วันอาทิตย์ ถือเป็นสบาย ๆของทุกคน แม้ว่า วัยเกษียณ อย่างผม
ที่มีวันหยุด 365 วันต่อปี ก็ยังมีวันหยุด กับเขาด้วย
ในฐานะ ที่อยู่วงการศึกษา มาตลอดชีวิต เลยอยากคุย เรื่องราว
ที่มันเกี่ยวกับ การศึกษา ให้กับ คนรุ่นลูก รุ่นหลานฟัง
ได้ฟังคุณพงศ์เทพ เจ้าเก่าของผม พูดถึงเรื่องปฏิรูป การศึกษา
เมื่อคืน ก็ดีใจ ขึ้นมานิด แกบอกอย่างนี้ ว่า เด็กไทย เรียนหนักที่สุด
ในโลก มากกว่า 1200 ชั่วโมงในหนึ่งปี โดยที่ประเทศ ที่พัฒนาแล้ว
เด็กเขาเรียน กัน 800 ชั่วโมงก็พอ ไอ้เรียนมาก ๆนี่ ผล มันออกมาลบ
จากการสอบ ที่ผมเรียกไม่ถูก โอเน็ต เอเน็ต อะไร นี่ ต่ำกว่า 50 % ทั้งนั้น
ยังบอกไปถึง ว่า เป็นการเรียนด้วยการท่องจำ ไม่เอาความเข้าใจ มาให้กับเด็ก
บอกว่าต้อง ปฏิรูป หลักสูตร ให้เด็กเรียนน้อยลง
ผมเห็นด้วย เรื่องปฏิรูปหลักสูตร แต่ที่ต้องท้วงติง ตรงที่ จะเห็นว่าหลักสูตร
การเรียน นี่ ก็ เจ้าคนในกระทรวง เป็นคน ทำขึ้นมา ตำราเรียน ก็คน ในกระทรวง
ทำขึ้นมา ไม่ใช่คนนอก ไม่ใช่นักวิชาการอิสระ อะไรทั้งสี้น ทำขึ้นมา แล้ว ก็ยัดเยียด ให้เด็กเรียน
เรียน จนกระทั่ง ต้องไปเรียนพิเศษ กัน เพราะ ว่า ตำราเอย หลักสูตร เอย รวมทั้งครู
ผู้สอน ไม่ได้ความ ทำไม ผมต้องพูดอย่างนี้ ผมมีตัวอย่าง
วิชาคำนวนเป็นวิชาที่ ต้องหาเหตุผล ความเข้าใจ ในการ เรียน เช่นวิชาพีชคณิต
ท่านทราบไหม ว่า ในตำรา เด้กชั้น ม. 1 เป็นตัวอย่าง ของการทำสมการ เช่น มีโจทย์
ถามว่า x + y = 3 และอีก สมการ 2x + 3y = 7 ให้หาค่าของ xและ y ในตัวอย่างของ
ตำรา ก็ บอกว่า หาตัวคูณ เพื่อกำจัด ค่าใด ค่าหนึ่ง ให้หมดไปก่อน แล้วถึงจะแทนค่า ตัวที่จำกัด
ได้ ว่าแล้ว ก้เอา 2 คูณ กับ สมการ แรก เพื่อให้ค่า สมการแรก ที่เป็น 2x มาลบกับ สมการ 2
เหลือค่า y จะเอามาหาร หรือ ลบกัน ให้เหลือค่า y ตามวิธีคิด ของ สมการ
ที่ตลก ก็คือ ในตำราไม่อธิบายว่าทำไม ต้องกำจัดค่า ของ X ให้หมดไปก่อน การย้ายข้าง มีผล ต่อ ค่า
+ และ - ของสมการ ครูผู้สอน ไม่อธิบายให้เด็กเข้าใจ ในวิธีคิด ดังนั้น พอมาทำ การบ้านโจทย์
ในตำรา จึงเป็นการ ทำตามตัวอย่าง อย่าง ๆเดียว ไม่มีการคิดเพิ่มเติม นี่ครูคณิตศาสตร์ สมัยนี้สอนกันนะครับ
สมัยผมเรียน ครูจะสอน ทั้งการหาค่า การย้อนกลับ ตรวจสอบที่มาที่ไป ครูที่สอนพีชคณิต สมัยผมเรียน
