สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
เท่าที่เคยคุยกับตำรวจ เขาแนะนำว่า
ถ้ามีการจับลิขสิทธิ์ จะต้องมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีพยานหลักฐาน เพื่อนำไปยื่นที่ศาลเพื่อขอหมายศาลมาเข้าทำการตรวจค้น หาของที่ละเมิดลิขสิทธิ์
แล้วจึงไปทำงานตรวจค้นยังสถานที่นั้นๆ อันนี้คือขั้นตอนของตำรวจ
ส่วนถ้าเป็นผู้ค้า ผู้ให้บริการ สิ่งที่จะต้องทำเมื่อมีการมาตรวจจับ
1. ขอเอกสารจากตัวแทน ผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเอกสารมอบอำนาจว่าได้รับมอบอำนาจมาจากค่ายเพลงใดหรือบริษัทใด
2. ขอดูบัตรประจำตัวพนักงานของตัวแทน ว่ามีบัตรถูกต้องหรือไม่ สามารถโทรเข้าไปตรวจสอบว่านาย...เป็นตัวแทนจริงรึไม่
3. หมายค้น(ย้ำว่าหมายค้น ไม่ใช่หมายจับ เพราะอะไรเดี๊ยวจะเฉลย) ชื่อในเอกสารหมายค้นถูกต้องหรือไม่
4. ขอตรวจสอบบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่
5. กล้องถ่ายรูป ถามว่าทำไมต้องมีกล้องถ่ายรูป เราควรบันทึกภาพการตรวจค้นของตำรวจ ว่าทำถูกต้องหรือไม่
เผื่อมีปัญหาจะได้เป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีกลับได้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม เราจะต้องทำการตรวจสอบทั้งหมดก่อนอนุญาตให้เข้าทำการตรวจค้น ถ้ามีการบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมให้ดู รึว่าไม่ยอมให้ตรวจสอบ
เรามีสิทธิที่จะไม่ยอมให้เข้าตรวจค้นได้ เพราะถือว่า เราทำสิทธิ์ที่พึงมีตามกฎหมาย ผู้ที่จะทำการตรวจค้นและยึดสิ่งของที่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้
มีเพียงตำรวจเท่านั้น พนักงานตัวแทน ไม่มีสิทธิ์แตะต้องสิ่งของได้ แต่สามารถชี้จุดได้
ปล.ตำรวจที่ให้คำแนะนำยังบอกอีกว่า ตำรวจที่เข้าไปตรวจค้น จะต้องเป็นตำรวจในพื้นที่กับกองปราบ แต่โดยส่วนใหญ่ตำรวจกองปราบจะไม่ค่อย
ลงมาจับคดีละเมิดลิขสิทธิ์อะไรเล็กๆน้อยๆ ยกเว้นมีส่วนร่วมกับขบวนการนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นตำรวจกองปราบจริงๆ
เราจะต้องถ่ายรูปบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นไว้ด้วย เพื่อตรวจสอบกับไปยังสำนักงาน กองปราบว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาทำงานจริงหรือไม่
(ปล.ที่ผมบอกว่า หมายค้นไม่ใช่หมายจับ เพราะมีบางเคสปลอมเอกสาร ให้ดูรุนแรง เมื่อผู้กระทำผิดเห็นว่าเป็นหมายจับจะได้เกิดความกลัว)
เมื่อถูกจับแล้วจะต้องทำยังไง
พวกนี้ส่วนใหญ่จะเข้าจับช่วงเย็นๆ 4-5โมง เหตุผลคือ จะทำให้เราประกันตัวไม่ทันในวันนั้น จะต้องนอนในห้องขังคืนนึงก่อน
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ไม่ว่าใครก้อไม่อยากนอนในห้องขัง พวกนี้ก้อเข้าเจรจาว่า คดีแบบนี้มันยอมความกันได้ แล้วก้อยื่นข้อเสนอว่าจ่ายเงินเท่าไร
2หมื่น 3หมื่น แล้วก้อเซ็นในสำนวนความผิดว่า เราขอยอมความ ตำรวจให้คำแนะนำว่า จริงๆแล้วคดีละเมิดลิขสิทธิ์มันเป็นคดีแพ่งก้อจริง
แต่มีคำสั่งมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าไม่ให้ยอมความ ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่โดยส่วนใหญ่คนที่โดนจับไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไร
แล้วไม่อยากโดนขัง จึงเลือกที่จะจ่ายเงินเพื่อยอมความกันไป และพวกตัวแทนเองมันก้ออยากให้ยอมความด้วย เพราะว่าถ้าเราไม่ยอมความ
เงินมันก้อไม่ได้(เพราะอะไรเดี๊ยวบอก) แล้วเรื่องก้อจะไปเดือดร้อนบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ เพราะตัวแทนไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้อง บริษัทเจ้าของก้อจะต้อง
