ผมเข้าตลาดมาตั้งแต่ปี 2003 โดยไม่ได้ศึกษาอะไรเลย ซื้อๆขายๆตาม bid offer ซึ่งท่านก็คงจะทราบว่าผลลัพท์เป็นอย่างไร
ขาดทุน หรือ เจ๊งนั่นเอง!!
ด้วยตลาดในช่วงเวลานั้นจนถึงปี 2007 เป็นลักษณะ sideway ราคาหุ้นจึงไม่ขึ้นไม่ลงมาก วิ่งอยู่ในกรอบ ...
ผมพยามศึกษาแนวคิด vi แต่ด้วยสถานการณ์แบบนั้น ราคาหุ้นไมค่อยไปไหน (ปันผลก็น้อย)
กลับทำให้ความมั่นใจกับแนวคิดนี้ลดต่ำลง จนไม่เหลือ
ประกอบกับต้นปี 2008 ตลาดเริ่มเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นลดลงอย่างฮวบฮาบ ผมไม่ขายเพราะคิดว่ามันจะกลับไป ด้วยแนวคิด VI
แต่ราคาหุ้นกลับสาละวันเตี้ยลงๆ จนสดท้ายผมต้อง CUT LOSS ในราคาที่ขาดทุนถึง 30% แต่ก็ยังถือว่าเร็ว เพราะราคาหุ้นก็ยังเดินหน้าดำดิ่งต่อ
เป็นเวลา 1 ปีที่นานแสนนาน ผมใช้ช่วงเวลานี้ศึกษากราฟเทคนิค และอ่านแนวคิดของ warren buffet เพิ่มเติม แต่ผมกลับมาเชื่อมั่นเทคนิคมากกว่า เพราะปีนัี้น มีรายงานว่าทรัพย์สินของ buffet ลดลงถึงเกือบ 50% ในขณะที่ถ้า buffet ใช้กราฟเทคนิคในการออกจากตลาดเวลานั้น เค้าคง Lock Profit ไว้ได้ (ผมคิดในมุมเก็งกำไร ซึ่ง buffet มองเป็นการลงทุน)
ผมจำได้ว่ามีหุ้นตัวเดียวที่ผมสามารถขายได้กำไรคือ SAFE ประกันคุ้มภัย ที่ช่วงปีนั้นได้ถอนออกจากตลาดหุ้น โดยการประกาศทำ Tender Offer ผมมีหุ้นอยู่น้อยนิด แต่ก็กำไรถึง 100% ซึ่งถือว่าเยอะมากในช่วงเวลานั้น ไม่นับ SCIB-w อะไรประมาณนั้นที่ปั่นกันอย่างสนุกสนาน ผมไมได้สนใจเล่น เพราะถ้าเล่นคงเจ๊ง 555
ผมออกจากตลาดแต่เฝ้าดูทุกวัน ทำการบ้านทุกคืน เฝ้ารอจุดสิ้นสุดของการลง
และแล้วเวลานั้นก็มาถึง ผมวัดกราฟด้วยวิธีง่ายๆ Trend line กับ FIBO Retracement ใน time frame :: quarter
ผมพยามนับคลื่นในภาพใหญ่ ...ผมบอกกับตัวเองว่ามันจบแล้ว ราคาหุ้นตกต่ำมาก ปันผล 10% หาได้ง่ายๆกับหุ้น Blue chip
20% กับกองทุนอสังหา เริ่มมีข่าวการเข้าซื้อหุ้นคืนจากบริษัทต่างๆ เช่น bland LPN
ผมเริ่มซื้อหุ้นเหล่านั้นโดยตั้งใจว่าจะถือยาว....ผมยังบอกเพื่อนๆในบริษัทว่า ซื้อ LTF ได้แล้ว และไม่ใช่เวลาลด % กองทุนสำรองเลี้ยงชีพทีหักจากเงินเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ตกต่ำมาก
ผมบอกกลุ่มก๊วนเทนนิส ที่สนใจหุ้นว่า set มีโอกาสจะไป 1000 และถ้าผ่าน 1000 จะสูงกว่ายอดเดิมคือ 1789.14
ผมมั่นใจกับ LPN มากเพราะปันผลดีถึง 10% และกราฟยังแน่นิ่ง และเหมือนเพิ่งทำ wave 2 เสร็จในเวลานั้น
แต่แล้วผมก็ทำมันพัง!!!!!