ก็ไม่ได้ จบ โท จบเอก เหมือนสมัยนี้ ผมก้เอา ความคิดของท่านมาต่อยอด จน เก่งคำนวน มาเรียน
เทคโนโลยี่ ที่ใช้วิชานี้ หากินได้
ครับ ก้ถูก ของท่าน รัฐมนตรี ตำราที่ออกมากันมากมาย รวมทั้งครูผู้สอน ต้อง มีความรู้ ในเทคนิคการสอน
อย่าง ถูกต้อง เห็นด้วย ครับ ที่จะปฏิรูป แต่ สี่งแรกที่ต้องปฏิรูป คือ ครู และ นักวิชาการใน กระทรวง
ถามผมว่า เวลาเรียนมาก ๆมันเป็นผลไหม ไม่มีผลครับ สมัยผมเรียน ก้แบบนี้ ผมยังมีเวลาเหลือ
ไปทำงานหารายได้ วิชาที่เรียน ก็เหมือนกัน แล้วการเรียนช่างนี่ ต้องอาศัย ปฏิบัติมาก ๆ ทำซ้ำบ่อย ๆ
ดังนั้น เวลาปฏิบัติมันน้อยไปด้วยซ้ำ หรือเอาแค่ คณิตศาสตร์นี่ ถ้า ครูให้การบ้าน 10 ข้อ เราต้องมาทำไม่ต่ำ
กว่า 50 ข้อ มัน ถึงจะ เห็นหนทางในการคิด แต่ไอ้วิชาสมัยใหม่ นี่ผมไม่เข้าใจ ว่า ใส่เข้าไปทำไม
เช่น เซ็ต ในวิชาคณิตศาสตร์ พร้อบ อย่างนี้ เนื้อหาวิชาพวกนี้ พอไประดับสูง มันไม่ช่วยอะไรเลย
เอ้ายกตัวอย่างอีก ผมเรียน วิชา ความแข็งแรงวัสดุ ตอน ปวส หรือ ป.ตรี มันมีสูตรมากมาย ในการคำนวน
คนเรียนต้องจำสูตรให้ได้ ในการคำนวน เพราะ เราต้องคำนวนค่าความแข็งแรง ของ เหล็ก ของคอนกรีต
ที่เอามาใช้ในการก่อสร้าง ในสัดส่วน ตามมาตราฐาน ไม่มีการเดา หรือ ความน่าจะเป็น ของวัสดุ เหมือน
วิชา พร้อบ ที่เด็ก สมัยนี้เรียน
ครับหลักสูตร บางที่ก็ยัดเยียดให้เด็กเรียนไปโดยที่ ไม่เกิดประโยชน์ ใด ๆทั้งสี้น วิชาที่แกเรียนในชั้น ม. 6
บางวิชา ไม่ได้เอามาใช้งานในอาชีพจริง เลย ครับ อย่างนี้ นักวิชาการต้องแก้ใข
สรุปปัญหา ของการศึกษา ในปัจจุบัน ก้คือ ครู เป็นอันดับหนึ่งที่ต้องแก้ใข หลักสูตร ในการสอนของ
ราชภัฏ ต้องปรับปรุง เพื่อครู จะได้ มีความรู้ อย่างเต็มที่ในการสอน ต้องมีทัศนะคติ ในวิชาชีพครู
อย่างถูกต้อง ราชภัฏ ที่เป็นแหล่ง ผลิตครู ต้องไม่สเปะ สปะ ในการเปิดหลักสูตร มากมาย จน
ทราบไหมครับ แพทย์ วิศวะ สถาปัตย์ ก็เปิดสอนในสถาบัน ครู กันแล้ว ตลกไหมครับ
เทคโนโลยี่การสอน ต้องได้รับการพัฒนา จากครูผู้สอน หาคิดค้น เพื่อการสอน และ กระทรวง เป็นผู้สนับสนุน
ไม่ใช่คิดจากบนลงล่างอย่างในปัจจุบัน คุณภาพของครู จะต้องเป็นตัวชี้วัดความ ก้าวหน้าในวิชาชีพ
ไม่ใช่เอา ตำรา เอาเอกสารมาวัดกัน
