วันอาทิตย์ ที่บอกว่าเป็นวันพักผ่อน เมื่อเช้าหลังเมนท์
ในห้อง ราชดำเนิน เสร็จ มีชาวบ้านเอารถ มารับ ไป คุย
กลุ่มย่อย เรื่องประชาธิปไตย ของบ้านเรา
ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ชาวบ้านตื่นตัวเรื่องนี้มาก อย่าดูถูก นะ เพราะเขา
จะคอยอ่าน คอยสอบถามกันตลอด และ แล้วก้ตั้งวงย่อย ๆคุยกัน
เชิญ คนที่เขาชื่นชอบ มาคุยให้ฟัง
ผมต้องอุตริ นิดหน่อย ตั้งตนเป็น นักวิชาเกิน เสมอ วันนี้หัวข้อ
ที่เขาอยากให้ผมพูดให้ฟังคือ ทำไม ประเทศ ถึง ได้ ประชาธิปไตย
ยากเย็นนักหนา กินข้าวกินน้ำเสร็จก็สาธยาย
ประชาธิปไตย ของบ้านเรา เกิดจากการรวมกลุ่ม ของทหารและ
พลเรื่อน โน่น ก่อน ปี 75 ไปเรียนหนังสือเมืองนอกเมืองนา มา
เห็น ประชาชนเขามีอิสระ ทางความคิด พูดอะไร ก้พูดได้ เลย
อยากให้มีมั่ง เพราะเราปกครองแบบ ที่เขาเรียกว่า พระมหากษัตริย์
ทรง มีอำนาจพระองค์เดียว ในทุกเรื่องพระองค์ ทรงสิทธิขาด ในการทำให้
ประชาชนเป็นอย่างไรก้ได้
กลุ่ม ก้าวหน้าเหล่านี้ ก็คบคิดกัน ปฏิวัติ ประเทศ ทำให้ ประเทศ เป็นประชาธิปไตย
กษัตริย์ ต้องทรงอยู่ ไต้รัฐธรรมนูญ รวม ๆกันบอกว่า ประชาชน ต้องมีสิทธิ เหนือกว่าใคร
ในการดำรงอยู่ ของประเทศ
แต่บ้านเรา การศึกษา ยังด้อยมาก คน ที่จบการศึกษาอย่างมากก็ ม. 6
แต่ทั่วไป 90 % ไม่ได้เรียนมากมายอะไร พอ อ่านออกเขียนได้ ดังนั้น
ประชาธิปไตย จึงต้องมีผู้กำหนด ทิศทาง ไม่ใช่ให้ประชาชนกำหนด
เป็นอย่างนี้ มาหลังการปฏิวัติ แม้หลังปี 2500 การศึกษา เจริญหน่อย ก็ยัง
ไม่สามารถทำให้ ประชาธิปไตยใน หัวใจของ ประชาชนเบ่งบานได้ รวมทั้ง
มี ผู้นิยม ฝักไฝ่ในการปกครองในอีกรูป แบบ เข้ามาเผยแพร่ กับประชาชน
ที่ผู้กุมอำนาจ ยังไม่ปล่อย ให้ประชาชน ได้ เลือกทางเดินเอง ประชาธิปไตย จึงช้า
ไปตามลำดับ ขนาดรัฐธรรมนูญ ก่อน 14 ตุลา 16 ยังเขียนกัน 14 - 15 ปี
ก้ไม่เสร็จ นักศึกษา เลยตายสังเวยไปมาก
หลัง ปี 16 ก้มี รัฐธรรมนูญ อีกหลายฉบับ เขียนแล้ว ก็ ฉีก ๆแล้วก้เขียน จนไอ้คนเขียน
งง ว่า กูจะเขียนยังไง ไม่ให้ทหารฉีกได้ จนมามีรัฐธรรมนูญ ปี 40 บอกว่าเป็น รัฐธณรรมนูญ
ที่ดี มีองค์กร ตรวจสอบ เรียกว่าไปลอก ของ ต่างประเทศ มาทั้งดุ้น ก็บอกว่าดี แต่ไม่พ้นการฉีกอีก
เอ้าเขียนกันอีก แล้ว ก็บอกว่า ไอ้ ปี 50 นี่มันห่วย มีการจะแก้ใข อะไรกันอีก เรียกว่า ฝ่ายหัวก้าวหน้า
อยากให้มีการเขียน ที่ใช้ คนทั้งปรเทศ ส่งวตัวแทนมาเขียน ว่างั้น ไม่ไว้ใจ คนไม่กี่คน ที่เขียน
ครับ ก้เถียงกันแค่นี้ ทีนี้ ก็คนครับ เขียนอะไร ก้เข้าข้างตัวเองมาตลอด มัน เป็นซะอย่างนี้ แหละครับ
อันที่จริงแล้ว รัฐธรรมนูญ จะดีหรือเลว ไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูย เป็น
ตัวบอกว่า ตอนนี้ฉันเป็นประชาธิปไตยแล้วนะ เห็นไหม บ้านฉัน ก็มีรัฐธรรมนูญ
