หลายๆคนคง "แทงหวยถูก" จากเรื่องหน้ากาก "กาย ฟอกส์" แน่ๆครับ
เพราะหลังจากจุดกระแสไม่ติด
เพราะเสื้อแดงนำข้อมูลมาตอบโต้
ว่า "กาย ฟอกส์" เป็นสัญญลักษณ์ของการล้มสถาบัน และ อำนาจที่มาจากระบอบประชาธิปไตย
ก็มีแดงหลายๆคน
"แทงหวย" ว่าสัญญลักษณ์ต่อไปของสลิ่ม
น่าจะหนีไม่พ้น "เออร์เนสโต้ ราฟาเอล เกวาร่า เดอ ลา เซอน่า"
หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เช เกวาร่า"
ที่ว่ากันว่าเป็นรูปที่ถูกพบอยู่ท้ายรถสิบล้อมากที่สุด
(รองลงมาก็คือ อัล ปาชิโ้น่ จากเรื่อง "เซอร์ปิโก้" และ ฉัตรชัย เปล่งฯ จาก "ตี๋ใหญ่" ครับ)
แดงท่านใดที่แทงหวยไปแบบนี้
ขอได้รับการคารวะจากผมครับ...เพราะท่านแทงถูกเต็มๆ
เพราะบรรดาเพจจอม ไล้ค์ ,แชร์ ,แหล ทั้งหลายของสลิ่ม
ในตอนนี้ต่างก็มีข้อความของคุณพี่เชที่พูดไว้อย่างเป็นอมตะ
ซึ่งได้ถูกนำมาเป็น "สัญญลักษณ์ใหม่" เรียบร้อยโรงเรียนสลิ่มแล้วครับ
ไม่ว่าจะเพจของ นสพ.แนวน่วม
ไม่ว่าจะเพจลัทธิควายแดง รักแม้วจนเสียสติ
ไม่ว่าจะเพจของนักการเมืองแมงสาปที่แม่ต้องคดี
ไม่ว่าจะเพจกลุ่มภาคีแนวร่วมรักษ์ชาติ ต้านระบอบแม้ว
ล้วนแล้วแต่พากันไล้ค์ พากันแชร์ ข้อความของคุณพี่เชทั้งนั้น
พี่เชแกเคยพูดไว้ว่า
"เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน .......
แต่ถ้าคุณเป็นคนประเภทที่โกรธจนตัวสั่นเมื่อเห็นเผด็จการครองเมือง...เราคือเพื่อนกัน"
โห.....โคดจะ "คม" เลย...พี่เชของผม
สลิ่้มศรีน่าจะตีความออกนะครับ
ว่าเชเป็นคนที่รังเกียจเผด็จการเข้าใส้
แต่ก็นั่นแหละครับ
สลิ่มเขาก็โต้กลับว่า "เชรังเกียจทุนนิยมต่างหาก และทุนนิยมก็คือไอแม้วนั่นแหละ"
ไปแบบสีข้างถลอกเลยแหละครับ
เพราะแม้เชจะรังเกียจทุนนิยมของพวกมะกัน
แต่ในบริบทของความเป็นนักปฏิวัติหัวก้่าวหน้าของเขานั้น
เชแสดงออกชัดเจนว่าเขารังเกียจ "มาตรฐานที่ไม่เท่ากันของสังคม" มากกว่าครับ
ด้วยความที่ "มาตรฐานของสังคม" มันต่างกันมาก
ระหว่างชนชั้นกลางขึ้นไป กับ ชนชั้นรากหญ้าที่ขาดโอกาส
เชจึงมักถูกนำมาเป็นสัญญลักษณ์ของพวกหัวก้าวหน้า และ ชนชั้นรากหญ้าของสังคมครับ
จึงไม่แปลกที่สิบล้อบ้านเราจึงมักมีรูปเชที่ท้ายรถ เพราะมันสื่อนัยยะของรากหญ้าได้ดี
ภาพข้างบนนี้ถ่ายโดยช่างภาพคนดัง Alberto Korda เมื่อ 5 มีนาคม ปี 60
ว่ากันว่ามันถูกนำไปเป็นภาพที่ใช้ในเชิงสัญญลักษณ์จนคุ้นหูคุ้นตาผู้คนมากที่สุดภาพนึงในโลกครับ
มันคือภาพที่เชอยู่ในงานรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิต
ในเหตุการณ์ระเบิดเรือขนอาวุธซึ่งเดินทางจากเบลเยี่ยม
และกำลังจะเข้าเทียบกรุงฮาวานา ของคิวบา ซึ่งเป็นการระเบิดต่อหน้าต่อตาเช และ ฟิเดล คัสโตร ไม่กี่ร้อยเมตร
เล่ากันว่าหลังการระเบิด
เชพยายามจะเข้าไปดูเศษซากของเรือและอาวุธ
แต่ถูกห้ามปรามไว้จากบรรดาขุนพลร่วมรบทั้งหลาย
แต่เชยืนยันว่าเขาจะเข้าไปดูซากเรือ
เชบอกว่า "ปล่อยกรู....กรูจะไปดูเรือ อะไรที่ควรระเบิดมันก็พินาศไปจนหมดแล้ว กรูจะเข้าไปดูเรือ"
หลังจากนั้นก็มีพิธีรำลึกที่ว่านี้
และ Alberto Korda ก็จับภาพเชได้ในมุม และ อารมณ์ ที่แสนจะ "ลงตัว"
เด็กหนุ่มเด็กสาวในยุค "มีคนตายที่ราชประสงค์"
อาจจะรู้จัก เช เกวาร่า ผ่านหนังเรื่อง The motorcycle diaries ของ ผู้กำกับนักทำหนังเลือดแซมบ้า Walter salles
หนังถ่ายทอดเรื่องราวของนักเรียนแพทย์หนุ่มน้อย.. เช...
