งามไส้ !!..."ตัวเสื่อมสภา" จากค่าย "แมลงสาบ ยิม" ...ผลผลิตเสื่อมๆ ก็มาจากรากเหง้าที่เสื่อมยิ่งกว่า
ผมได้ดูการอภิปรายของคุณรังสิมา แห่ง ปชป. แล้ว
ก็ต้องยอมรับว่า เธอเป็นนักการเมืองหญิงคนหนึ่ง
ที่มีลีลาท่วงทำนองในการอภิปรายที่น่าติดตาม
เรียกว่าฟังเธออภิปรายแล้ว มีน้อยครั้งเหลือเกิน
ที่ฟังดูน่าเบื่อ แม้เนื้อหาการอภิปรายจะไม่ค่อย
มีประเด็นที่น่าสนใจมากนัก แต่เธอคนนี้ก็ยังทำให้
ดูไม่น่าเบื่อได้
หากดูจากชั้นเชิง ท่วงทำนอง ในการอภิปรายในสภาแล้ว
คุณรังสิมานับว่ามีความสามารถที่โดดเด่น น่าจะกลายเป็น
นักการเมืองชั้นนำของเมืองไทยได้แบบไม่ยากเย็น
แต่สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้
เสียแล้ว...เพราะอุปสรรคเดียวที่ทำให้คุณรังสิมาฯ ไม่สามารถ
ที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักการเมืองชั้นนำได้ นั่นคือ "นิสัย" หรือที่
โบราณเขามักใช้คำว่า "สันดาน" ของเจ้าหล่อนนั่นเอง
แล้ว "นิสัย" หรือ "สันดาน" ของคุณรังสิมาฯ เป็นเช่นไร...?
ทำไมจึงกลายเป็นอุปสรรคในการเป็นนักการเมืองชั้นนำ
ของประเทศไทยไปเสียได้...? คำตอบที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ
ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ในช่วงเย็น วันที่
30 พฤษภาคม 2556
คุณรังสิมาฯ ลุกขึ้นอภิปรายพาดพิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ถึงความจริงใจในการทำงานด้านนการปราบ
ปรามทุจริต โดยนำไปเปรียบเปรยกับการแสดงลิเกว่า หาก
นายกฯ จะแสดงเป็นบทเป็นนางเอกลิเก จะต้องเอาคนทุจริต
มาตัดหัว 7 ชั่วโคตร แต่ถ้าจะแสดงเป็นตัวอิจฉา ซึ่งมีพฤติ
กรรมเอาหน้าและจะ "ตอ...." ตลอด
ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น ก็ขอร้อง
ให้ถอนคำพูด เพราะถึงแม้ว่าคุณรังสิมาฯ จะไม่ได้กล่าวหานายกฯ
ว่า "ตอ....." แต่คำว่า "ตอ...." นั้นก็เป็นคำที่ไม่สมควรพูดในสภาฯ
อันทรงเกียรติไม่ว่าจะกรณีใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการถ่าย
ทอดสดไปทั่วโลก พร้อมกับมีบันทึกคำอภิปรายเป็นลายลักษณ์อักษร
แต่คุณรังสิมาฯ ก็ยังคงยืนยันที่จะไม่ถอนคำว่า "ตอ....." อันเป็น
หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง "สันดาน" เยี่ยงคนชั้นต่ำของคุณรังสิมาฯ
อย่างแท้จริง เท่ากับเป็นการประจานตัวเองให้คนรุ่นลูก-หลาน-เหลน
-โหลน สามารถย้อนกลับมาดูความน่าอดสู ของสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ท่านนี้ได้ทุกเมื่อ
แม้คุณรังสิมาจะอ้างคำแปลจากพจนานุกรม ที่นิยามคำว่า "ตอ......"
ว่าเป็นคำด่าคนที่พูดเท็จ มักใช้กับผู้หญิงช่างพูด และแสดงกริยาน่ารัก
แต่ในความเป็นจริงตามสำนึกของคนทั่วไปที่มีสติปัญญาในระดับปรกติ
ก็จะเข้าใจได้ว่า คำว่า "ตอ....." คือ คำด่า และกลายเป็นภาษาของ
คนชั้นต่ำไปแล้วในปัจจุบัน
และคุณรังสิมาก็คงจะ "ยกระดับ" ให้สูงกว่านี้ไม่ได้เสียแล้ว
คิดดูแล้วกันว่า หากในภายภาคหน้า พรรคประชาธิปัตย์
ได้เป็นรัฐบาล (ไม่เลือกวิธีการ) และต้องการมอบตำแหน่ง
รัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งให้กับคุณรังสิมาฯ แต่ก็
กลายเป็นว่า คุณรังสิมาฯ ก็คงมีคนตั้งฉายาให้แบบโก้เก๋ว่า
"รัฐมนตรีตอ....."
