สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เคยถามผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ และข้อมูลทั้งจากในห้องก้นครัวและเวปอื่น เขาแนะนำไว้ว่า
SP. กับโอวาเลทเป็นอิมัลติฟายเออร์ทั้งคู่ ช่วยให้ส่วนผสมรวมตัวกันดี แต่ผลของขนมต่างกันนิดหน่อยคือ โอวาเลทจะทำให้ขนมมีความชุ่มชื้นกว่าSP. แต่ทั้งคู่ทำให้ขนมนุ่มดีอยู่ค่ะ แต่SP. จะทำให้เค็กมีปริมาตรที่มากกว่า ทั้งคู่ใช้เพ่ือเสริมคุณภาพจะใช้กับขนมที่มีไข่เป็นโครงสร้างหลักค่ะ แต่ SP. มักใช้กับการปรุงแบบนึ่งเช่นขนมปุยฝ้าย ส่วนโอวาเลตใช้กับการอบ ส่วนวิธีใช้ก็คล้ายกัน ต่างกันตรงที่อุณหภูมิของส่วนผสม
SP. ไข่อุณหภูมิห้อง นมอุ่น เนยอุ่น เป็นสูตรคิดค้นโดยญี่ปุ่น
โอวาเลท ทุกอย่างต้องเย็นไข่ นมต้องเย็น เนยละลายแล้วรอให้เย็นตัวลงไม่ใช่อุ่นเหมือน SP. โอวาเลท เป็นสูตรของออสเตเลีย
อัตราส่วน คิดเป็นเปอร์เซนต์ต่อน้ำหนักแป้งไข่น้ำตาล
แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่ค่อยอยากใช้บ่อย แม้แต่ผงฟู เพราะผงฟูเป็นโซเดียม ตัวสารเสริมคุณภาพก็ไม่รู้ว่าทำจากธรรมชาติหรือสังเคราะห์ แต่สารเหล่านี้ใช้ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งหวังผลลดต้นทุน เพราะขนมจะมีอายุยาวขึ้นโดยยังฉ่ำอยู่ ในขณะเดียวกัน ลดเวลาและขั้นตอนการตี
ไข่ได้อย่างมหาศาล แถมหลังตีเสร็จแบทเทอสามารถตั้งรอการอบได้เป็นชั่วโมง แต่ถ้าไม่ใช้ แบทเทอรต้องส่งเข้าเตาทันที ทิ้งเป็นชั่วโมงรอคิวอบไม่ได้ เพราะจะยุบตัวได้ ถ้าเป็นโฮมเมด จะไม่ใช้ผงฟู โซดาไบคาร์บอนเนต รวมถึงสารเสริมคุณภาพค่ะ เพราะทำน้อยๆ ทานหมดเร็ว ไม่เก็บนาน
ที่ตอบนี้ก็ไม่ใช่รู้ด้วยตัวเอง แต่ถามๆ เอาจากคนทำขนมอบขายแบบอุตสาหกรรมและเปิดอ่านเยอะมากๆเลย โดยที่อ่านทั้งหมดเป็นความรู้จากห้องก้นครัวที่สมาชิกแต่ละท่านใจดีได้โพสให้ความรู้กันอย่างเต็มเพื่อแบ่งปันกัน.
ไม่ทราบว่าข้อมูลที่กล่าวมา มีอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง เพราะอยากทราเหมือนกัน ตัวเองก็เพิ่งใช้โอวาเลทไปเม่ือสัปดาห์ก่อน เพ่ือเปรียบเทียบคุณภาพขนมระหว่างใส่กัไม่ใส่น่ะค่ะ แต่คิดว่าคงไม่ใช้บ่อยนัก เพราะยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับสารทั้ง2ตัวที่ว่านี้มากนัก😊
SP. กับโอวาเลทเป็นอิมัลติฟายเออร์ทั้งคู่ ช่วยให้ส่วนผสมรวมตัวกันดี แต่ผลของขนมต่างกันนิดหน่อยคือ โอวาเลทจะทำให้ขนมมีความชุ่มชื้นกว่าSP. แต่ทั้งคู่ทำให้ขนมนุ่มดีอยู่ค่ะ แต่SP. จะทำให้เค็กมีปริมาตรที่มากกว่า ทั้งคู่ใช้เพ่ือเสริมคุณภาพจะใช้กับขนมที่มีไข่เป็นโครงสร้างหลักค่ะ แต่ SP. มักใช้กับการปรุงแบบนึ่งเช่นขนมปุยฝ้าย ส่วนโอวาเลตใช้กับการอบ ส่วนวิธีใช้ก็คล้ายกัน ต่างกันตรงที่อุณหภูมิของส่วนผสม
SP. ไข่อุณหภูมิห้อง นมอุ่น เนยอุ่น เป็นสูตรคิดค้นโดยญี่ปุ่น
โอวาเลท ทุกอย่างต้องเย็นไข่ นมต้องเย็น เนยละลายแล้วรอให้เย็นตัวลงไม่ใช่อุ่นเหมือน SP. โอวาเลท เป็นสูตรของออสเตเลีย
อัตราส่วน คิดเป็นเปอร์เซนต์ต่อน้ำหนักแป้งไข่น้ำตาล
แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่ค่อยอยากใช้บ่อย แม้แต่ผงฟู เพราะผงฟูเป็นโซเดียม ตัวสารเสริมคุณภาพก็ไม่รู้ว่าทำจากธรรมชาติหรือสังเคราะห์ แต่สารเหล่านี้ใช้ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งหวังผลลดต้นทุน เพราะขนมจะมีอายุยาวขึ้นโดยยังฉ่ำอยู่ ในขณะเดียวกัน ลดเวลาและขั้นตอนการตี
ไข่ได้อย่างมหาศาล แถมหลังตีเสร็จแบทเทอสามารถตั้งรอการอบได้เป็นชั่วโมง แต่ถ้าไม่ใช้ แบทเทอรต้องส่งเข้าเตาทันที ทิ้งเป็นชั่วโมงรอคิวอบไม่ได้ เพราะจะยุบตัวได้ ถ้าเป็นโฮมเมด จะไม่ใช้ผงฟู โซดาไบคาร์บอนเนต รวมถึงสารเสริมคุณภาพค่ะ เพราะทำน้อยๆ ทานหมดเร็ว ไม่เก็บนาน
ที่ตอบนี้ก็ไม่ใช่รู้ด้วยตัวเอง แต่ถามๆ เอาจากคนทำขนมอบขายแบบอุตสาหกรรมและเปิดอ่านเยอะมากๆเลย โดยที่อ่านทั้งหมดเป็นความรู้จากห้องก้นครัวที่สมาชิกแต่ละท่านใจดีได้โพสให้ความรู้กันอย่างเต็มเพื่อแบ่งปันกัน.
ไม่ทราบว่าข้อมูลที่กล่าวมา มีอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง เพราะอยากทราเหมือนกัน ตัวเองก็เพิ่งใช้โอวาเลทไปเม่ือสัปดาห์ก่อน เพ่ือเปรียบเทียบคุณภาพขนมระหว่างใส่กัไม่ใส่น่ะค่ะ แต่คิดว่าคงไม่ใช้บ่อยนัก เพราะยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับสารทั้ง2ตัวที่ว่านี้มากนัก😊
แสดงความคิดเห็น
เอสพีกับโอวาเล็ท
จะใช้แทนกันได้มัยคะ