ผู้ซึ่งเป็นลูกชายจากครอบครัวที่ค่อนข้างจะมีเงินชาวอาเจนไตน์
ตัดสินใจออกท่องโลกกับ Alberto Granado เพื่อนสนิทของเขา
เดินทางไปบนหลังมอเตอไซด์ตระเวณไปทั่วทวีปอเมริกาใต้
ก่อนที่ เช จะกลายมาเป็นนักปฏิวัติในเวลาต่อมา.....นี่เป็นการนึกถึง เช ในเชิงบันเทิงครับ
VIDEO
ในหนังจะเห็นเลยครับ
ว่าครอบครัวเชไม่ใช่คนรากหญ้า
แต่เขาเข้าใจคนรากหญ้า และ รังเกียจเผด็จการที่ทำให้สังคมเกิด 2 มาตรฐาน
แต่สำหรับคนรุ่นกลางๆแล้ว
เช เกวาร่า มักถูกนึกถึงในเชิงสัญญลักษณ์ครับ
เป็นความรู้สึกในเชิง “ขบถ” เล็กๆ...ผมรู้สึกแบบนั้น...
หลังจากเห็นความเหลื่อมล้ำของสังคม
เชประกาศว่า "I am not me anymore , at least i'm not the same me i was "
เช สร้างเรื่องราวทิ้งไว้ในโลกนี้อย่างมากมายครับ
เขาคือคนอาเจนไตน์ ที่ถูกประกาศให้จากประเทศคิวบา
ให้เช “เป็นคนคิวบา” โดยกำเนิด หลังจากช่วย ฟิเดล คัสโตร ปฏิวัติคิวบา
เอออออ....แปลกวุ๊ยยย.....แบบนี้ก็มีด้วย....
เชได้รับการประกาศให้เป็นคนคิวบา
เพราะคุณูประการในการร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่
ในสงครามโค่นรัฐบาลฝ่ายขวาของชาวคิวบาครับ
คัสโตร กับ เช มีอะไรคล้ายกันหลายอย่างครับ
ว่ากันตั้งแต่บุคลิค ทั้งคู่ถือว่าหน้าตาดีครับ
และหน้าตาออกไปในแนวเดียวกันอีกต่างหาก
ทั้งคัสโตร และ เช ชอบสูบซิก้าร์
ผมเคยเห็นภาพทั้งคู่คาบซิก้าร์
โห...เท่ห์สุดๆครับ...หาใครคาบซิก้าร์เท่ห์แบบนี้ยากมากครับ
เรื่องโรมานซ์ของคัสโตร และ เชก็พอๆกัน
เชมีเมียเท่าที่มีการบันทึกไว้ก็สองคนครับ.....
คนแรกคือ ฮิลดา กาเดีย อาคอสตา หญิงสาวหัวรุนแรงชาวเปรู
เมียคนนี้แหละที่ว่ากันว่าปลูกฝังลัทธิเอียงซ้ายให้กับเช จนเขากลายเป็นเชในแบบทุกวันนี้
จากนั้นเชก็มามีเมียอีกคน
เมียคนนี้ชื่อ เอเลดา มาร์ช
คนนี้เป็นสมาชิกกองโจรนอกกฏหมายครับ
นี่เท่าที่มีการบันทึกนะขอรับ
เมียเชแต่ละคนท่าทางแสบสันต์ไม่เบาเลย หุหุหุ.....