เวลาไปทำงานที่กระทรวงไหน...ก็กลายเป็น "กระทรวงตอ....."
บรรดาข้าราชการประจำ เขาก็คงไม่อยากจะแปดเปื้อนคำว่า
"ตอ......" ที่เป็นสันดานติดตัวคุณรังสิมาฯ ไปตลอดชาติเป็นแน่
นี่คือเหตุผลที่ทำไมผมจึงเปรยว่าคุณรังสิมาฯ ไม่สามารถเป็น
นักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ของเมืองไทยได้อีกแล้วในชาตินี้ทั้งชาติ
(อาจจะรวมถึงชาติหน้า ถ้ายังสะสมสันดานแบบเดิมๆ อยู่)
ความ "เสื่อม" ที่คุณรังสิมาฯ และบรรดานักการเมือง
ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้กระทำต่อสภาอันทรงเกียรตินั้น
ก่อนหน้านี้ก็มีให้เห็นกันอยู่เนืองๆ อาทิ
- การลากเก้าอี้ประธานสภาฯ ไปซ่อน (ส.ส.รังสิมาฯ แห่ง ปชป.)
- การปาแฟ้มเอกสารใส่ประธานสภาฯ (ส.ส.หมอวรงค์ฯ และพรรคพวก ปชป.)
- การทำท่า ไฮ ฮิตเลอร์ ในการประชุมสภาฯ (ส.ส.บุญยอดฯ แห่ง ปชป.)
- การใช้พรรคพวกยืนล้อมขู่กรรโชก พลเอกสนธิฯ กลางสภาฯ (ปชป.ทั้งก๊ก)
ฯลฯ
เหล่านี้ ล้วนเป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปถึง "สันดาน" ของผู้ที่บ่มเพาะ
นักการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ยุคปัจจุบันทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะ
มีการอ้างเหตุผลอย่างไรก็ตาม แต่การจะกระทำการใดๆ ก็ควร
รู้จักคำว่า "กาลเทศะ" อันเป็นสมบัติของคนที่เดินเข้าออกสภาฯ
อันทรงเกียรติพึงมี
ผมก็ไม่รู้ว่านักการเมืองในพรรคนี้เขาคัดเลือกกันมาอย่างไร...?
ได้รับการถ่ายทอดกันมาแบบไหน...?
ทำไมจึงมีสันดานเหมือนกันได้ขนาดนี้...? มาตรฐานสูงจริงๆ
________________________________
งามไส้ !!..."ตัวเสื่อมสภา" จากค่าย "แมลงสาบ ยิม" ...ผลผลิตเสื่อมๆ ก็มาจากรากเหง้าที่เสื่อมยิ่งกว่า
ผมได้ดูการอภิปรายของคุณรังสิมา แห่ง ปชป. แล้ว
ก็ต้องยอมรับว่า เธอเป็นนักการเมืองหญิงคนหนึ่ง
ที่มีลีลาท่วงทำนองในการอภิปรายที่น่าติดตาม
เรียกว่าฟังเธออภิปรายแล้ว มีน้อยครั้งเหลือเกิน
ที่ฟังดูน่าเบื่อ แม้เนื้อหาการอภิปรายจะไม่ค่อย
มีประเด็นที่น่าสนใจมากนัก แต่เธอคนนี้ก็ยังทำให้
ดูไม่น่าเบื่อได้
หากดูจากชั้นเชิง ท่วงทำนอง ในการอภิปรายในสภาแล้ว
คุณรังสิมานับว่ามีความสามารถที่โดดเด่น น่าจะกลายเป็น
นักการเมืองชั้นนำของเมืองไทยได้แบบไม่ยากเย็น
แต่สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้
เสียแล้ว...เพราะอุปสรรคเดียวที่ทำให้คุณรังสิมาฯ ไม่สามารถ
ที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักการเมืองชั้นนำได้ นั่นคือ "นิสัย" หรือที่
โบราณเขามักใช้คำว่า "สันดาน" ของเจ้าหล่อนนั่นเอง
แล้ว "นิสัย" หรือ "สันดาน" ของคุณรังสิมาฯ เป็นเช่นไร...?
