คนส่วนใหญ่มักจะปลูกฝังค่านิยม…ให้ทุกคนชอบการแข่งขัน
ด้วยการให้ข้อสรุปว่า… “ค่าของคน วัดกันที่ผลของงาน”
จนทำให้ผู้แพ้…ต้องกลายเป็นผู้ที่ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม
หรือแม้กระทั่ง…ถูกกระทบเปรียบเปรยทางในที่ด้อยกว่าอยู่เสมอๆ…คนที่ไม่เคยเป็นผู้แพ้…ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า…
ความพ่ายแพ้นั้นมันช่างเจ็บปวดรวดร้าว…เหนือกว่าจะพรรณนา
ผู้ชนะมักจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ…ขณะผู้แพ้บางคนกลายเป็นหมา
ด้วยเหตุแห่งค่านิยม… “ค่าของคน วัดกันที่ผลของงาน” นี้เอง
ทำให้บางคนมองข้ามความดีงามในจิตใจ…แล้วหันมามองที่ชัยชนะอย่างเดียว
เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “โลกเจริญขึ้น…แต่จิตใจคนกลับตกต่ำลง”
เพราะทุกคนต่างมุ่งหวังที่จะประสบชัยชนะ…และหวาดกลัวความพ่ายแพ้
จิตใจที่ดีงาม การเสียสละ และการเห็นอกเห็นใจกัน จึงหดหายไป
คงเหลือไว้แต่…การแก่งแย่ง ชิงดี…ชิงเด่น กันให้เห็นไม่เว้นในแต่ละวัน
หากเราลองกำหนด “ค่าของคน” ขึ้นมาใหม่ด้วยการบอกว่า…
“ค่าของคน ขึ้นอยู่กับเจตนาที่กระทำ” ไม่ใช่เพียงแค่ผลของงานเพียงด้านเดียว
เราอาจได้เห็นว่า…โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น…ที่ไม่ใช่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างเดียว
เราไม่จำเป็นต้องแข่งขันในเรื่องที่ไม่ควรแข่งขัน แล้วหันมาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
คุณค่าของความเป็นมนุษย์ในมุมมองของฉัน…ฉันให้ความสำคัญกับเจตนาเป็นที่ตั้ง

ลองสมมุติเหตุการณ์หนึ่ง ให้พวกเราลองคิดกันเล่นๆ ว่า…
วันหนึ่งขณะที่คุณยายข้างบ้านป่วยหนัก และต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
เราจึงขับรถด้วยความเร็วพาคุณยายไปส่งโรงพยาบาล ด้วยความหวังดีอย่างที่สุด
แต่ปรากฏว่ารถประสบอุบัติเหตุ…ทำให้คุณยายตายคาที่ แถมเราบาดเจ็บสาหัส
ลองคิดดูซิว่า…หากเราเป็นญาติของคุณยาย เราจะทำอย่างไรดี… ?
------------------------------------------------------------------------------------
เปรียบกับนายกปู ถึงจะพูดผิดๆถูกๆบ้าง เราจะดูแค่นั้นหรือ ดูที่สาระสำคัญดีกว่าใหม
ว่านายกพูดด้วยเหตุใด และจะมีผลอย่างไรตามมา เพราะนายกทำงานเพื่อให้ประเทศก้าวหน้า
เราจะมาจับผิดเรื่องหยุมหยิมแค่นั้นหรือ เราจะมองแคบเกินไปหรือปล่าว

“ค่าของคน วัดกันที่ผลของงาน” จริงหรือ
ด้วยการให้ข้อสรุปว่า… “ค่าของคน วัดกันที่ผลของงาน”
จนทำให้ผู้แพ้…ต้องกลายเป็นผู้ที่ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม
หรือแม้กระทั่ง…ถูกกระทบเปรียบเปรยทางในที่ด้อยกว่าอยู่เสมอๆ…คนที่ไม่เคยเป็นผู้แพ้…ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า…
ความพ่ายแพ้นั้นมันช่างเจ็บปวดรวดร้าว…เหนือกว่าจะพรรณนา
ผู้ชนะมักจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ…ขณะผู้แพ้บางคนกลายเป็นหมา
ด้วยเหตุแห่งค่านิยม… “ค่าของคน วัดกันที่ผลของงาน” นี้เอง
ทำให้บางคนมองข้ามความดีงามในจิตใจ…แล้วหันมามองที่ชัยชนะอย่างเดียว
เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “โลกเจริญขึ้น…แต่จิตใจคนกลับตกต่ำลง”
เพราะทุกคนต่างมุ่งหวังที่จะประสบชัยชนะ…และหวาดกลัวความพ่ายแพ้
จิตใจที่ดีงาม การเสียสละ และการเห็นอกเห็นใจกัน จึงหดหายไป
คงเหลือไว้แต่…การแก่งแย่ง ชิงดี…ชิงเด่น กันให้เห็นไม่เว้นในแต่ละวัน
หากเราลองกำหนด “ค่าของคน” ขึ้นมาใหม่ด้วยการบอกว่า…
“ค่าของคน ขึ้นอยู่กับเจตนาที่กระทำ” ไม่ใช่เพียงแค่ผลของงานเพียงด้านเดียว
เราอาจได้เห็นว่า…โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น…ที่ไม่ใช่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างเดียว
เราไม่จำเป็นต้องแข่งขันในเรื่องที่ไม่ควรแข่งขัน แล้วหันมาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
คุณค่าของความเป็นมนุษย์ในมุมมองของฉัน…ฉันให้ความสำคัญกับเจตนาเป็นที่ตั้ง
ลองสมมุติเหตุการณ์หนึ่ง ให้พวกเราลองคิดกันเล่นๆ ว่า…
วันหนึ่งขณะที่คุณยายข้างบ้านป่วยหนัก และต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
เราจึงขับรถด้วยความเร็วพาคุณยายไปส่งโรงพยาบาล ด้วยความหวังดีอย่างที่สุด
แต่ปรากฏว่ารถประสบอุบัติเหตุ…ทำให้คุณยายตายคาที่ แถมเราบาดเจ็บสาหัส
ลองคิดดูซิว่า…หากเราเป็นญาติของคุณยาย เราจะทำอย่างไรดี… ?
------------------------------------------------------------------------------------
เปรียบกับนายกปู ถึงจะพูดผิดๆถูกๆบ้าง เราจะดูแค่นั้นหรือ ดูที่สาระสำคัญดีกว่าใหม
ว่านายกพูดด้วยเหตุใด และจะมีผลอย่างไรตามมา เพราะนายกทำงานเพื่อให้ประเทศก้าวหน้า
เราจะมาจับผิดเรื่องหยุมหยิมแค่นั้นหรือ เราจะมองแคบเกินไปหรือปล่าว