ส่วนฟิเดล คัสโตร ก็ไม่ด้อยไปกว่ากันดอกครับ
ผมไม่รู้แน่ชัด ค้นไม่เจอครับว่าพี่แกมีเมียกี่คน
แต่ที่แน่ๆความเจ้าชู้ของคัสโตร เคยกระฉ่อนโลก
เมื่อครั้งแอบตีท้ายครัวนายกนัฐมนตรีของแคนาดาครับ
ตอนนั้น ...ปิแอร์ ทรูโด เป็นนายกฯที่ หนุ่ม และหล่อ
ปิแอร์ และภรรยาสาวสวย มากาเร็ต ทรูโด ได้ไปเยือนคิวบา เป็นแขกของคัสโตร....ว่าางั้นเหอะ.....
ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน คัสโตร และ มากาเร็ต ดันไปส่งสายตาปิ้งกัน
มันเหมือนไฟช็อตครับ...คุณๆนึกออกมั้ย......
มากาเร็ตออกมาสารภาพในตอนหลังว่ามี love affair กับคัสโตรครับ
ครั้งนั้นผมยังเด็กอยู่แต่จำได้ว่าไทยรัฐเอาเรื่องนี้มาเล่นอย่างต่อเนื่อง
ถึงขนาดจับเอาหนังสือที่มากาเร็ตเขียนมาแปลลงหน้า 5 ต่อกันยาวนาน
เจ้าชู้ไก่แจ้พอกันครับ ทั้งเช และ คัสโตร...เหมือนกันทั้งหน้าตา และนิสัย
นี่ไม่ต้องพูดถึงแนวคิดทางการเมืองนะครับ...เพราะอันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว
ครั้งนึง....ทั้งคู่เคยบุกไปเยือนเมืองมะริกัน....
และมีกำหนดการที่จะเข้าพบประธานาธิบดีไอเซนฮาวนด์
ปรากฏว่าถึงเวลาจริงๆ...มีแต่คัสโตรคนเดียวที่ไปพบไอเซนฮาวนด์
ฝั่งอเมริกาก็งงนะซิครับ...ว่าเชหายหัวไปไหน....หายไปดื้อๆเลย....
ไอเซนฮาวนด์อดใจไม่ไหวก็เลยถามคัสโตรว่าเชไปไหน
คัสโตรตอบหน้าตายๆว่า “เชไม่มาว่ะ... เชไปตีกอล์ฟ”
ผมอยากรู้เหมือนกันครับว่าตอนนั้นไอเซนฮาวนด์ทำหน้ายังไง....เดาว่าคงทำหน้าปูเลี่ยน ปูเลี่ยน แหละครับ
เช เกวาร่า เป็นศิลปินนะครับ ในความคิดของผม
เขามีอารมณ์ที่อ่อนไหว เป็นนักแสวงหา และนักเดินทาง
ครั้งนึงเขาเคยยังชีพด้วยการเป็นช่างภาพครับ
เขาออกเดินทางท่องโลก
และลั่นชัตเตอร์บันทึกความเป็นไปของโลกใบนี้
ล่าสุดเมื่อปี 2004 นี้เองก็มีการเอางานถ่ายภาพของเชมาแสดง
นิทรรศการชื่อว่า Ernesto che Guevara as a photographer
จัดขึ้นที่กรุงลอนดอน เมืองผู้ดีแปดสาแหรกนี่เองครับ
อาจารย์ธเนศ วงศ์ยานาวา แห่งคณะรัฐศาสตร์ รั้วแม่โดม
บันทึกไว้ในหนังสือของแกว่า เชเคยมาเมืองไทยครับ
เพราะภาพถ่ายที่นำมาจัดนิทรรศการในครั้งนั้น
มีภาพของไทยแลนด์แดนสยามของเราอยู่ด้วย
ผมดีใจครับที่ครั้งนึงดินแดนขวานทองของเราเคยได้ต้อนรับ เช
ความเป็น”ขบถ” ของ เช
ทำให้เขากลายเป็น icon ของคนหนุ่มสาวหลายๆคน
และแน่นอน...ไอ้หนุ่มสาวหลายๆคนที่ว่านี้ร้อยละร้อยล้วนมีหัวใจขบถครับ
ขบถเล็ก ขบถน้อย อ่อนแก่ดีกรีแค่ไหนก็คงแล้วแต่พื้นฐานของคนนั้นๆ
แต่ไม่ใช่สัญญลักษณ์ของการต่อต้านประชาธิปไตยแน่ๆ เพราะเชไม่ชอบ "เผด็จการ" ครับ
ไม่มีใครรู้ว่าเชเริ่มชอบลัทธิซ้ายจัดตั้งแต่เมื่อไหร่
เพราะจริงๆแล้วเขาน่าจะเป็นคนประเภททุนนิยมจ๋า
เนื่องจากเชเรียนหมอ และมาจากครอบครัวที่ไม่ยากจน
แต่เชก็รู้สึกว่าชีวิตแต่ละคนทำไมมันไม่เท่าเทียมกัน
คนที่จนก็จนไม่มีจะกิน ถูกเอารัดเอาเปรียบทุกทาง
กฏ กติกา และ สถานะทางสังคม ทำให้คนจนโดนกดขี่
ซึ่งนั่น....อาจทำให้เชหันมาเป็นพวกฝ่ายซ้ายก็เป็นได้ครับ
เชก็เลยออกรบไปทั่วตามอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายของเขา
ครั้งหลังสุดเขาเข้าไปรบในโบลิเวีย
ค ร า ว นี้ เ ช ถึ ง ที่ ต า ย ค รั บ.....