หลักสูตร ต้องสอดคล้องกับ ความเป็นไปของ สถานะการณ์ปัจจุบัน ไม่ยัดเยียดหลักสูตร เข้าไป จน ทำให้เด็กต้องเรียน
โดยไม่มีเป้าหมาย การวัดผล เด็ก ต้อง อาศัยการเรียนรู้ ที่ กว้างขวาง ไม่ต้องหมกมุ่นกันแต่ในหลักสูตร
เพื่อให้เด้กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง แล้ว มาประเมินกัน ในระดับ ทั่วไป
การเลือกเรียนวิชาชีพ ต้องมีการวัดขั้นต้นของ ความถนัดในการเรียน การประกอบอาชีพ และ ตามความต้องการ
ของตลาด ไม่ใช่ ให้เด้ก แห่กันไป เรียนแพทย์ เรียนหมอ เรียนวิชา ที่ผู้ปกครองหวังว่าจะทำเงินได้มาก ๆเมื่อจบมา
ครับเป็นการให้ทัศนะคติ ที่ผิดกับ เด็ก
ครับ เรื่องราวของการศึกษา เป็นเรื่องยากสำหรับ นักการเมือง มีหลายคน ต้อง หมดลายในทางการเมือง
ไปเพราะการศึกษา แต่ ข้าราชการประจำ เป็นตัวหลักในการ ช่วยให้ การศึกษา เจริญไป ในทิศทางที่ถูกต้อง
ข้อเขียน นี้ อาจยาวไปหน่อย แตก็ถือว่า เอาประสพการณ์ ในอาชีพ มาแชร์กัน ให้มันต่างจาก การเมืองที่ร้อนฉ่า
ในปัจจุบัน การเมือง อะไรจะเกิดมันต้องเกิด อย่างที่เขาบอก ฟ้าลิขิต แต่การศึกษาเราสามารถลิขิตได้ด้วยตัวเอง ครับ
เช้าวันอาทิตย์
ที่มีวันหยุด 365 วันต่อปี ก็ยังมีวันหยุด กับเขาด้วย
ในฐานะ ที่อยู่วงการศึกษา มาตลอดชีวิต เลยอยากคุย เรื่องราว
ที่มันเกี่ยวกับ การศึกษา ให้กับ คนรุ่นลูก รุ่นหลานฟัง
ได้ฟังคุณพงศ์เทพ เจ้าเก่าของผม พูดถึงเรื่องปฏิรูป การศึกษา
เมื่อคืน ก็ดีใจ ขึ้นมานิด แกบอกอย่างนี้ ว่า เด็กไทย เรียนหนักที่สุด
ในโลก มากกว่า 1200 ชั่วโมงในหนึ่งปี โดยที่ประเทศ ที่พัฒนาแล้ว
เด็กเขาเรียน กัน 800 ชั่วโมงก็พอ ไอ้เรียนมาก ๆนี่ ผล มันออกมาลบ
จากการสอบ ที่ผมเรียกไม่ถูก โอเน็ต เอเน็ต อะไร นี่ ต่ำกว่า 50 % ทั้งนั้น
ยังบอกไปถึง ว่า เป็นการเรียนด้วยการท่องจำ ไม่เอาความเข้าใจ มาให้กับเด็ก
บอกว่าต้อง ปฏิรูป หลักสูตร ให้เด็กเรียนน้อยลง
ผมเห็นด้วย เรื่องปฏิรูปหลักสูตร แต่ที่ต้องท้วงติง ตรงที่ จะเห็นว่าหลักสูตร
การเรียน นี่ ก็ เจ้าคนในกระทรวง เป็นคน ทำขึ้นมา ตำราเรียน ก็คน ในกระทรวง
ทำขึ้นมา ไม่ใช่คนนอก ไม่ใช่นักวิชาการอิสระ อะไรทั้งสี้น ทำขึ้นมา แล้ว ก็ยัดเยียด ให้เด็กเรียน
เรียน จนกระทั่ง ต้องไปเรียนพิเศษ กัน เพราะ ว่า ตำราเอย หลักสูตร เอย รวมทั้งครู