ใช้เหมือนบ้านแก หรือใครจะเถียง เอ้าอย่างที่ ลางคนบอก ปี 50 นี่ เข้าชื่อกัน 2 หมื่นชื่อก้แก้ได้แล้ว
เห็นหมอเหวง เอาชื่อชาวบ้านไปยื่นเพื่อ แก้ใข มาตั้งแต่ เลือกตั้ง คราวแล้ว จนเลือกครั้งใหม่ ญัตติ นั้นเลยตกไป
ก็ ยังไม่เห็นพิจารณาอะไร
เพราะฉนั้น รัฐธรรมนูญ แค่เป็นเครื่องหมายการค้า ของประเทศประชาธิปไตย เท่านั้น ไม่สลักสำคัญ
อะไรมากมายนัก หัวใจของประชาธิปไตย มัน น่าจะอยู่ที่ การให้สิทธิ ประชาชน ขนาดไหน บริการ
ประชาชน ได้ ขนาดไหน ให้ความสุข ในการดำรงชีวิตของ ประชาชนระดับใด รวมทั้งมีการตรวจสอบ
ความโปร่งใส ของการทำงาน ทุกระดับ ได้ดี เพียงใด คุณทักษิณ ที่บอกเป็นนายกในดวงใจ แก
ก็แค่ทำตามรัฐธรรมนูญ เท่านั้น ไม่เห็นว่า แกทำอะไร เกินเลยไป
จากรัฐธรรมนูญ ก็เพราะอย่างนี้ คนที่เคยไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูย มาก่อน เลยเกิดอาการหมั่นใส้
แล้วสไอ้คนหมั่นใส้ นี่ระดับ ที่เหนือรัฐธรรมนูย ขึ้นไปอีก เลยต้อง มีกีฬาเกิดขึ้น ในที่สุด ประชาชน
ก็ต้องตาย กัน อีกครั้ง อย่างปี 53 ที่ผ่านมา
ถ้า สส รัฐบาล ทุกคนถือเอาประโยชน์ ส่วนรวมมากกว่า ส่วนตัว ประเทศมันก็เดินไปได้ด้วยดี
ไม่ต้องมาให้ ประชาชนเล่นกีฬาสี กัน จนเครียดไปทุกหย่อมหญ้า
ชาวบ้านที่มาคุยกัน ก็ร้องอ๋อ แล้ว ถามผมว่า แล้วเมื่อไร ประชาชนจึงจะได้ แบบอาจารย์ว่า ผมฟังแล้ว ก็ขอจบ
เพราะไม่สามารถ ตอบคำถาม แบบนี้ได้ แล้ว คนอ่าน มีความเห็นอย่างใดครับ
ประชาธิปไตยของชาวบ้าน
ในห้อง ราชดำเนิน เสร็จ มีชาวบ้านเอารถ มารับ ไป คุย
กลุ่มย่อย เรื่องประชาธิปไตย ของบ้านเรา
ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ชาวบ้านตื่นตัวเรื่องนี้มาก อย่าดูถูก นะ เพราะเขา
จะคอยอ่าน คอยสอบถามกันตลอด และ แล้วก้ตั้งวงย่อย ๆคุยกัน
เชิญ คนที่เขาชื่นชอบ มาคุยให้ฟัง
ผมต้องอุตริ นิดหน่อย ตั้งตนเป็น นักวิชาเกิน เสมอ วันนี้หัวข้อ
ที่เขาอยากให้ผมพูดให้ฟังคือ ทำไม ประเทศ ถึง ได้ ประชาธิปไตย
ยากเย็นนักหนา กินข้าวกินน้ำเสร็จก็สาธยาย
ประชาธิปไตย ของบ้านเรา เกิดจากการรวมกลุ่ม ของทหารและ
พลเรื่อน โน่น ก่อน ปี 75 ไปเรียนหนังสือเมืองนอกเมืองนา มา
เห็น ประชาชนเขามีอิสระ ทางความคิด พูดอะไร ก้พูดได้ เลย
อยากให้มีมั่ง เพราะเราปกครองแบบ ที่เขาเรียกว่า พระมหากษัตริย์
ทรง มีอำนาจพระองค์เดียว ในทุกเรื่องพระองค์ ทรงสิทธิขาด ในการทำให้
ประชาชนเป็นอย่างไรก้ได้
กลุ่ม ก้าวหน้าเหล่านี้ ก็คบคิดกัน ปฏิวัติ ประเทศ ทำให้ ประเทศ เป็นประชาธิปไตย
กษัตริย์ ต้องทรงอยู่ ไต้รัฐธรรมนูญ รวม ๆกันบอกว่า ประชาชน ต้องมีสิทธิ เหนือกว่าใคร
ในการดำรงอยู่ ของประเทศ
แต่บ้านเรา การศึกษา ยังด้อยมาก คน ที่จบการศึกษาอย่างมากก็ ม. 6
แต่ทั่วไป 90 % ไม่ได้เรียนมากมายอะไร พอ อ่านออกเขียนได้ ดังนั้น
ประชาธิปไตย จึงต้องมีผู้กำหนด ทิศทาง ไม่ใช่ให้ประชาชนกำหนด