เช้าวันที่ 8 ตุลาคม ปี 1967 กองกำลังของฝ่ายโบลิเวียตีโอบล้อมกองกำลังของ เช
เชสู้ยิบตาแต่ก็ถูกยิงเข้าที่ขาจนบาดเจ็บ
และถุกจับได้โดยทหารโบลิเวียที่ชื่อ bernadino huanca
เชถูกควบคุมตัวไปสอบสวน
และท้ายสุดถูกแจ้งว่าจะโดนประหารชีวิต
เชยืดอกรับความตายอย่างผึ่งผายครับ
เชบอกว่า ดีแล้วที่ประหารเขา เพราะเขาไม่ควรถูกจับแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ดูซิครับ....ดูใจลูกผุ้ชายที่ชื่อ เช ซิครับ......
วันที่ 9 ตุลาคม ปี 1967
มีการจัดเตรียมการประหารเช
ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือครับ
การที่ใครซักคนจะยิงเชได้เนี่ยยย...ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก
ท้ายที่สุดหลังจากหาแล้วหาอีก
ก็มีทหารคนนึงที่อาสาจะทำหน้าที่นี้
Mario teran ผู้ซึ่งอยุ่ในกองกำลังที่เพิ่งรบกับเชมาหมาดๆครับ
แต่กว่าที่เตรันจะอาสาเป็นเพชรฆาต
เขาก็ต้องกินเหล้าซดเบียร์ย้อมใจมาพอสมควร
และแล้วเชก็ไปเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเมื่อตอนบ่ายโมงสิบนาทีของวันนั้น....
หมอที่ชันสูตรศพเชบันทึกไว้ว่า
มีกระสุนที่ถุกยิงเข้าใส่เชทั้งหมด 9 นัดครับ
ตอนที่เตรันเดินเข้าไปจะยิงเช เชท้าให้ยิงครับ
เชบอกว่า "ฆ่ากรู.... ก็ฆ่าได้แค่คนๆนึงเท่านั้น"
(แต่อุดมการณ์ของกรูยังอยู่โว๊ยยยยย) อันนี้ผมต่อให้เอง
เตรันก็กดซัด ตูม ตูม ตูม เลยครับ
เชล้มลงอย่างเจ็บปวด และกัดข้อมือตัวเองเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา
ดูเถอะครับ...ตอนจะตายก็ตายอย่างสมศักดิ์ศรีจริงๆ......
เตรันเองหลังจากการประหาเชแล้วก็ไม่มีความสุขครับ
เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวการแก้แค้น
อย่าลืมนะครับ คนหนุ่มสาวหัวรุนแรงเอียงซ้ายนับถือเชเป็นวีรบุรุษ
ท้ายสุดทางการต้องช่วยเหลือหาที่อยุ่ให้เตรัน
และหาอาชีพให้ทำมาหารับประทาน...เป็นบาร์เทนเดอร์ครับ....
ขอบคุณเช ที่สร้างสีสันให้โลกใบนี้....
ขอบคุณวิญญานขบถที่มีหลบซ่อนอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน
เชคงจะเหงาอยู่อีกไม่นานหรอกครับ
เพราะ ฟิเดล คัสโตร ก็คงกำลังจะวางแผนออกตามหาเชอยู่
เชคงนั่งดูดซิก้าร์อย่างอารมณ์ดี
ส่งสายตามองลงมายังโลกที่ยังคงมี 2 มาตรฐาน
หรืออาจกำลังเตรียมจัดงานต้อนรับคัสโตรอยู่ก็เป็นได้
แต่ที่แน่ๆ
ผมเชื่อว่าวิญยานเชคงหลั่งน้ำตา
หากเขารู้ว่าคนที่ "เกลียดเผด็จการ" อย่างเขา
ถูกคนที่ "นิยมเผด็จการ" นำเอาเขามาเป็นสัญญลักษณ์ในการต่อสู้ครับ !!!!!