ผู้สอน ไม่ได้ความ ทำไม ผมต้องพูดอย่างนี้ ผมมีตัวอย่าง
วิชาคำนวนเป็นวิชาที่ ต้องหาเหตุผล ความเข้าใจ ในการ เรียน เช่นวิชาพีชคณิต
ท่านทราบไหม ว่า ในตำรา เด้กชั้น ม. 1 เป็นตัวอย่าง ของการทำสมการ เช่น มีโจทย์
ถามว่า x + y = 3 และอีก สมการ 2x + 3y = 7 ให้หาค่าของ xและ y ในตัวอย่างของ
ตำรา ก็ บอกว่า หาตัวคูณ เพื่อกำจัด ค่าใด ค่าหนึ่ง ให้หมดไปก่อน แล้วถึงจะแทนค่า ตัวที่จำกัด
ได้ ว่าแล้ว ก้เอา 2 คูณ กับ สมการ แรก เพื่อให้ค่า สมการแรก ที่เป็น 2x มาลบกับ สมการ 2
เหลือค่า y จะเอามาหาร หรือ ลบกัน ให้เหลือค่า y ตามวิธีคิด ของ สมการ
ที่ตลก ก็คือ ในตำราไม่อธิบายว่าทำไม ต้องกำจัดค่า ของ X ให้หมดไปก่อน การย้ายข้าง มีผล ต่อ ค่า
+ และ - ของสมการ ครูผู้สอน ไม่อธิบายให้เด็กเข้าใจ ในวิธีคิด ดังนั้น พอมาทำ การบ้านโจทย์
ในตำรา จึงเป็นการ ทำตามตัวอย่าง อย่าง ๆเดียว ไม่มีการคิดเพิ่มเติม นี่ครูคณิตศาสตร์ สมัยนี้สอนกันนะครับ
สมัยผมเรียน ครูจะสอน ทั้งการหาค่า การย้อนกลับ ตรวจสอบที่มาที่ไป ครูที่สอนพีชคณิต สมัยผมเรียน
ก็ไม่ได้ จบ โท จบเอก เหมือนสมัยนี้ ผมก้เอา ความคิดของท่านมาต่อยอด จน เก่งคำนวน มาเรียน
เทคโนโลยี่ ที่ใช้วิชานี้ หากินได้
ครับ ก้ถูก ของท่าน รัฐมนตรี ตำราที่ออกมากันมากมาย รวมทั้งครูผู้สอน ต้อง มีความรู้ ในเทคนิคการสอน
อย่าง ถูกต้อง เห็นด้วย ครับ ที่จะปฏิรูป แต่ สี่งแรกที่ต้องปฏิรูป คือ ครู และ นักวิชาการใน กระทรวง
ถามผมว่า เวลาเรียนมาก ๆมันเป็นผลไหม ไม่มีผลครับ สมัยผมเรียน ก้แบบนี้ ผมยังมีเวลาเหลือ
ไปทำงานหารายได้ วิชาที่เรียน ก็เหมือนกัน แล้วการเรียนช่างนี่ ต้องอาศัย ปฏิบัติมาก ๆ ทำซ้ำบ่อย ๆ
ดังนั้น เวลาปฏิบัติมันน้อยไปด้วยซ้ำ หรือเอาแค่ คณิตศาสตร์นี่ ถ้า ครูให้การบ้าน 10 ข้อ เราต้องมาทำไม่ต่ำ
กว่า 50 ข้อ มัน ถึงจะ เห็นหนทางในการคิด แต่ไอ้วิชาสมัยใหม่ นี่ผมไม่เข้าใจ ว่า ใส่เข้าไปทำไม
เช่น เซ็ต ในวิชาคณิตศาสตร์ พร้อบ อย่างนี้ เนื้อหาวิชาพวกนี้ พอไประดับสูง มันไม่ช่วยอะไรเลย
เอ้ายกตัวอย่างอีก ผมเรียน วิชา ความแข็งแรงวัสดุ ตอน ปวส หรือ ป.ตรี มันมีสูตรมากมาย ในการคำนวน
คนเรียนต้องจำสูตรให้ได้ ในการคำนวน เพราะ เราต้องคำนวนค่าความแข็งแรง ของ เหล็ก ของคอนกรีต
