ข้อเสนอหนึ่งที่มีผู้เสนอตรงกัน ในหลายเวทีที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมแสดงความเห็น คือ ผู้แทนราษฎรมาจากสาขาอาชีพ
เพราะ ผู้แทนฯในแบบเดิม ที่ใช้จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเกณฑ์ แบ่งเขตจังหวัดตามจำนวนประชากร
และสังกัดพรรคการเมืองนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนดีๆเข้ามาสู่เวทีการเมือง เพราะต้องใช้เงินซื้อเสียงไม่ต่ำกว่าเขตละ 15 ล้าน
นั่นจึงทำให้ทุกพรรคต้องหาเงินจากการคอรัปชั่น เงินจากธุรกิจผิดกฎหมายมาช่วยลูกพรรคซื้อเสียง
และรายได้หลักของพรรคที่เป็นรัฐบาลก็คือ การเขียนงบประมาณแบบให้มี"เงินทอน"เยอะๆ
ซึ่งนักการเมืองเองก็รู้ดี และก็ทำเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครมามีอำนาจก็คอรัปชั่นไม่ต่างกัน
ที่หนักไปกว่านั้น ยิ่งมีนายทุนเงินหนามาลงทุนทำธุรกิจการเมืองอย่างเต็มตัว ก็ยิ่งอันตรายหนักขึ้นไปอีก
เพราะสามารถเขียนนโยบายเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจตัวเองได้ และสามารถสั่งผู้แทนในสังกัดให้ทำตามความต้องการ
ในฐานะผู้สนับสนุนด้านการเงิน
เพราะฉะนั้น จึงมีแนวคิดว่า น่าจะเขียนรัฐธรรมนูญให้ผู้แทนราษฎรมาจากสัดส่วนสาขาอาชีพ โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
ต้องลงทะเบียนเลือกสาขาอาชีพให้ตรงกับอาชีพของตน แล้วเลือกตัวแทนสาขาอาชีพของตนเข้าไปเป็นผู้ออกกฎหมายในสภา
และเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนสาขาอาชีพนั้น จะได้ไม่ต้องมีม็อบมาเดินขบวนปิดถนนอย่างที่เป็นอยู่
ซึ่งผู้แทนที่มาจากสาขาอาชีพนั้น ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง จะสามารถทำหน้าที่ตอบสนองกลุ่มอาชีพของตนได้อย่างอิสระ ปราศจากการชี้นำจากนายทุน และจากเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย เราสามารถเลือกตัวแทนอาชีพได้ทั้งแบบรวมเขตเดียวทั้งประเทศหรือแยกตามภาคก็ได้
อีกทั้งปัจจุบันนี้ การปกครองส่วนท้องถิ่นก็สามารถดูแลประชาชนในความต้องการพื้นฐานอยู่แล้ว ปัจจุบันหน้าที่ของ ส.ส. กับ สจ.ก็ทับซ้อนกันจน สจ.แทบไม่มีงานทำอยู่แล้ว เพราะ ส.ส.ก็มีงบมาพัฒนาท้องถิ่นในเขตเลือกตั้งตนเองปีละนับสิบๆล้าน
ส่วนที่มาของรัฐบาลนั้น ก็มีผู้เสนอเป็น 2 แบบ คือ เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะโดยตรง และแบบ โหวตจากส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้าไป
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ข้อเสนอดังกล่าว ไม่ได้รับการตอบสนองจากคณะที่ไปทำประชาพิจารณ์เท่าที่ควร
อาจเป็นเพราะมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด และไม่มีตัวอย่างในประเทศใดที่ทำอย่างนี้มาก่อน
ทั้งๆที่โดยหลักการ น่าจะตอบโจทย์ประเทศไทยได้ดีกว่าระบบการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่มีปัญหาอยู่ตลอด
ท่านอ่านแล้ว มีความเห็นเป็นประการใด ก็สามารถแสดงทัศนะของท่านได้เลยครับ