เป็นอย่างนี้ มาหลังการปฏิวัติ แม้หลังปี 2500 การศึกษา เจริญหน่อย ก็ยัง
ไม่สามารถทำให้ ประชาธิปไตยใน หัวใจของ ประชาชนเบ่งบานได้ รวมทั้ง
มี ผู้นิยม ฝักไฝ่ในการปกครองในอีกรูป แบบ เข้ามาเผยแพร่ กับประชาชน
ที่ผู้กุมอำนาจ ยังไม่ปล่อย ให้ประชาชน ได้ เลือกทางเดินเอง ประชาธิปไตย จึงช้า
ไปตามลำดับ ขนาดรัฐธรรมนูญ ก่อน 14 ตุลา 16 ยังเขียนกัน 14 - 15 ปี
ก้ไม่เสร็จ นักศึกษา เลยตายสังเวยไปมาก
หลัง ปี 16 ก้มี รัฐธรรมนูญ อีกหลายฉบับ เขียนแล้ว ก็ ฉีก ๆแล้วก้เขียน จนไอ้คนเขียน
งง ว่า กูจะเขียนยังไง ไม่ให้ทหารฉีกได้ จนมามีรัฐธรรมนูญ ปี 40 บอกว่าเป็น รัฐธณรรมนูญ
ที่ดี มีองค์กร ตรวจสอบ เรียกว่าไปลอก ของ ต่างประเทศ มาทั้งดุ้น ก็บอกว่าดี แต่ไม่พ้นการฉีกอีก
เอ้าเขียนกันอีก แล้ว ก็บอกว่า ไอ้ ปี 50 นี่มันห่วย มีการจะแก้ใข อะไรกันอีก เรียกว่า ฝ่ายหัวก้าวหน้า
อยากให้มีการเขียน ที่ใช้ คนทั้งปรเทศ ส่งวตัวแทนมาเขียน ว่างั้น ไม่ไว้ใจ คนไม่กี่คน ที่เขียน
ครับ ก้เถียงกันแค่นี้ ทีนี้ ก็คนครับ เขียนอะไร ก้เข้าข้างตัวเองมาตลอด มัน เป็นซะอย่างนี้ แหละครับ
อันที่จริงแล้ว รัฐธรรมนูญ จะดีหรือเลว ไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูย เป็น
ตัวบอกว่า ตอนนี้ฉันเป็นประชาธิปไตยแล้วนะ เห็นไหม บ้านฉัน ก็มีรัฐธรรมนูญ
ใช้เหมือนบ้านแก หรือใครจะเถียง เอ้าอย่างที่ ลางคนบอก ปี 50 นี่ เข้าชื่อกัน 2 หมื่นชื่อก้แก้ได้แล้ว
เห็นหมอเหวง เอาชื่อชาวบ้านไปยื่นเพื่อ แก้ใข มาตั้งแต่ เลือกตั้ง คราวแล้ว จนเลือกครั้งใหม่ ญัตติ นั้นเลยตกไป
ก็ ยังไม่เห็นพิจารณาอะไร
เพราะฉนั้น รัฐธรรมนูญ แค่เป็นเครื่องหมายการค้า ของประเทศประชาธิปไตย เท่านั้น ไม่สลักสำคัญ
อะไรมากมายนัก หัวใจของประชาธิปไตย มัน น่าจะอยู่ที่ การให้สิทธิ ประชาชน ขนาดไหน บริการ
ประชาชน ได้ ขนาดไหน ให้ความสุข ในการดำรงชีวิตของ ประชาชนระดับใด รวมทั้งมีการตรวจสอบ
ความโปร่งใส ของการทำงาน ทุกระดับ ได้ดี เพียงใด คุณทักษิณ ที่บอกเป็นนายกในดวงใจ แก
ก็แค่ทำตามรัฐธรรมนูญ เท่านั้น ไม่เห็นว่า แกทำอะไร เกินเลยไป
จากรัฐธรรมนูญ ก็เพราะอย่างนี้ คนที่เคยไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูย มาก่อน เลยเกิดอาการหมั่นใส้
แล้วสไอ้คนหมั่นใส้ นี่ระดับ ที่เหนือรัฐธรรมนูย ขึ้นไปอีก เลยต้อง มีกีฬาเกิดขึ้น ในที่สุด ประชาชน
ก็ต้องตาย กัน อีกครั้ง อย่างปี 53 ที่ผ่านมา
ถ้า สส รัฐบาล ทุกคนถือเอาประโยชน์ ส่วนรวมมากกว่า ส่วนตัว ประเทศมันก็เดินไปได้ด้วยดี
ไม่ต้องมาให้ ประชาชนเล่นกีฬาสี กัน จนเครียดไปทุกหย่อมหญ้า
ชาวบ้านที่มาคุยกัน ก็ร้องอ๋อ แล้ว ถามผมว่า แล้วเมื่อไร ประชาชนจึงจะได้ แบบอาจารย์ว่า ผมฟังแล้ว ก็ขอจบ
เพราะไม่สามารถ ตอบคำถาม แบบนี้ได้ แล้ว คนอ่าน มีความเห็นอย่างใดครับ