Fox Sport บัญญัติคำศัพท์ ให้วรวีร์ เป็นทับศัพท์แห่งความอื้อฉาว
และอีกหลากหลายประเด็นกับกฎฟีฟ่าที่ไม่เป็นจริงตามคำพูดของนายวรวีร์
แปลโดย FP Cheerthai Power
เจสซี่ ฟิงค์ คอลัมนิสต์ของ FOX Sports เรียกร้องให้หมดยุคของ วรวีร์ มะกูดี เพื่อที่อนาคตของฟุตบอลไทยจะได้รับการกอบกู้ไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้
..............................................
เมื่อพูดถึงฟุตบอลในเมืองไทย เป็นการยากที่จะรู้ว่าใครเชื่อถือได้
เรามี วินฟรีด เชฟเฟอร์ ยืนยันว่า ไม่มีใครบอกเขา เรื่องที่โดนไล่ออกจากตำแหน่งหัวหน้าโคชทีมชาติไทย หรือแม้แต่การที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้รับการแต่งตั้งให้คุมแมทช์อุ่นเครื่องกับจีน วันที่ 15 มิถุนายนี้
และก่อนหน้านี้ ก็มีการกล่าวอ้างที่แบบหน้ามือเป็นหลังตีน เกี่ยวกับธรรมนูญฟีฟ่า ทั้งๆ ที่ในธรรมนูญไม่เคยมีการกำหนดเลยว่า จะต้องบังคับให้มีการลดจำนวนสโมสรที่มีสิทธิเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยลงกว่าครึ่ง
ตอนนี้การกล่าวอ้างถึงเงื่อนไขนั้นก็ตกไปแล้ว เหมือนทุกอย่างที่กรุงเทพกลับคืนสู้ภาวะปกติ
คำพูดที่บอกว่า ฟีฟ่าจะแบนประเทศไทยหากไม่ลดจำนวนสโมสรลงมา ก็เป็นแค่การแพร่ข่าวอกุศลเท่านั้นเอง
คณะกรรมการด้านสมาคมฟุตบอล ของฟีฟ่า เพียงแค่อยากเห็นสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) ลดไขมันส่วนเกิน (fat) ลง แต่หากเรื่องดังกล่าวไม่ผ่านการรับรอง 2ใน3 ของที่ประชุมสมาคมฯ ตามที่กำหนดไว้ในกฏหมายไทย ฟีฟ่าก็คงไม่ถึงกับจะแบนประเทศไทยให้ไปเตะบอลคนเดียวอยู่ที่ไซบีเรียหรอก
ตอนนี้ อนาคตของฟุตบอลในภูมิภาคนี้ ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตหากบอร์ดเมมเบอร์ฟีฟ่าอย่างวรวีร์ มะกูดี มีโอกาสได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาในตำแหน่งอีกครั้ง ชื่อของเขากลายเป็นคำทับสับเกี่ยวกับความอื้อฉาวไปแล้ว
การกลับเข้ามาอีกสมัย จะถือเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับวงการฟุตบอลในเมืองไทย มะกูดี ถือเป็นคนที่มีความนิยมในเมืองไทย เฉกเช่นเดียวกับ อาร์เจน ร๊อบเบน ในดอร์ทมุน เลยทีเดียว
แต่วรวีร์ก็มีการแข่งขันที่น่ากลัวไม่น้อย ทั้งกับคนหน้าเก่าอย่าง วิรัช ชาญพานิชย์ และ หัวเรือเชียร์ไทยพาวเวอร์ ที่มีคนนิยมอย่าง พินิจ งามพริ้ง ต่างก็พร้อมที่จะเอาชนะเขาอยู่
ในการแถลงข่าวเปิดตัว วิรัชผู้มีชื่อเล่นว่า “บิ๊กกร๊อง” พูดถึงแผนการใหญ่โต
“ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่คนบอกว่า ประเทศไทยจะไปบอลโลกในชาติหน้า” เขาบอก “ผมไม่คิดว่าเราต้องรอนานขนาดนั้น จริงๆ แล้วเราทำได้เร็วกว่านั้นด้วยการบริหารทีมที่ดีกว่าเดิม
