฐบาลชุดนี้มีความชอบ ธรรม คือถูกตามหลักธรรมและนิตินัยแน่ละหรือ
ก่อนการแต่งตั้ง (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ต้องคำพิพากษาและต้องหาในคดีอาญา แล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ ได้ประกาศอย่างเปิดเผยว่า “ทักษิณคิด (พรรค) เพื่อไทยทำ” และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ใช่ “นอมินี” (nominee แปลว่าผู้ได้รับการ เสนอชื่อให้เข้าชิงตำแหน่ง) แต่เป็น “โคลนนิง” (cloning แปลว่าตัวจำลอง) ของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ทีเดียว
โดยนัยนี้ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งประกอบด้วยพรรคเพื่อไทยเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ได้เห็นชอบ โดยเสรีด้วยตนเอง แต่ได้รับคำสั่งจาก (พ.ต.ท.)ทักษิณ ให้เห็นชอบให้แต่งตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็น นายกรัฐมนตรี
การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วกราบบังคมทูลว่า สภา ผู้แทนราษฎรลงมติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการกราบบังคมทูลเท็จ เพราะที่จริง นั้นสภามิได้ลงมติโดยเสรี แต่ได้รับคำสั่งจาก (พ.ต.ท.)ทักษิณให้ลงมติต่างหาก
เพราะฉะนั้น รัฐบาลชุดที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีความชอบธรรมมา ตั้งแต่ต้น เป็นรัฐบาลโมฆะ หรือรัฐบาลเก๊
คำถวายสัตย์ปฏิญาณที่กระทำต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนการรับหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน ก็เป็นเท็จด้วย
และถ้าหากดูการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการบ้านเมืองของคณะรัฐบาล ตั้งแต่ต้นมาจนถึง ปัจจุบัน ก็จะเห็นชัดว่าเป็นไปโดยขัดต่อคำสัตย์ปฏิญาณที่ถวาย เพราะมิได้กระทำ “ด้วยความซื่อ สัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน” และนอกจากจะไม่ “รักษาไว้และปฏิบัติตาม ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” แล้ว รัฐบาลยังสมคบกันกับสภาผู้แทนราษฎร กระทำการที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพยายามทำลายรัฐธรรมนูญอีกด้วย
ประจักษ์พยานอีกอย่างหนึ่งคือ การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไปปราศรัย ในงาน “รวมพลคนรักทักษิณ” ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ที่ผ่านไปนี้ และยอมรับ ว่าตนเป็น “ขี้ข้า” ของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิมยืนยันด้วยว่า ร่างพระราชบัญญัติปรองดองที่ ตนเสนอ มีวัตถุประสงค์จะเอา (พ.ต.ท.)ทักษิณกลับประเทศไทยให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
การบริหารราชการบ้านเมืองของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทุกเรื่องเป็นไปด้วยความไม่โปร่งใส ส่อทุจริต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องจำนำข้าว หรือเรื่องการตั้งงบประมาณ ๒ ล้านล้านบาท ที่อ้างว่าเพื่อนำไปใช้สร้างรถไฟความเร็วสูง
รัฐบาลโมฆะหรือรัฐบาลเก๊ชุดนี้ เต็มไปด้วยความดื้อดันดึงดัน นอกจากจะไม่ฟังคำท้วงติง ของใครแล้ว ผู้ที่ท้วงติงหรือไม่เห็นด้วยยังถูกคุกคามด้วยประการต่าง ๆ เช่นด้วยการประณามว่า เป็นขยะ หรือแจ้งความดำเนินคดีด้วยข้อหาที่เป็นเท็จหรือคลุมเครือ หรือด้วยการปล่อยให้กลุ่ม ผู้สนับสนุนรัฐบาลไปขัดขวางข่มขู่
เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาชนที่เห็นว่าไม่สามารถจะเชื่อถือและพึ่งรัฐบาลและสภาผู้แทน ราษฎรต่อไปได้อีกแล้ว จึงถูกบังคับให้เลือกทางออก ด้วยการชุมนุมเพื่อแสดงมติไม่เห็นด้วย และปฏิเสธรัฐบาล นอกจากการชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ ที่ทุ่งพระเมรุท้องสนามหลวงและที่ ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ยังมีการร่วมกันแสดงความเห็นต่อต้านและปฏิเสธรัฐบาลทางสื่อสังคม เช่น เฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นการชุมนุมออนไลน์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองไทยอีกด้วย
ท่าทีของรัฐบาลในขณะนี้เป็นไปในด้านไม่แยแสและมั่นใจในตนเอง ในขณะเดียวกัน ท่าที ของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ผู้บงการรัฐบาลและบงการสภาผู้แทนราษฎร ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน
รัฐบาลเก๊และประชาชนที่ปฏิเสธรัฐบาลเก๊จึงเปรียบได้กับเครื่องบินสองเครื่องที่กำลังบินเข้าหากันในระดับเดียวกัน อย่างที่ภาษานักบินเรียกว่า collision course ถ้านักบินฝ่ายหนึ่งไม่เปลี่ยน ระดับให้สูงขึ้นหรือต่ำลง เครื่องบินทั้งสองเครื่องก็จะต้องชนกันอย่างแน่นอน.
หมายเหตุ บทความนี้เขียนเพื่อพิมพ์ใน “มติชน” ฉบับวันอังคารที่ ๒๘ พ.ค. ๒๕๕๖