เชอาจมีกำเนิดเป็นชนชั้นกลาง
แต่เขาไม่ใช่ "อำมาตย์" และ รังเกียจวิถีแบบ "สองมาตรฐาน" ครับ
++++++++++ .....ว่ า แ ล้ ว ไง.............มั น เ อ า อี ก แ ล้ ว..... ++++++++++
เพราะหลังจากจุดกระแสไม่ติด
เพราะเสื้อแดงนำข้อมูลมาตอบโต้
ว่า "กาย ฟอกส์" เป็นสัญญลักษณ์ของการล้มสถาบัน และ อำนาจที่มาจากระบอบประชาธิปไตย
ก็มีแดงหลายๆคน
"แทงหวย" ว่าสัญญลักษณ์ต่อไปของสลิ่ม
น่าจะหนีไม่พ้น "เออร์เนสโต้ ราฟาเอล เกวาร่า เดอ ลา เซอน่า"
หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เช เกวาร่า"
ที่ว่ากันว่าเป็นรูปที่ถูกพบอยู่ท้ายรถสิบล้อมากที่สุด
(รองลงมาก็คือ อัล ปาชิโ้น่ จากเรื่อง "เซอร์ปิโก้" และ ฉัตรชัย เปล่งฯ จาก "ตี๋ใหญ่" ครับ)
แดงท่านใดที่แทงหวยไปแบบนี้
ขอได้รับการคารวะจากผมครับ...เพราะท่านแทงถูกเต็มๆ
เพราะบรรดาเพจจอม ไล้ค์ ,แชร์ ,แหล ทั้งหลายของสลิ่ม
ในตอนนี้ต่างก็มีข้อความของคุณพี่เชที่พูดไว้อย่างเป็นอมตะ
ซึ่งได้ถูกนำมาเป็น "สัญญลักษณ์ใหม่" เรียบร้อยโรงเรียนสลิ่มแล้วครับ
ไม่ว่าจะเพจของ นสพ.แนวน่วม
ไม่ว่าจะเพจลัทธิควายแดง รักแม้วจนเสียสติ
ไม่ว่าจะเพจของนักการเมืองแมงสาปที่แม่ต้องคดี
ไม่ว่าจะเพจกลุ่มภาคีแนวร่วมรักษ์ชาติ ต้านระบอบแม้ว
ล้วนแล้วแต่พากันไล้ค์ พากันแชร์ ข้อความของคุณพี่เชทั้งนั้น
พี่เชแกเคยพูดไว้ว่า
"เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน .......
แต่ถ้าคุณเป็นคนประเภทที่โกรธจนตัวสั่นเมื่อเห็นเผด็จการครองเมือง...เราคือเพื่อนกัน"
โห.....โคดจะ "คม" เลย...พี่เชของผม
สลิ่้มศรีน่าจะตีความออกนะครับ
ว่าเชเป็นคนที่รังเกียจเผด็จการเข้าใส้
แต่ก็นั่นแหละครับ
สลิ่มเขาก็โต้กลับว่า "เชรังเกียจทุนนิยมต่างหาก และทุนนิยมก็คือไอแม้วนั่นแหละ"
ไปแบบสีข้างถลอกเลยแหละครับ
เพราะแม้เชจะรังเกียจทุนนิยมของพวกมะกัน
แต่ในบริบทของความเป็นนักปฏิวัติหัวก้่าวหน้าของเขานั้น
เชแสดงออกชัดเจนว่าเขารังเกียจ "มาตรฐานที่ไม่เท่ากันของสังคม" มากกว่าครับ
ด้วยความที่ "มาตรฐานของสังคม" มันต่างกันมาก
ระหว่างชนชั้นกลางขึ้นไป กับ ชนชั้นรากหญ้าที่ขาดโอกาส
เชจึงมักถูกนำมาเป็นสัญญลักษณ์ของพวกหัวก้าวหน้า และ ชนชั้นรากหญ้าของสังคมครับ
จึงไม่แปลกที่สิบล้อบ้านเราจึงมักมีรูปเชที่ท้ายรถ เพราะมันสื่อนัยยะของรากหญ้าได้ดี
ภาพข้างบนนี้ถ่ายโดยช่างภาพคนดัง Alberto Korda เมื่อ 5 มีนาคม ปี 60
ว่ากันว่ามันถูกนำไปเป็นภาพที่ใช้ในเชิงสัญญลักษณ์จนคุ้นหูคุ้นตาผู้คนมากที่สุดภาพนึงในโลกครับ
มันคือภาพที่เชอยู่ในงานรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิต
ในเหตุการณ์ระเบิดเรือขนอาวุธซึ่งเดินทางจากเบลเยี่ยม
และกำลังจะเข้าเทียบกรุงฮาวานา ของคิวบา ซึ่งเป็นการระเบิดต่อหน้าต่อตาเช และ ฟิเดล คัสโตร ไม่กี่ร้อยเมตร
เล่ากันว่าหลังการระเบิด
เชพยายามจะเข้าไปดูเศษซากของเรือและอาวุธ
แต่ถูกห้ามปรามไว้จากบรรดาขุนพลร่วมรบทั้งหลาย
แต่เชยืนยันว่าเขาจะเข้าไปดูซากเรือ
เชบอกว่า "ปล่อยกรู....กรูจะไปดูเรือ อะไรที่ควรระเบิดมันก็พินาศไปจนหมดแล้ว กรูจะเข้าไปดูเรือ"
หลังจากนั้นก็มีพิธีรำลึกที่ว่านี้
และ Alberto Korda ก็จับภาพเชได้ในมุม และ อารมณ์ ที่แสนจะ "ลงตัว"
เด็กหนุ่มเด็กสาวในยุค "มีคนตายที่ราชประสงค์"
อาจจะรู้จัก เช เกวาร่า ผ่านหนังเรื่อง The motorcycle diaries ของ ผู้กำกับนักทำหนังเลือดแซมบ้า Walter salles
หนังถ่ายทอดเรื่องราวของนักเรียนแพทย์หนุ่มน้อย.. เช...