ผมไม่เคยอยู่ในตลาดขาขึ้น อารมณ์ของผมมันมีแต่ความกลัวที่ติดตัวมาในตลาดขาลง
ผมขายเร็วและไม่ซื้อคืน กลับไปเล่นรอบหุ้นแบบเก็งกำไรทั้ง BLAND ESTAR RS (ช่วงหลัง)
ผมชอบมองหาหุ้นที่จะขึ้นจากตมโดยกราฟเทคนิค มันสนุก และได้ตังค์เร็ว
ผมลืมความคิดที่บอกใครต่อใครว่า ซื้อไว้เลยหุ้นพื้นฐานดีๆ ปันผลเลิศๆ รอ 5 ปี 10 ปี
ผมทิ้ง LPN AOT KTB SHIN CPNRF (ปันผล 20%) ใน port ไปหมด
ซึ่งปัจจุบันหุ้นเหล่านั้นขึ้นไปเป็น 10 เท่า อย่างน้อยก็ 3-4 เท่า (cpmrf)
ผมรู้สึกเจ็บใจ ทำไมเราไม่รู้จักอดทนรออย่างที buffet บอก
แต่ก็เอาเหอะ มันคือประสบการณ์ราคาแพงที่เราต้องจำ!!!
ถึงแม้วันนี้ port ผมจะไม่โตอย่างที่มันควรจะเป็น แต่ผมก็มั่นใจว่าผมจะอยุ่ในตลาดนี้ได้อีกจนแก่ตายไป
เพราะสิ่งที่ผมได้มาคือ
วินัยการลงทุน
มาวันนี้ ผมเกิดแนวคิดใหม่อีกครั้ง....
ผมอยากจะเกษียรอายุ 45 (ปัจจุบัน 40) ผมจะต้องวาง port การลงทุนทั้งหมดให้ cover เงินเดือนที่ผมได้
ถ้าผมทำเป้านั้นสำเร็จ ผมก็จะสามารถเกษียรได้ตามแผน
ผมมองเห็นแนวคิด VI ว่ามันคือของแท้ และทำได้จริง แต่ผมจะปรับมันด้วยวิธีเข้าออกให้ถูกจังหวะ ด้วยกราฟเทคนิค
เพื่อจะได้เข้ากับจริตเรา....
Set มีความเป็นไปได้ที่จะทำจุดสูงสุดที่ 3800 จุดโดยประมาณ ก่อนการพักฐานครั้งยิ่งใหญ่ นับหลายๆปี
ผมบอกไม่ได้หลอก ว่าอีกกี่ 10 ปีที่ set จะไปถึงตรงนั้น ที่ 3800 จุด
แต่เป้าหมายของผมมันไม่ไกลขนาดนั้น ผมขอแค่ SET นำพาผมให้ได้ตามเป้า เพื่อที่ผมจะได้ออกมาดูแลลูกคนเดียวของผมแบบ FULL TIME
**ขอให้ทุกท่านโชคดี ร่ำรวยเงินทองและความสุขกายสุขใจ**
ความในใจ และประสบการณ์จริงทีอยากบอกต่อ
ขาดทุน หรือ เจ๊งนั่นเอง!!
ด้วยตลาดในช่วงเวลานั้นจนถึงปี 2007 เป็นลักษณะ sideway ราคาหุ้นจึงไม่ขึ้นไม่ลงมาก วิ่งอยู่ในกรอบ ...
ผมพยามศึกษาแนวคิด vi แต่ด้วยสถานการณ์แบบนั้น ราคาหุ้นไมค่อยไปไหน (ปันผลก็น้อย)
กลับทำให้ความมั่นใจกับแนวคิดนี้ลดต่ำลง จนไม่เหลือ
ประกอบกับต้นปี 2008 ตลาดเริ่มเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นลดลงอย่างฮวบฮาบ ผมไม่ขายเพราะคิดว่ามันจะกลับไป ด้วยแนวคิด VI
แต่ราคาหุ้นกลับสาละวันเตี้ยลงๆ จนสดท้ายผมต้อง CUT LOSS ในราคาที่ขาดทุนถึง 30% แต่ก็ยังถือว่าเร็ว เพราะราคาหุ้นก็ยังเดินหน้าดำดิ่งต่อ
เป็นเวลา 1 ปีที่นานแสนนาน ผมใช้ช่วงเวลานี้ศึกษากราฟเทคนิค และอ่านแนวคิดของ warren buffet เพิ่มเติม แต่ผมกลับมาเชื่อมั่นเทคนิคมากกว่า เพราะปีนัี้น มีรายงานว่าทรัพย์สินของ buffet ลดลงถึงเกือบ 50% ในขณะที่ถ้า buffet ใช้กราฟเทคนิคในการออกจากตลาดเวลานั้น เค้าคง Lock Profit ไว้ได้ (ผมคิดในมุมเก็งกำไร ซึ่ง buffet มองเป็นการลงทุน)
