เมื่อไม่นานมานี้(อันที่จริงก็เพิ่งไม่กี่ชั่วโมงผ่านมา)
ก็ได้มีโอกาสไปดูหนังที่รอคอยมาเรื่องหนึ่ง
ซึ่งจริงๆ ขอบอกว่าเรื่องนี้ไปดูเพราะตัวอย่างหนังล้วนๆ
ไม่ได้สนใจรายชื่อนักแสดงเลย หนังประเภทมายากล
ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยๆ ยิ่งมารู้ที่หลังว่านักมายากลระดับโลก
มาช่วยในการออกแบบด้วยแล้ว ยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่

ในส่วนของตัวหนังถือว่าทำออกมาได้ดี และ จบ
แบบสมบูรณ์แบบในตัวของมันเอง
จะมีหักมุมเล็กๆ อาจจะมีเล่นกลกับคนดูบ้าง
ในใจนั่งดูไป ก็ไม่อยากให้หนังจบซักเท่าไร
เสียดายป้อปคอร์นที่เหลือในมือ กลบางกลที่เล่น
อาจจะพอคาดเดาได้จากตัวอย่างของหนัง
คือในทีแรก เราคิดไว้ว่า หนังแนวนี้
มันจะจบแบบคล้ายๆ Inception รึปล่าว
แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกวางแผนอย่างแยบยล
จนในบางที ผมเองก็คือไม่ถึงเหมือนกัน เอาเป็นว่า
ถ้าอยากหาหนังดีๆ ดูซักเรื่องในสัปดาห์นี้
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่แนะนำเลยละครับ
.
.
.
.
.
แต่สิ่งสำคัญสำหรับผมในการดูหนังซักเรื่อง
คือคำถามที่ผมต้องถามตัวเองเสมอๆ หลังจากหนังจบ

" หนังเรื่องนี้ บอกอะไรเรา? " (ด่านล่างอาจมีสปอย)
-------------------------------------------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในโลกยุคปัจจุบัน สังคมที่เราอยู่ ใครจะไปรู้
เราอาจเป็นส่วนหนึ่ง ของมายากล โดยที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนก็ได้

หากมายากลคือการแสดงให้อีกฝ่ายตายใจและคาดไม่ถึง
จนกว่าจะรู้ถึงซึ่งเบื้องหลังและแผนการที่วางไว้
เมื่อนั้น เราก็คือ ผู้ที่ถูกหลอกเรียบร้อยแล้ว

และถ้ามายากลคือเช่นนั้นจริง
ในโลกนี้คงเป็นไปด้วย "นักมายากล" มากมาย
ที่พร้อมจะร่ายเวทย์ โชว์การแสดงใส่คุณ
เพียงแค่เงื่อนไขทั้งหมดเป็นใจให้กับขั้นตอนที่วางไว้

ความจริงสิ่งที่เราเห็น กับสิ่งที่เป็น
มันคือความจริงอันเดียวกันหรือเปล่า
ใต้แขนเสื้อของนักมายากลมักซุกซ่อนอะไรที่เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอ
เพลอเป็ปเดียว เราก็กลายเป็นหมูที่ถูกต้มไปเรียบร้อยแล้ว

ในหนังจะมีคำๆหนึ่ง ซึ่งพูดย้ำบ่อยๆ
ซึ่งผมเองก็จำรูปประโยคได้ไม่สมบูรณ์นัก
แต่หากจับใจความ ก็คงได้ประมาณว่า

"อย่าดูอะไรไกล้ๆนัก เพราะยิ่งดูไกล้
ยิ่งมองไม่เห็น ลองมองดูไกลๆ แล้วจะเห็นอะไรที่ชัดเจนกว่า"

ำพูดนี่มันก็สะท้อนได้ถึงค่านิยมของคนในปัจจุบันนะครับ
สังคมที่เร่งรีบ และคนสมัยใหม่
ที่ไม่ค่อยมองอะไรไกลๆ
ขาดการวางแผนถึงการกระทำอย่างรอบคอบ
จนนำมาซึ่งความประมาทในท้ายที่สุด
ในหนังจะสังเกตุได้เลยว่าในการวางแผนจะทำอะไรซักอย่างที่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่
มันต้องใช้เวลาที่นานพอสมควร
ทั้งในการวางแผน และแผนสำรองเผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

และอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเห็นได้ชัด คือคำว่า "อีโก้"
ซึ่ง ถ้าตามความหมายทางจิตวิทยาก็คงคล้ายๆกับคำว่า
อัตตา ที่แปลว่า ตัวกูของกูนั้นเอง แต่ในหนังเรื่องนี้
อีโก้ถูกนำมาใช้ในคนที่มีความมั่นใจในตนเองมากๆ
คิดว่าตัวเองนี่เจ๋งแล้ว ข้าเดินนำหนึ่งก้าวเสมอ
และความมั่นใจในตัวเองนั้นเอง
ที่กลับกลายเป็นเหมือนดาบสองคม มาทำร้ายตัวเราเองที่หลัง
ปราชญ์มักบอกกับเราเสมอๆ

ว่าอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว
อย่ามั่นใจในตนเองมากไป ในโลกนี้ คนที่เก่งกว่าเรายังมีอีกเยอะ
-----------------------------------------------------

สองสามสิ่งเล็กๆที่ผมได้ กับการได้ดูหนังสนุกๆ
ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วครับสำหรับการรอคอยของหนังเรื่องนี้
หากใครมีข้อคิด ความเห็นอะไรที่มากกว่านี้
มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เลยนะครับ

ขอให้มีความสุขกับการชมภาพยนต์ครับ