“เราเคยเข้าไปใกล้ความฝันมาแล้ว ผมเชื่อว่าไม่มีเหตุผลใดที่เราจะทำไม่ได้ แต่เราต้องเป็น “ผู้นำ” ในภูมิภาคนี้ก่อน แล้วค่อยมุ่งไปเป็น Top 3 ของเอเชีย ถ้าเราทำได้ ฟุตบอลโลกก็ไม่เกินเอื้อม”
มันก็ไม่ยากที่จะเชื่อหรอก เพราะทีมไทยเคยทำให้ทีมที่แข็งกว่า ตัวโตกว่า อย่าง ออสเตรเลีย เคยไล่ตามกว่า 50 นาที มาแล้ว เมื่อปี 2007 สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือการมองในแง่บวก ความเป็นมืออาชีพ และความหวัง ไม่ใช่การดูถูกตัวเอง การทำเป็นเล่น และการสิ้นไร้ไม้ตอก
และแน่นอน ต้องไม่มีการให้ข่าวที่เอาแต่ประโยชน์ตัวเองจากคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ฟุตบอลไยเหมือนวิ่งอยู่ในสนามส่วนตัวของมะกูดี ซึ่งคงไม่สามารถปล่อยให้ดำเนินต่อไปได้
การที่อาเซียนเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพบอลโลกร่วมกันในปี 2034 โอกาสก็ยังพอมี แต่จะต้องการนายกสมาคมฟุตบอลไทยที่มีวิศัยทัศน์สำหรับอนาคต ไม่ใช่วิศัยทัศน์สำหรับการเอาตัวรอด
มะกูดี ได้ขาดความเชื่อมั่นในสังคมฟุตบอลไทยไปแล้ว แต่คู่แข่งของเขาไม่ พวกเขาต้องการแค่โอกาสที่จะแสดงให้เห็นว่า พวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
เอาการเลือกตั้งกลับมา และเอายุคสมัยของวรวีร์คืนไป
http://www.foxsportsasia.com/editorial/news/detail/item978304/Fink:-Time-to-secure-Thailand%27s-future/
ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่ต่างชาติเริ่มเห็น และตีข่าวกันแล้ว วันที่ Fox Sport กล่าวถึงความ....ของนายกสมาคมฟุตบอลไทย
และอีกหลากหลายประเด็นกับกฎฟีฟ่าที่ไม่เป็นจริงตามคำพูดของนายวรวีร์
แปลโดย FP Cheerthai Power
เจสซี่ ฟิงค์ คอลัมนิสต์ของ FOX Sports เรียกร้องให้หมดยุคของ วรวีร์ มะกูดี เพื่อที่อนาคตของฟุตบอลไทยจะได้รับการกอบกู้ไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้
..............................................
เมื่อพูดถึงฟุตบอลในเมืองไทย เป็นการยากที่จะรู้ว่าใครเชื่อถือได้
เรามี วินฟรีด เชฟเฟอร์ ยืนยันว่า ไม่มีใครบอกเขา เรื่องที่โดนไล่ออกจากตำแหน่งหัวหน้าโคชทีมชาติไทย หรือแม้แต่การที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้รับการแต่งตั้งให้คุมแมทช์อุ่นเครื่องกับจีน วันที่ 15 มิถุนายนี้
และก่อนหน้านี้ ก็มีการกล่าวอ้างที่แบบหน้ามือเป็นหลังตีน เกี่ยวกับธรรมนูญฟีฟ่า ทั้งๆ ที่ในธรรมนูญไม่เคยมีการกำหนดเลยว่า จะต้องบังคับให้มีการลดจำนวนสโมสรที่มีสิทธิเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยลงกว่าครึ่ง
ตอนนี้การกล่าวอ้างถึงเงื่อนไขนั้นก็ตกไปแล้ว เหมือนทุกอย่างที่กรุงเทพกลับคืนสู้ภาวะปกติ
คำพูดที่บอกว่า ฟีฟ่าจะแบนประเทศไทยหากไม่ลดจำนวนสโมสรลงมา ก็เป็นแค่การแพร่ข่าวอกุศลเท่านั้นเอง
