สรุปเรื่องนี้ใครผิดครับ และใครเจ็บปวดที่สุด

ครอบครัวหนึ่งมีด้วยกัน 4 คน พ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว   ลำดับการปกครองของครอบครัวนี้ไม่เคยมีปัญหา อยู่กันอย่างสงบสุข เพราะมีพ่อมีแม่ เป็นผู้นำที่ดี ลูกก็น่ารักเชื่อฟังคำสั่งสอนทุกอย่างอย่างว่านอน และแล้วก็ถึงวันที่ลูกสาวแต่งงาน ก็พาชายหนุ่มรูปงามขยันขันแข็งเข้ามาอยู่ร่วมชายคาด้วย ด้วยแรกเริ่มเดิมทีทั้งพ่อและแม่ ก็รักก็เอ็นดูหนุ่มรูปงามนี้มาก ก็เพราะทั้งขยัน ทั้งฉลาดรอบรู้ เก่งกาจสามารถ แต่ความฉลาด ของเขาก็ทำให้เขาเห็นช่องโหว่หลายอย่างในบ้านหลังนี้ เขาเริ่มพูด เริ่มติ เริ่มติง ในสิ่งที่พ่อใช้ชีวิตทั้งชีวิตวางรากฐานและเห็นว่าสมควรแล้วจนไม่มีชิ้นดี มิหน้ำซ้ำนับวันน้ำเสียงเขากลับดังกว่าเสียงหัวเราะของพ่อในอาหารมื้อเย็น ลูกชายลูกสาวต่างสวรเสเฮฮาตามทุกมุกตลกที่เขาหว่านโปรย แทนที่ผู้เป็นพ่อที่เคยกระทำเสมอมา
บ้านที่พวกเขาเคยอยู่สวยงามขึ้น ทันสมัยขึ้น ใครเดินผ่านไปผ่านมาก็ต่างชื่นชมกับการพัฒนาไปของบ้านหลังนี้พร้อมกับลูกเขยคนเก่งที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้าน โดยลืมไปเลย ว่าเสาทุกต้น อิฐ ทุกก้อนในบ้านหลังนี้ใครเป็นคนวางเป็นคนก่อ เรื่องราวเหล่านี้ประดุจเศษซากตะกอนที่ทับถมภายในจิตใจของผู้เป็นพ่อวันแล้ววันเล่า พ่อเริ่มสังเกตเขามากขึ้น มองพฤติกรรมเขามากขึ้น แล้วบางครั้ง ก็ชี้ชวนให้ ภรรยา ลูกชาย ลูกสาว เห็นข้อบกพร่องของเขาในแต่ละการ
จนมาวันหนึ่ง ชายหนุ่มตัดสินใจจะเทพื้นคอนกรีตที่ลานหน้าบ้านแทนสนามหญ้าทั้งหมด ทุกคนนิ่งอึ้งกลางโต๊ะอาหารไม่กล่าวคำใดเพราะรู้ว่านั่นคือมุมโปรดของพ่อ พ่อกล่าวคัดค้านอย่างเงียบๆใบหน้าเปื้อนยิ้ม ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังลุกจากโต๊ะมาจับไหล่พ่อดั่งเพื่อนเกลอคราวเดียวกัน
" พ่อเชื่อผมซิ พ่อก็เห็นทุกอย่างที่ ผมคิดผมทำไม่เคยผิดพลาด "  ชายหนุ่มกล่าวอย่างมุ่งมั่น
" คราวก่อน สวนกล้วยไม้ของฉัน เธอก็เอาไปทำลานจอดรถเสียแล้ว ลานหญ้าหน้าบ้านฉันขอเก็บไว้นั่งเล่นบ้างไม่ได้เชียวหรือ" ชายชราพูดโดยไม่มองหน้าขณะถูกโอบไหล่
" พื้นที่บ้านเรามันมีน้อยนะครับ ไอ้ลานหญ้านั่นคนที่ใช้สอยอยู่เป็นประจำก็มีแต่พ่อคนเดียวอันนี้ผมดูจะไม่ยุติธรรมต่อทุกคน "

ฝ่ายลูกชายที่ฟังเหตุการมาตลอด แม้จะชอบพอถูกคอกันดีกับพี่เขย ก็สุดทนที่เห็นกริยาอาการเช่นนี้ของพี่เขย

" บ้านนี้บ้านพ่อกู ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องอยู่ "

เด็กชายโพล่งออกมาด้วยความมุทะลุ เขามองในตาพ่อ น้ำในตาพ่อล้อเบ้าด้วยความดีใจทีลูกชายเห็นด้วยกับตน

" ผมจะออกไปก็ได้ ถ้าพ่อคิดว่าผมไม่เหมาะกับที่นี่ แต่พ่อต้องพูดออกมา "

พ่อปิดปากเงียบกริบขณะที่ ลูกสาววิ่งไปจับแขนชายหนุ่มไว้มองพ่อด้วยสายตาเกรี้ยวกราดอย่างไม่เคยเจอมาก่อน พ่อได้แต่นิ่งงันส่งยิ้มให้ทุกคน แล้วหนีออกไปสูดอากาศกับสนามหญ้าของเขาที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นพื้นที่ ที่ไม่สมควรเป็นของเขาอีกต่อไป

รุ่งอรุณตะวันเพิ่งโผล่พ้นข้ามเส้นขอบฟ้า เสียงแอะอะวุ่นวายหน้าบ้านปลุกชายชราให้ลุกขึ้นจากเตียง แม้เขาจะไม่ได้ยินเสียงอะไรที่เกิดขึ้นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน แต่ภาพทุกภาพมันเด่นชัดอยู่ในมโนภาพ ภาพลูกชายลูกสาวกรีดร้องอย่างมิได้ออกมาจากท้องเดียวกัน ฉุดกระชากลากถูฟาดฟันทิ่มแทง ผู้เป็นแม่ยืนชี้หน้าด่าทอลูกเขยที่มาพร้อมคนงานนับสิบที่กำลังจะมารื้อสนามหญ้า ภาพสุดท้ายจบลงที่ลูกชายซัดหมัดเข้าเต็มเหนี่ยวกลางหน้าลูกเขย แล้วเขาก็หอบข้าวของพร้อมลูกสาวของเขาไป พร้อมความพยาบาท

พ่อไม่ได้เจอลูกสาว และ ลูกเขยอีกเลย ได้ยินเพียงข่าวคราวบางครั้งเขาก็คิดขับแค้นใจตัวเองที่มิได้ลงไปห้ามปราม แต่นี่คือบ้านของเขาที่เขารัก บ้านเขาจะเป็นบ้านของเขาอยู่อีกเหรอในเมื่อเขาไม่มีอำนาจมีสิทธ์มีเสียงใดๆเลย

ลูกเขยคับแค้นใจเป็นอันมาก เขาคิดเสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นการชักใยของพ่อตาใจบาป ลูกของเขาทุกคน หลานของเขาทุกคนจะต้องรับรู้ถึงความเลวทรามต่ำช้าในสิ่งที่ตากระทำ

".................................................................................................."

สรุปเรื่องนี้ใครผิดครับ และใครเจ็บปวดที่สุด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่