ผมจำได้ว่ามีหุ้นตัวเดียวที่ผมสามารถขายได้กำไรคือ SAFE ประกันคุ้มภัย ที่ช่วงปีนั้นได้ถอนออกจากตลาดหุ้น โดยการประกาศทำ Tender Offer ผมมีหุ้นอยู่น้อยนิด แต่ก็กำไรถึง 100% ซึ่งถือว่าเยอะมากในช่วงเวลานั้น ไม่นับ SCIB-w อะไรประมาณนั้นที่ปั่นกันอย่างสนุกสนาน ผมไมได้สนใจเล่น เพราะถ้าเล่นคงเจ๊ง 555
ผมออกจากตลาดแต่เฝ้าดูทุกวัน ทำการบ้านทุกคืน เฝ้ารอจุดสิ้นสุดของการลง
และแล้วเวลานั้นก็มาถึง ผมวัดกราฟด้วยวิธีง่ายๆ Trend line กับ FIBO Retracement ใน time frame :: quarter
ผมพยามนับคลื่นในภาพใหญ่ ...ผมบอกกับตัวเองว่ามันจบแล้ว ราคาหุ้นตกต่ำมาก ปันผล 10% หาได้ง่ายๆกับหุ้น Blue chip
20% กับกองทุนอสังหา เริ่มมีข่าวการเข้าซื้อหุ้นคืนจากบริษัทต่างๆ เช่น bland LPN
ผมเริ่มซื้อหุ้นเหล่านั้นโดยตั้งใจว่าจะถือยาว....ผมยังบอกเพื่อนๆในบริษัทว่า ซื้อ LTF ได้แล้ว และไม่ใช่เวลาลด % กองทุนสำรองเลี้ยงชีพทีหักจากเงินเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ตกต่ำมาก
ผมบอกกลุ่มก๊วนเทนนิส ที่สนใจหุ้นว่า set มีโอกาสจะไป 1000 และถ้าผ่าน 1000 จะสูงกว่ายอดเดิมคือ 1789.14
ผมมั่นใจกับ LPN มากเพราะปันผลดีถึง 10% และกราฟยังแน่นิ่ง และเหมือนเพิ่งทำ wave 2 เสร็จในเวลานั้น
แต่แล้วผมก็ทำมันพัง!!!!!
ผมไม่เคยอยู่ในตลาดขาขึ้น อารมณ์ของผมมันมีแต่ความกลัวที่ติดตัวมาในตลาดขาลง
ผมขายเร็วและไม่ซื้อคืน กลับไปเล่นรอบหุ้นแบบเก็งกำไรทั้ง BLAND ESTAR RS (ช่วงหลัง)
ผมชอบมองหาหุ้นที่จะขึ้นจากตมโดยกราฟเทคนิค มันสนุก และได้ตังค์เร็ว
ผมลืมความคิดที่บอกใครต่อใครว่า ซื้อไว้เลยหุ้นพื้นฐานดีๆ ปันผลเลิศๆ รอ 5 ปี 10 ปี
ผมทิ้ง LPN AOT KTB SHIN CPNRF (ปันผล 20%) ใน port ไปหมด
ซึ่งปัจจุบันหุ้นเหล่านั้นขึ้นไปเป็น 10 เท่า อย่างน้อยก็ 3-4 เท่า (cpmrf)
ผมรู้สึกเจ็บใจ ทำไมเราไม่รู้จักอดทนรออย่างที buffet บอก
แต่ก็เอาเหอะ มันคือประสบการณ์ราคาแพงที่เราต้องจำ!!!
ถึงแม้วันนี้ port ผมจะไม่โตอย่างที่มันควรจะเป็น แต่ผมก็มั่นใจว่าผมจะอยุ่ในตลาดนี้ได้อีกจนแก่ตายไป
เพราะสิ่งที่ผมได้มาคือวินัยการลงทุน
มาวันนี้ ผมเกิดแนวคิดใหม่อีกครั้ง....
ผมอยากจะเกษียรอายุ 45 (ปัจจุบัน 40) ผมจะต้องวาง port การลงทุนทั้งหมดให้ cover เงินเดือนที่ผมได้
ถ้าผมทำเป้านั้นสำเร็จ ผมก็จะสามารถเกษียรได้ตามแผน
ผมมองเห็นแนวคิด VI ว่ามันคือของแท้ และทำได้จริง แต่ผมจะปรับมันด้วยวิธีเข้าออกให้ถูกจังหวะ ด้วยกราฟเทคนิค
เพื่อจะได้เข้ากับจริตเรา....
Set มีความเป็นไปได้ที่จะทำจุดสูงสุดที่ 3800 จุดโดยประมาณ ก่อนการพักฐานครั้งยิ่งใหญ่ นับหลายๆปี
ผมบอกไม่ได้หลอก ว่าอีกกี่ 10 ปีที่ set จะไปถึงตรงนั้น ที่ 3800 จุด
แต่เป้าหมายของผมมันไม่ไกลขนาดนั้น ผมขอแค่ SET นำพาผมให้ได้ตามเป้า เพื่อที่ผมจะได้ออกมาดูแลลูกคนเดียวของผมแบบ FULL TIME
**ขอให้ทุกท่านโชคดี ร่ำรวยเงินทองและความสุขกายสุขใจ**