ตั้งทนายมาฟ้องเอาผิดเอง ซึ่งมันก้อเสียเวลา เสียเงิน เคยมีเคสนึงที่ผู้กระทำผิดไม่ยอมจ่ายให้กับตัวแทน ให้ไปฟ้องร้องกัน
ปรากฎว่าศาลใช้เวลาพิจารณาคดีอยู่ 3ปี แล้วศาลก้อยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า บริษัทตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์
กระทำการไม่ถูกต้อง เพราะจากหลักฐานฝ่ายจำเลย พบว่า พนักงานตัวแทนยกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์
ไปด้วย จึงเป็นเหตุให้สงสัยเลยยกฟ้อง แถมยังโดนฟ้องกลับอีกตะหาก (รู้รึยังครับว่ากล้องถ่ายรูปมีไว้ทำไม)
มาว่าถึงรายได้ถ้ากรณียอมความกัน
สมมติค่ายอมความอยู่ที่ 3หมื่นบาท จากปากคำของพวกจับลิขสิทธิ์ที่เคยโดนจับรุมตืบได้บอกไว้นะครับ ตำรวจที่ทำคดีจะได้ประมาณ1พันบาท
บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์จะได้ประมาณ 5พันถึง1หมื่น บริษัทตัวแทนจะได้ประมาณ1หมื่นบาท ที่เหลือจะเป็นเงินสำหรับพวกที่วิ่งเข้าไปจับ
ผมถึงบอกว่าถ้าเราเกิดไม่ยอมความ ยอมโดนขังคืนนึงแล้วประกันตัวตอนเช้า พนักงานและบริษัทตัวแทนจะสูญเงินจำนวนตรงนี้ไปเลย
แถมยังต้องเสียเวลาเพราะต้องทำเอกสารให้บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์มาดำเนินการฟ้องร้องอีกด้วย แล้วลองคิดๆดู พวกนี้จะมีรายได้เท่าไรต่อเดือน
แล้วพวกนี้ต่อ1บริษัทตัวแทน ไม่ได้มีแค่ทีมงานเดียว มีเป็นสิบ วันนึงต่อทีมได้1-3หมื่นบาท สิบทีมก้อ1-3แสน ทำจันทร์-ศุกร์ เดือนนึงได้เป็นล้าน
(ปล.ที่มาบอกก้อแค่อยากให้เข้าใจสิทธิ์ของท่านว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับท่าน ควรจะต้องทำอย่างไรแค่นั้นเอง)
ถ้ามีการจับลิขสิทธิ์ จะต้องมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีพยานหลักฐาน เพื่อนำไปยื่นที่ศาลเพื่อขอหมายศาลมาเข้าทำการตรวจค้น หาของที่ละเมิดลิขสิทธิ์
แล้วจึงไปทำงานตรวจค้นยังสถานที่นั้นๆ อันนี้คือขั้นตอนของตำรวจ
ส่วนถ้าเป็นผู้ค้า ผู้ให้บริการ สิ่งที่จะต้องทำเมื่อมีการมาตรวจจับ
1. ขอเอกสารจากตัวแทน ผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเอกสารมอบอำนาจว่าได้รับมอบอำนาจมาจากค่ายเพลงใดหรือบริษัทใด
2. ขอดูบัตรประจำตัวพนักงานของตัวแทน ว่ามีบัตรถูกต้องหรือไม่ สามารถโทรเข้าไปตรวจสอบว่านาย...เป็นตัวแทนจริงรึไม่
3. หมายค้น(ย้ำว่าหมายค้น ไม่ใช่หมายจับ เพราะอะไรเดี๊ยวจะเฉลย) ชื่อในเอกสารหมายค้นถูกต้องหรือไม่
4. ขอตรวจสอบบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่
5. กล้องถ่ายรูป ถามว่าทำไมต้องมีกล้องถ่ายรูป เราควรบันทึกภาพการตรวจค้นของตำรวจ ว่าทำถูกต้องหรือไม่
เผื่อมีปัญหาจะได้เป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีกลับได้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม เราจะต้องทำการตรวจสอบทั้งหมดก่อนอนุญาตให้เข้าทำการตรวจค้น ถ้ามีการบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมให้ดู รึว่าไม่ยอมให้ตรวจสอบ
เรามีสิทธิที่จะไม่ยอมให้เข้าตรวจค้นได้ เพราะถือว่า เราทำสิทธิ์ที่พึงมีตามกฎหมาย ผู้ที่จะทำการตรวจค้นและยึดสิ่งของที่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้
มีเพียงตำรวจเท่านั้น พนักงานตัวแทน ไม่มีสิทธิ์แตะต้องสิ่งของได้ แต่สามารถชี้จุดได้
ปล.ตำรวจที่ให้คำแนะนำยังบอกอีกว่า ตำรวจที่เข้าไปตรวจค้น จะต้องเป็นตำรวจในพื้นที่กับกองปราบ แต่โดยส่วนใหญ่ตำรวจกองปราบจะไม่ค่อย
ลงมาจับคดีละเมิดลิขสิทธิ์อะไรเล็กๆน้อยๆ ยกเว้นมีส่วนร่วมกับขบวนการนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นตำรวจกองปราบจริงๆ