ผู้ซึ่งเป็นลูกชายจากครอบครัวที่ค่อนข้างจะมีเงินชาวอาเจนไตน์
ตัดสินใจออกท่องโลกกับ Alberto Granado เพื่อนสนิทของเขา
เดินทางไปบนหลังมอเตอไซด์ตระเวณไปทั่วทวีปอเมริกาใต้
ก่อนที่ เช จะกลายมาเป็นนักปฏิวัติในเวลาต่อมา.....นี่เป็นการนึกถึง เช ในเชิงบันเทิงครับ
ในหนังจะเห็นเลยครับ
ว่าครอบครัวเชไม่ใช่คนรากหญ้า
แต่เขาเข้าใจคนรากหญ้า และ รังเกียจเผด็จการที่ทำให้สังคมเกิด 2 มาตรฐาน
แต่สำหรับคนรุ่นกลางๆแล้ว
เช เกวาร่า มักถูกนึกถึงในเชิงสัญญลักษณ์ครับ
เป็นความรู้สึกในเชิง “ขบถ” เล็กๆ...ผมรู้สึกแบบนั้น...
หลังจากเห็นความเหลื่อมล้ำของสังคม
เชประกาศว่า "I am not me anymore , at least i'm not the same me i was "
เช สร้างเรื่องราวทิ้งไว้ในโลกนี้อย่างมากมายครับ
เขาคือคนอาเจนไตน์ ที่ถูกประกาศให้จากประเทศคิวบา
ให้เช “เป็นคนคิวบา” โดยกำเนิด หลังจากช่วย ฟิเดล คัสโตร ปฏิวัติคิวบา
เอออออ....แปลกวุ๊ยยย.....แบบนี้ก็มีด้วย....
เชได้รับการประกาศให้เป็นคนคิวบา
เพราะคุณูประการในการร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่
ในสงครามโค่นรัฐบาลฝ่ายขวาของชาวคิวบาครับ
คัสโตร กับ เช มีอะไรคล้ายกันหลายอย่างครับ
ว่ากันตั้งแต่บุคลิค ทั้งคู่ถือว่าหน้าตาดีครับ
และหน้าตาออกไปในแนวเดียวกันอีกต่างหาก
ทั้งคัสโตร และ เช ชอบสูบซิก้าร์
ผมเคยเห็นภาพทั้งคู่คาบซิก้าร์
โห...เท่ห์สุดๆครับ...หาใครคาบซิก้าร์เท่ห์แบบนี้ยากมากครับ
เรื่องโรมานซ์ของคัสโตร และ เชก็พอๆกัน
เชมีเมียเท่าที่มีการบันทึกไว้ก็สองคนครับ.....
คนแรกคือ ฮิลดา กาเดีย อาคอสตา หญิงสาวหัวรุนแรงชาวเปรู
เมียคนนี้แหละที่ว่ากันว่าปลูกฝังลัทธิเอียงซ้ายให้กับเช จนเขากลายเป็นเชในแบบทุกวันนี้
จากนั้นเชก็มามีเมียอีกคน
เมียคนนี้ชื่อ เอเลดา มาร์ช
คนนี้เป็นสมาชิกกองโจรนอกกฏหมายครับ
นี่เท่าที่มีการบันทึกนะขอรับ
เมียเชแต่ละคนท่าทางแสบสันต์ไม่เบาเลย หุหุหุ.....
