ซื้อที่ดิน จากกรมบังคับคดี

1.ไปดูที่ดินตรงตามประกาศว่ามีปัญหาเปล่า เช่น มีทางเข้าออกไหมที่ตาบอด เป็นทางสาธารณะหรือภาระจำยอมหรือเปล่า
2. ตามดูประกาศว่าขายวันไหน ที่ไหนลำดับที่เท่าไหร่ มีปัญหางดขายหรือเปล่าเพราะถ้าไม่เช็คให้ดีเกิดขายต่างจังหวัดจะไปเสียเที่ยวส่วนมากรอบแรกชอบงดขาย
3. เตรียมเงินมัดจำตามที่ประกาศลงไว้ และบัตรประชาชนเพื่อแลกป้ายยื่นประมูล(เตรียมราคาไว้ในใจด้วยจะสู้ถึงราคาไหน) ยกแต่ละครั้งราคาจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มีคนยกป้ายแต่ราคาแต่ละคดีจะเพิ่มครั้งละเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับราคาประเมินที่ดินของเจ้าหน้าที่ ทุกครั้งเจ้าหน้าที่จะขายเรียงตามลำดับที่ที่ประกาศไว้และจะอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนั้นและจะถามหาโจทย์และจำเลยว่ามาไหม หากเป็นโจทย์หรือจำเลยที่ต้องการค้านราคาต้องแลกป้ายด้วยแต่เป็นป้ายคนละแบบกับคนมาประมูล
4. เมื่อเราประมูลได้คือเราให้ราคาสูงสุด เจ้าหน้าที่จะเคาะขาย โดยไม่มีคนค้านเราก็ได้ แต่ถ้ามีคนค้านเจ้าหน้าที่จะไม่เคาะขายแต่จะให้เราเป็นผู้ผูกพันราคาโดยเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ผู้ค้านราคา (โจทย์หรือจำเลย) หาคนมาประมูลสู้ในรอบหน้าแต่ถ้าหาไม่ได้เราก็ได้ แต่ในระหว่างนี้เงินวางมัดจำของเราจะถูกยึดไว้ที่กรมแต่จะทำเป็นสัญญาผูกพันธ์ราคาไว้ให้แทน
5. หากเราประมูลได้ ทางกรมจะทำหนังสือสัญญาว่าเราประมูลได้ในราคาเท่าไหร่ และจะมีระยะเวลาให้เรานำเงินไปชำระส่วนที่เหลือทั้งหมด เมื่อเรานำเงินไปชำระหมดทางกรมจะออกหนังสือพร้อมกับโฉนดที่ดินให้เราไปโอนที่ที่ดิน หากเราหาเงินไม่ทันภายในเวลากำหนดให้ไปทำเรื่องขยายเวลา หากขยายเวลาแล้วยังหาเงินไม่ได้ หรือไม่เอาแล้วทิ้ง เงินมัดจำถูกริบ และหากประมูลรอบหน้าราคาถูกกว่าราคาที่เราประมูลส่วนต่างเราต้องเป็นคนจ่ายตามกฏหมายระบุไว้ (แต่ส่วนใหญ่ก็แค่ริบเงินมัดจำนะ)
6.เมื่อนำโฉนดไปโอนที่ที่ดิน เราต้องจ่ายค่าโอน ค่าภาษี ตามราคาที่เราประมูลมานะไม่ใช่ตามราคาประเมินที่ดิน ส่วนภาษีรายได้เราต้องจ่ายก่อนแล้วไปทำเรื่องคืนที่กรมบังคับคดีเอง ทำเรื่องแล้วรอเค้าจะเรียกไปเอาเช็คเอง