เราจะต้องถ่ายรูปบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นไว้ด้วย เพื่อตรวจสอบกับไปยังสำนักงาน กองปราบว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาทำงานจริงหรือไม่
(ปล.ที่ผมบอกว่า หมายค้นไม่ใช่หมายจับ เพราะมีบางเคสปลอมเอกสาร ให้ดูรุนแรง เมื่อผู้กระทำผิดเห็นว่าเป็นหมายจับจะได้เกิดความกลัว)
เมื่อถูกจับแล้วจะต้องทำยังไง
พวกนี้ส่วนใหญ่จะเข้าจับช่วงเย็นๆ 4-5โมง เหตุผลคือ จะทำให้เราประกันตัวไม่ทันในวันนั้น จะต้องนอนในห้องขังคืนนึงก่อน
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ไม่ว่าใครก้อไม่อยากนอนในห้องขัง พวกนี้ก้อเข้าเจรจาว่า คดีแบบนี้มันยอมความกันได้ แล้วก้อยื่นข้อเสนอว่าจ่ายเงินเท่าไร
2หมื่น 3หมื่น แล้วก้อเซ็นในสำนวนความผิดว่า เราขอยอมความ ตำรวจให้คำแนะนำว่า จริงๆแล้วคดีละเมิดลิขสิทธิ์มันเป็นคดีแพ่งก้อจริง
แต่มีคำสั่งมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าไม่ให้ยอมความ ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่โดยส่วนใหญ่คนที่โดนจับไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไร
แล้วไม่อยากโดนขัง จึงเลือกที่จะจ่ายเงินเพื่อยอมความกันไป และพวกตัวแทนเองมันก้ออยากให้ยอมความด้วย เพราะว่าถ้าเราไม่ยอมความ
เงินมันก้อไม่ได้(เพราะอะไรเดี๊ยวบอก) แล้วเรื่องก้อจะไปเดือดร้อนบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ เพราะตัวแทนไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้อง บริษัทเจ้าของก้อจะต้อง
ตั้งทนายมาฟ้องเอาผิดเอง ซึ่งมันก้อเสียเวลา เสียเงิน เคยมีเคสนึงที่ผู้กระทำผิดไม่ยอมจ่ายให้กับตัวแทน ให้ไปฟ้องร้องกัน
ปรากฎว่าศาลใช้เวลาพิจารณาคดีอยู่ 3ปี แล้วศาลก้อยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า บริษัทตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์
กระทำการไม่ถูกต้อง เพราะจากหลักฐานฝ่ายจำเลย พบว่า พนักงานตัวแทนยกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์
ไปด้วย จึงเป็นเหตุให้สงสัยเลยยกฟ้อง แถมยังโดนฟ้องกลับอีกตะหาก (รู้รึยังครับว่ากล้องถ่ายรูปมีไว้ทำไม)
มาว่าถึงรายได้ถ้ากรณียอมความกัน
สมมติค่ายอมความอยู่ที่ 3หมื่นบาท จากปากคำของพวกจับลิขสิทธิ์ที่เคยโดนจับรุมตืบได้บอกไว้นะครับ ตำรวจที่ทำคดีจะได้ประมาณ1พันบาท
บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์จะได้ประมาณ 5พันถึง1หมื่น บริษัทตัวแทนจะได้ประมาณ1หมื่นบาท ที่เหลือจะเป็นเงินสำหรับพวกที่วิ่งเข้าไปจับ
ผมถึงบอกว่าถ้าเราเกิดไม่ยอมความ ยอมโดนขังคืนนึงแล้วประกันตัวตอนเช้า พนักงานและบริษัทตัวแทนจะสูญเงินจำนวนตรงนี้ไปเลย
แถมยังต้องเสียเวลาเพราะต้องทำเอกสารให้บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์มาดำเนินการฟ้องร้องอีกด้วย แล้วลองคิดๆดู พวกนี้จะมีรายได้เท่าไรต่อเดือน
แล้วพวกนี้ต่อ1บริษัทตัวแทน ไม่ได้มีแค่ทีมงานเดียว มีเป็นสิบ วันนึงต่อทีมได้1-3หมื่นบาท สิบทีมก้อ1-3แสน ทำจันทร์-ศุกร์ เดือนนึงได้เป็นล้าน
(ปล.ที่มาบอกก้อแค่อยากให้เข้าใจสิทธิ์ของท่านว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับท่าน ควรจะต้องทำอย่างไรแค่นั้นเอง)
แสดงความคิดเห็น
คิดยังไงกับคลิบ บุกร้านมือถือ พระประแดงอาเขต
http://www.youtube.com/watch?v=tDZ2ClSMtgk
คลิบที่ 2
http://www.youtube.com/watch?v=imMfTwVnl9w
คลิบที่ 3
http://www.youtube.com/watch?v=UWY1a2jwMaI
คลิบที่ 4
http://www.youtube.com/watch?v=bP3zAjxjSbU