ส่วนฟิเดล คัสโตร ก็ไม่ด้อยไปกว่ากันดอกครับ
ผมไม่รู้แน่ชัด ค้นไม่เจอครับว่าพี่แกมีเมียกี่คน
แต่ที่แน่ๆความเจ้าชู้ของคัสโตร เคยกระฉ่อนโลก
เมื่อครั้งแอบตีท้ายครัวนายกนัฐมนตรีของแคนาดาครับ
ตอนนั้น ...ปิแอร์ ทรูโด เป็นนายกฯที่ หนุ่ม และหล่อ
ปิแอร์ และภรรยาสาวสวย มากาเร็ต ทรูโด ได้ไปเยือนคิวบา เป็นแขกของคัสโตร....ว่าางั้นเหอะ.....
ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน คัสโตร และ มากาเร็ต ดันไปส่งสายตาปิ้งกัน
มันเหมือนไฟช็อตครับ...คุณๆนึกออกมั้ย......
มากาเร็ตออกมาสารภาพในตอนหลังว่ามี love affair กับคัสโตรครับ
ครั้งนั้นผมยังเด็กอยู่แต่จำได้ว่าไทยรัฐเอาเรื่องนี้มาเล่นอย่างต่อเนื่อง
ถึงขนาดจับเอาหนังสือที่มากาเร็ตเขียนมาแปลลงหน้า 5 ต่อกันยาวนาน
เจ้าชู้ไก่แจ้พอกันครับ ทั้งเช และ คัสโตร...เหมือนกันทั้งหน้าตา และนิสัย
นี่ไม่ต้องพูดถึงแนวคิดทางการเมืองนะครับ...เพราะอันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว
ครั้งนึง....ทั้งคู่เคยบุกไปเยือนเมืองมะริกัน....
และมีกำหนดการที่จะเข้าพบประธานาธิบดีไอเซนฮาวนด์
ปรากฏว่าถึงเวลาจริงๆ...มีแต่คัสโตรคนเดียวที่ไปพบไอเซนฮาวนด์
ฝั่งอเมริกาก็งงนะซิครับ...ว่าเชหายหัวไปไหน....หายไปดื้อๆเลย....
ไอเซนฮาวนด์อดใจไม่ไหวก็เลยถามคัสโตรว่าเชไปไหน
คัสโตรตอบหน้าตายๆว่า “เชไม่มาว่ะ... เชไปตีกอล์ฟ”
ผมอยากรู้เหมือนกันครับว่าตอนนั้นไอเซนฮาวนด์ทำหน้ายังไง....เดาว่าคงทำหน้าปูเลี่ยน ปูเลี่ยน แหละครับ
เช เกวาร่า เป็นศิลปินนะครับ ในความคิดของผม
เขามีอารมณ์ที่อ่อนไหว เป็นนักแสวงหา และนักเดินทาง
ครั้งนึงเขาเคยยังชีพด้วยการเป็นช่างภาพครับ
เขาออกเดินทางท่องโลก
และลั่นชัตเตอร์บันทึกความเป็นไปของโลกใบนี้
ล่าสุดเมื่อปี 2004 นี้เองก็มีการเอางานถ่ายภาพของเชมาแสดง
นิทรรศการชื่อว่า Ernesto che Guevara as a photographer
จัดขึ้นที่กรุงลอนดอน เมืองผู้ดีแปดสาแหรกนี่เองครับ
อาจารย์ธเนศ วงศ์ยานาวา แห่งคณะรัฐศาสตร์ รั้วแม่โดม
บันทึกไว้ในหนังสือของแกว่า เชเคยมาเมืองไทยครับ
เพราะภาพถ่ายที่นำมาจัดนิทรรศการในครั้งนั้น
มีภาพของไทยแลนด์แดนสยามของเราอยู่ด้วย
ผมดีใจครับที่ครั้งนึงดินแดนขวานทองของเราเคยได้ต้อนรับ เช
ความเป็น”ขบถ” ของ เช
ทำให้เขากลายเป็น icon ของคนหนุ่มสาวหลายๆคน
และแน่นอน...ไอ้หนุ่มสาวหลายๆคนที่ว่านี้ร้อยละร้อยล้วนมีหัวใจขบถครับ
ขบถเล็ก ขบถน้อย อ่อนแก่ดีกรีแค่ไหนก็คงแล้วแต่พื้นฐานของคนนั้นๆ
แต่ไม่ใช่สัญญลักษณ์ของการต่อต้านประชาธิปไตยแน่ๆ เพราะเชไม่ชอบ "เผด็จการ" ครับ
ไม่มีใครรู้ว่าเชเริ่มชอบลัทธิซ้ายจัดตั้งแต่เมื่อไหร่
เพราะจริงๆแล้วเขาน่าจะเป็นคนประเภททุนนิยมจ๋า
เนื่องจากเชเรียนหมอ และมาจากครอบครัวที่ไม่ยากจน
แต่เชก็รู้สึกว่าชีวิตแต่ละคนทำไมมันไม่เท่าเทียมกัน
คนที่จนก็จนไม่มีจะกิน ถูกเอารัดเอาเปรียบทุกทาง
กฏ กติกา และ สถานะทางสังคม ทำให้คนจนโดนกดขี่
ซึ่งนั่น....อาจทำให้เชหันมาเป็นพวกฝ่ายซ้ายก็เป็นได้ครับ
เชก็เลยออกรบไปทั่วตามอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายของเขา
ครั้งหลังสุดเขาเข้าไปรบในโบลิเวีย
ค ร า ว นี้ เ ช ถึ ง ที่ ต า ย ค รั บ.....