ข้อเสนอที่ดี แต่ถูกมองข้าม ตอนทำประชาพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญปี 50
เพราะ ผู้แทนฯในแบบเดิม ที่ใช้จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเกณฑ์ แบ่งเขตจังหวัดตามจำนวนประชากร
และสังกัดพรรคการเมืองนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนดีๆเข้ามาสู่เวทีการเมือง เพราะต้องใช้เงินซื้อเสียงไม่ต่ำกว่าเขตละ 15 ล้าน
นั่นจึงทำให้ทุกพรรคต้องหาเงินจากการคอรัปชั่น เงินจากธุรกิจผิดกฎหมายมาช่วยลูกพรรคซื้อเสียง
และรายได้หลักของพรรคที่เป็นรัฐบาลก็คือ การเขียนงบประมาณแบบให้มี"เงินทอน"เยอะๆ
ซึ่งนักการเมืองเองก็รู้ดี และก็ทำเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครมามีอำนาจก็คอรัปชั่นไม่ต่างกัน
ที่หนักไปกว่านั้น ยิ่งมีนายทุนเงินหนามาลงทุนทำธุรกิจการเมืองอย่างเต็มตัว ก็ยิ่งอันตรายหนักขึ้นไปอีก
เพราะสามารถเขียนนโยบายเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจตัวเองได้ และสามารถสั่งผู้แทนในสังกัดให้ทำตามความต้องการ
ในฐานะผู้สนับสนุนด้านการเงิน
เพราะฉะนั้น จึงมีแนวคิดว่า น่าจะเขียนรัฐธรรมนูญให้ผู้แทนราษฎรมาจากสัดส่วนสาขาอาชีพ โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
ต้องลงทะเบียนเลือกสาขาอาชีพให้ตรงกับอาชีพของตน แล้วเลือกตัวแทนสาขาอาชีพของตนเข้าไปเป็นผู้ออกกฎหมายในสภา
และเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนสาขาอาชีพนั้น จะได้ไม่ต้องมีม็อบมาเดินขบวนปิดถนนอย่างที่เป็นอยู่
ซึ่งผู้แทนที่มาจากสาขาอาชีพนั้น ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง จะสามารถทำหน้าที่ตอบสนองกลุ่มอาชีพของตนได้อย่างอิสระ ปราศจากการชี้นำจากนายทุน และจากเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย เราสามารถเลือกตัวแทนอาชีพได้ทั้งแบบรวมเขตเดียวทั้งประเทศหรือแยกตามภาคก็ได้
อีกทั้งปัจจุบันนี้ การปกครองส่วนท้องถิ่นก็สามารถดูแลประชาชนในความต้องการพื้นฐานอยู่แล้ว ปัจจุบันหน้าที่ของ ส.ส. กับ สจ.ก็ทับซ้อนกันจน สจ.แทบไม่มีงานทำอยู่แล้ว เพราะ ส.ส.ก็มีงบมาพัฒนาท้องถิ่นในเขตเลือกตั้งตนเองปีละนับสิบๆล้าน
ส่วนที่มาของรัฐบาลนั้น ก็มีผู้เสนอเป็น 2 แบบ คือ เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะโดยตรง และแบบ โหวตจากส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้าไป
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ข้อเสนอดังกล่าว ไม่ได้รับการตอบสนองจากคณะที่ไปทำประชาพิจารณ์เท่าที่ควร
อาจเป็นเพราะมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด และไม่มีตัวอย่างในประเทศใดที่ทำอย่างนี้มาก่อน
ทั้งๆที่โดยหลักการ น่าจะตอบโจทย์ประเทศไทยได้ดีกว่าระบบการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่มีปัญหาอยู่ตลอด
ท่านอ่านแล้ว มีความเห็นเป็นประการใด ก็สามารถแสดงทัศนะของท่านได้เลยครับ