ทำไมจึงกลายเป็นอุปสรรคในการเป็นนักการเมืองชั้นนำ
ของประเทศไทยไปเสียได้...? คำตอบที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ
ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ในช่วงเย็น วันที่
30 พฤษภาคม 2556
คุณรังสิมาฯ ลุกขึ้นอภิปรายพาดพิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ถึงความจริงใจในการทำงานด้านนการปราบ
ปรามทุจริต โดยนำไปเปรียบเปรยกับการแสดงลิเกว่า หาก
นายกฯ จะแสดงเป็นบทเป็นนางเอกลิเก จะต้องเอาคนทุจริต
มาตัดหัว 7 ชั่วโคตร แต่ถ้าจะแสดงเป็นตัวอิจฉา ซึ่งมีพฤติ
กรรมเอาหน้าและจะ "ตอ...." ตลอด
ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น ก็ขอร้อง
ให้ถอนคำพูด เพราะถึงแม้ว่าคุณรังสิมาฯ จะไม่ได้กล่าวหานายกฯ
ว่า "ตอ....." แต่คำว่า "ตอ...." นั้นก็เป็นคำที่ไม่สมควรพูดในสภาฯ
อันทรงเกียรติไม่ว่าจะกรณีใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการถ่าย
ทอดสดไปทั่วโลก พร้อมกับมีบันทึกคำอภิปรายเป็นลายลักษณ์อักษร
แต่คุณรังสิมาฯ ก็ยังคงยืนยันที่จะไม่ถอนคำว่า "ตอ....." อันเป็น
หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง "สันดาน" เยี่ยงคนชั้นต่ำของคุณรังสิมาฯ
อย่างแท้จริง เท่ากับเป็นการประจานตัวเองให้คนรุ่นลูก-หลาน-เหลน
-โหลน สามารถย้อนกลับมาดูความน่าอดสู ของสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ท่านนี้ได้ทุกเมื่อ
แม้คุณรังสิมาจะอ้างคำแปลจากพจนานุกรม ที่นิยามคำว่า "ตอ......"
ว่าเป็นคำด่าคนที่พูดเท็จ มักใช้กับผู้หญิงช่างพูด และแสดงกริยาน่ารัก
แต่ในความเป็นจริงตามสำนึกของคนทั่วไปที่มีสติปัญญาในระดับปรกติ
ก็จะเข้าใจได้ว่า คำว่า "ตอ....." คือ คำด่า และกลายเป็นภาษาของ
คนชั้นต่ำไปแล้วในปัจจุบัน
และคุณรังสิมาก็คงจะ "ยกระดับ" ให้สูงกว่านี้ไม่ได้เสียแล้ว
คิดดูแล้วกันว่า หากในภายภาคหน้า พรรคประชาธิปัตย์
ได้เป็นรัฐบาล (ไม่เลือกวิธีการ) และต้องการมอบตำแหน่ง
รัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งให้กับคุณรังสิมาฯ แต่ก็
กลายเป็นว่า คุณรังสิมาฯ ก็คงมีคนตั้งฉายาให้แบบโก้เก๋ว่า
"รัฐมนตรีตอ....."
เวลาไปทำงานที่กระทรวงไหน...ก็กลายเป็น "กระทรวงตอ....."
บรรดาข้าราชการประจำ เขาก็คงไม่อยากจะแปดเปื้อนคำว่า
"ตอ......" ที่เป็นสันดานติดตัวคุณรังสิมาฯ ไปตลอดชาติเป็นแน่
นี่คือเหตุผลที่ทำไมผมจึงเปรยว่าคุณรังสิมาฯ ไม่สามารถเป็น
นักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ของเมืองไทยได้อีกแล้วในชาตินี้ทั้งชาติ
(อาจจะรวมถึงชาติหน้า ถ้ายังสะสมสันดานแบบเดิมๆ อยู่)
ความ "เสื่อม" ที่คุณรังสิมาฯ และบรรดานักการเมือง
ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้กระทำต่อสภาอันทรงเกียรตินั้น
ก่อนหน้านี้ก็มีให้เห็นกันอยู่เนืองๆ อาทิ
- การลากเก้าอี้ประธานสภาฯ ไปซ่อน (ส.ส.รังสิมาฯ แห่ง ปชป.)
- การปาแฟ้มเอกสารใส่ประธานสภาฯ (ส.ส.หมอวรงค์ฯ และพรรคพวก ปชป.)
- การทำท่า ไฮ ฮิตเลอร์ ในการประชุมสภาฯ (ส.ส.บุญยอดฯ แห่ง ปชป.)
- การใช้พรรคพวกยืนล้อมขู่กรรโชก พลเอกสนธิฯ กลางสภาฯ (ปชป.ทั้งก๊ก)
ฯลฯ
เหล่านี้ ล้วนเป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปถึง "สันดาน" ของผู้ที่บ่มเพาะ
นักการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ยุคปัจจุบันทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะ
มีการอ้างเหตุผลอย่างไรก็ตาม แต่การจะกระทำการใดๆ ก็ควร
รู้จักคำว่า "กาลเทศะ" อันเป็นสมบัติของคนที่เดินเข้าออกสภาฯ
อันทรงเกียรติพึงมี
ผมก็ไม่รู้ว่านักการเมืองในพรรคนี้เขาคัดเลือกกันมาอย่างไร...?
ได้รับการถ่ายทอดกันมาแบบไหน...?
ทำไมจึงมีสันดานเหมือนกันได้ขนาดนี้...? มาตรฐานสูงจริงๆ
________________________________