คณะกรรมการด้านสมาคมฟุตบอล ของฟีฟ่า เพียงแค่อยากเห็นสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) ลดไขมันส่วนเกิน (fat) ลง แต่หากเรื่องดังกล่าวไม่ผ่านการรับรอง 2ใน3 ของที่ประชุมสมาคมฯ ตามที่กำหนดไว้ในกฏหมายไทย ฟีฟ่าก็คงไม่ถึงกับจะแบนประเทศไทยให้ไปเตะบอลคนเดียวอยู่ที่ไซบีเรียหรอก
ตอนนี้ อนาคตของฟุตบอลในภูมิภาคนี้ ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตหากบอร์ดเมมเบอร์ฟีฟ่าอย่างวรวีร์ มะกูดี มีโอกาสได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาในตำแหน่งอีกครั้ง ชื่อของเขากลายเป็นคำทับสับเกี่ยวกับความอื้อฉาวไปแล้ว
การกลับเข้ามาอีกสมัย จะถือเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับวงการฟุตบอลในเมืองไทย มะกูดี ถือเป็นคนที่มีความนิยมในเมืองไทย เฉกเช่นเดียวกับ อาร์เจน ร๊อบเบน ในดอร์ทมุน เลยทีเดียว
แต่วรวีร์ก็มีการแข่งขันที่น่ากลัวไม่น้อย ทั้งกับคนหน้าเก่าอย่าง วิรัช ชาญพานิชย์ และ หัวเรือเชียร์ไทยพาวเวอร์ ที่มีคนนิยมอย่าง พินิจ งามพริ้ง ต่างก็พร้อมที่จะเอาชนะเขาอยู่
ในการแถลงข่าวเปิดตัว วิรัชผู้มีชื่อเล่นว่า “บิ๊กกร๊อง” พูดถึงแผนการใหญ่โต
“ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่คนบอกว่า ประเทศไทยจะไปบอลโลกในชาติหน้า” เขาบอก “ผมไม่คิดว่าเราต้องรอนานขนาดนั้น จริงๆ แล้วเราทำได้เร็วกว่านั้นด้วยการบริหารทีมที่ดีกว่าเดิม
“เราเคยเข้าไปใกล้ความฝันมาแล้ว ผมเชื่อว่าไม่มีเหตุผลใดที่เราจะทำไม่ได้ แต่เราต้องเป็น “ผู้นำ” ในภูมิภาคนี้ก่อน แล้วค่อยมุ่งไปเป็น Top 3 ของเอเชีย ถ้าเราทำได้ ฟุตบอลโลกก็ไม่เกินเอื้อม”
มันก็ไม่ยากที่จะเชื่อหรอก เพราะทีมไทยเคยทำให้ทีมที่แข็งกว่า ตัวโตกว่า อย่าง ออสเตรเลีย เคยไล่ตามกว่า 50 นาที มาแล้ว เมื่อปี 2007 สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือการมองในแง่บวก ความเป็นมืออาชีพ และความหวัง ไม่ใช่การดูถูกตัวเอง การทำเป็นเล่น และการสิ้นไร้ไม้ตอก
และแน่นอน ต้องไม่มีการให้ข่าวที่เอาแต่ประโยชน์ตัวเองจากคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ฟุตบอลไยเหมือนวิ่งอยู่ในสนามส่วนตัวของมะกูดี ซึ่งคงไม่สามารถปล่อยให้ดำเนินต่อไปได้
การที่อาเซียนเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพบอลโลกร่วมกันในปี 2034 โอกาสก็ยังพอมี แต่จะต้องการนายกสมาคมฟุตบอลไทยที่มีวิศัยทัศน์สำหรับอนาคต ไม่ใช่วิศัยทัศน์สำหรับการเอาตัวรอด
มะกูดี ได้ขาดความเชื่อมั่นในสังคมฟุตบอลไทยไปแล้ว แต่คู่แข่งของเขาไม่ พวกเขาต้องการแค่โอกาสที่จะแสดงให้เห็นว่า พวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
เอาการเลือกตั้งกลับมา และเอายุคสมัยของวรวีร์คืนไป
http://www.foxsportsasia.com/editorial/news/detail/item978304/Fink:-Time-to-secure-Thailand%27s-future/