เช้าวันที่ 8 ตุลาคม ปี 1967 กองกำลังของฝ่ายโบลิเวียตีโอบล้อมกองกำลังของ เช
เชสู้ยิบตาแต่ก็ถูกยิงเข้าที่ขาจนบาดเจ็บ
และถุกจับได้โดยทหารโบลิเวียที่ชื่อ bernadino huanca
เชถูกควบคุมตัวไปสอบสวน
และท้ายสุดถูกแจ้งว่าจะโดนประหารชีวิต
เชยืดอกรับความตายอย่างผึ่งผายครับ
เชบอกว่า ดีแล้วที่ประหารเขา เพราะเขาไม่ควรถูกจับแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ดูซิครับ....ดูใจลูกผุ้ชายที่ชื่อ เช ซิครับ......
วันที่ 9 ตุลาคม ปี 1967
มีการจัดเตรียมการประหารเช
ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือครับ
การที่ใครซักคนจะยิงเชได้เนี่ยยย...ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก
ท้ายที่สุดหลังจากหาแล้วหาอีก
ก็มีทหารคนนึงที่อาสาจะทำหน้าที่นี้
Mario teran ผู้ซึ่งอยุ่ในกองกำลังที่เพิ่งรบกับเชมาหมาดๆครับ
แต่กว่าที่เตรันจะอาสาเป็นเพชรฆาต
เขาก็ต้องกินเหล้าซดเบียร์ย้อมใจมาพอสมควร
และแล้วเชก็ไปเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเมื่อตอนบ่ายโมงสิบนาทีของวันนั้น....
หมอที่ชันสูตรศพเชบันทึกไว้ว่า
มีกระสุนที่ถุกยิงเข้าใส่เชทั้งหมด 9 นัดครับ
ตอนที่เตรันเดินเข้าไปจะยิงเช เชท้าให้ยิงครับ
เชบอกว่า "ฆ่ากรู.... ก็ฆ่าได้แค่คนๆนึงเท่านั้น"
(แต่อุดมการณ์ของกรูยังอยู่โว๊ยยยยย) อันนี้ผมต่อให้เอง
เตรันก็กดซัด ตูม ตูม ตูม เลยครับ
เชล้มลงอย่างเจ็บปวด และกัดข้อมือตัวเองเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา
ดูเถอะครับ...ตอนจะตายก็ตายอย่างสมศักดิ์ศรีจริงๆ......
เตรันเองหลังจากการประหาเชแล้วก็ไม่มีความสุขครับ
เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวการแก้แค้น
อย่าลืมนะครับ คนหนุ่มสาวหัวรุนแรงเอียงซ้ายนับถือเชเป็นวีรบุรุษ
ท้ายสุดทางการต้องช่วยเหลือหาที่อยุ่ให้เตรัน
และหาอาชีพให้ทำมาหารับประทาน...เป็นบาร์เทนเดอร์ครับ....
ขอบคุณเช ที่สร้างสีสันให้โลกใบนี้....
ขอบคุณวิญญานขบถที่มีหลบซ่อนอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน
เชคงจะเหงาอยู่อีกไม่นานหรอกครับ
เพราะ ฟิเดล คัสโตร ก็คงกำลังจะวางแผนออกตามหาเชอยู่
เชคงนั่งดูดซิก้าร์อย่างอารมณ์ดี
ส่งสายตามองลงมายังโลกที่ยังคงมี 2 มาตรฐาน
หรืออาจกำลังเตรียมจัดงานต้อนรับคัสโตรอยู่ก็เป็นได้
แต่ที่แน่ๆ
ผมเชื่อว่าวิญยานเชคงหลั่งน้ำตา
หากเขารู้ว่าคนที่ "เกลียดเผด็จการ" อย่างเขา
ถูกคนที่ "นิยมเผด็จการ" นำเอาเขามาเป็นสัญญลักษณ์ในการต่อสู้ครับ !!!!!
เชอาจมีกำเนิดเป็นชนชั้นกลาง
แต่เขาไม่ใช่ "อำมาตย์" และ รังเกียจวิถีแบบ "สองมาตรฐาน" ครับ