ที่เอามาใช้ในการก่อสร้าง ในสัดส่วน ตามมาตราฐาน ไม่มีการเดา หรือ ความน่าจะเป็น ของวัสดุ เหมือน
วิชา พร้อบ ที่เด็ก สมัยนี้เรียน
ครับหลักสูตร บางที่ก็ยัดเยียดให้เด็กเรียนไปโดยที่ ไม่เกิดประโยชน์ ใด ๆทั้งสี้น วิชาที่แกเรียนในชั้น ม. 6
บางวิชา ไม่ได้เอามาใช้งานในอาชีพจริง เลย ครับ อย่างนี้ นักวิชาการต้องแก้ใข
สรุปปัญหา ของการศึกษา ในปัจจุบัน ก้คือ ครู เป็นอันดับหนึ่งที่ต้องแก้ใข หลักสูตร ในการสอนของ
ราชภัฏ ต้องปรับปรุง เพื่อครู จะได้ มีความรู้ อย่างเต็มที่ในการสอน ต้องมีทัศนะคติ ในวิชาชีพครู
อย่างถูกต้อง ราชภัฏ ที่เป็นแหล่ง ผลิตครู ต้องไม่สเปะ สปะ ในการเปิดหลักสูตร มากมาย จน
ทราบไหมครับ แพทย์ วิศวะ สถาปัตย์ ก็เปิดสอนในสถาบัน ครู กันแล้ว ตลกไหมครับ
เทคโนโลยี่การสอน ต้องได้รับการพัฒนา จากครูผู้สอน หาคิดค้น เพื่อการสอน และ กระทรวง เป็นผู้สนับสนุน
ไม่ใช่คิดจากบนลงล่างอย่างในปัจจุบัน คุณภาพของครู จะต้องเป็นตัวชี้วัดความ ก้าวหน้าในวิชาชีพ
ไม่ใช่เอา ตำรา เอาเอกสารมาวัดกัน
หลักสูตร ต้องสอดคล้องกับ ความเป็นไปของ สถานะการณ์ปัจจุบัน ไม่ยัดเยียดหลักสูตร เข้าไป จน ทำให้เด็กต้องเรียน
โดยไม่มีเป้าหมาย การวัดผล เด็ก ต้อง อาศัยการเรียนรู้ ที่ กว้างขวาง ไม่ต้องหมกมุ่นกันแต่ในหลักสูตร
เพื่อให้เด้กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง แล้ว มาประเมินกัน ในระดับ ทั่วไป
การเลือกเรียนวิชาชีพ ต้องมีการวัดขั้นต้นของ ความถนัดในการเรียน การประกอบอาชีพ และ ตามความต้องการ
ของตลาด ไม่ใช่ ให้เด้ก แห่กันไป เรียนแพทย์ เรียนหมอ เรียนวิชา ที่ผู้ปกครองหวังว่าจะทำเงินได้มาก ๆเมื่อจบมา
ครับเป็นการให้ทัศนะคติ ที่ผิดกับ เด็ก
ครับ เรื่องราวของการศึกษา เป็นเรื่องยากสำหรับ นักการเมือง มีหลายคน ต้อง หมดลายในทางการเมือง
ไปเพราะการศึกษา แต่ ข้าราชการประจำ เป็นตัวหลักในการ ช่วยให้ การศึกษา เจริญไป ในทิศทางที่ถูกต้อง
ข้อเขียน นี้ อาจยาวไปหน่อย แตก็ถือว่า เอาประสพการณ์ ในอาชีพ มาแชร์กัน ให้มันต่างจาก การเมืองที่ร้อนฉ่า
ในปัจจุบัน การเมือง อะไรจะเกิดมันต้องเกิด อย่างที่เขาบอก ฟ้าลิขิต แต่การศึกษาเราสามารถลิขิตได้ด้วยตัวเอง ครับ