ตอนเก่าๆนะครับ
หลอก1 ส่งเกรียน ไปเสี้ยมที่อินเดียhttp://pantip.com/topic/30337507" rel="nofollow" >
http://pantip.com/topic/30337507
หลอก 2 ส่งเกรียน ไปแซ้บบนถนนอินเดีย
http://pantip.com/topic/30337841
หลอก3 ส่งเกรียน ไปโดนต้ม
http://pantip.com/topic/30337974
หลอก4 ส่งเกรียน ไปโดนเจี๋ยนที่แคชเมียร์
http://pantip.com/topic/30338090
หลอก5 ส่งเกรียน ไปโดนเจี๋ยนที่แคชเมียร์2
http://pantip.com/topic/30341202
หลอก6 ไฝ้ว์กับแขกเกรียนจอมแซงคิว ที่กุลมาร์กhttp://pantip.com/topic/30344483" rel="nofollow" >
http://pantip.com/topic/30344483
หลอก 7 โซนามาร์ก
http://pantip.com/topic/30532771
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพียงพริบตาเดียวครับ (แต่นั่งรถจนตูดเป็น แผลกดทับ)เราก็มาอยู่ที่เลห์ โอเอซิส กลางภูเขาทะเลทราย
คือ เลห์เป็นจุดสีเขียวเล็กๆใน ทะเลทรายแห่งนี้ เพราะมีแม่น้ำไหลผ่าน แม่น้ำก็ไหลมาจากภูเขาหิมะนั่นแหละ ไม่ได้ผุดมาจากตาน้ำที่ไหน
คนที่นี่หน้าตาไม่เหมือนแขกแล้วครับ
คือถ้าเทียบ
นิวเดลี หน้าตาจะเป็นแขกอาบังขายถั่ว
ศรีนากา หน้าตาเป็นแขกอาหรับ ขาวๆหน่อย
ที่นี่หน้าตาจะทิเบตๆ ออกแนว ชาวไทยภูเขา ม้งแม้ว (ไม่การเมืองนะครับมู้นี้)
แต่ไม่ได้ขาวแบบ เจ้าชายจิ๊กมี่นะ ที่นี่หน้าตากร้านแดดกันทั้งนั้น (จริงๆแล้วภูฎานก็หน้ากร้านแดดเหมือนกัน เพียงแต่เจ้าชายจิ๊กมี่คงไม่ต้องไปตากแดด)
เราไปพักที่โฮเต็ล Mahek ซึ่งตอนที่ขับรถมาจากศรีนากา มูซาน โชเฟอร์พูดน้อยของเรา พยักหน้างึกงักเหมือนจะรู้จัก
แต่จริงๆแล้ว ตอนแรกที่เราฟังจาก อาจ๊าด เราได้ยินเป็น Hotel Max แม่.กระดกลิ้นตรงตัวเอ็มนิดเดียวๆจริง
ทำให้กว่าจะหาโรงแรมเจอ ก็ตกเย็นพอดี ที่พักที่นี่ถูกมาก สามคน ห้าร้อยรูปี มีพร้อมทั้ง ทีวีดัมมี่ ไฟสองดวง (รวมในห้องน้ำ) น้ำอุ่น(แต่ที่นี่แค่อุ่นมันไม่พอจิงๆว่ะ)
มาถึงเลห์แล้ว เราคงข้ามเรื่องทะเลสาบปันกอง วัดเช วัดนู่นนี่ไป เพราะมันไม่สำคัญเท่าไหร่ หารีวิวที่ไหนก็ได้
ถึงเลห์ ต้องพูดถึง Pashmina shawl
หลายคนคงสงสัยว่า pashmina shawl คืออะไร ขอตอบแบบทุบดิน มันคือ ผ้าพันคอแพชมิน่า ไงล่ะ
สลิ่มไทยสามตัวจึงเดินท่องไปเสาะหา Pashmina shawl เพื่อเอากลับไปเป็นของฝากให้ทางบ้าน
เราหยุดที่ร้านขายผ้าพันคอเล็กๆร้านนึง
"ยูว้อนท์ วันฮันเดร็ด เปอร์เซน แพชหมี่น้า ดิสวัน ดิสวัน ทูเต้าสั่น ไฟว์ฮันเดร็ดรูปี"
เราทำหน้าลังเล เอาดีไม่เอาดี ขณะที่ แขกขายผ้า เริ่มดึงผ้าพันคอออกมาจากชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
"อีนี่ อันนี้ ห้าร้อยรูปี เท่านั้นนะจ๊ะ นาย มายเฟรนด์ อันนี้เป็นห้าสิบเปอร์เซนต์แพชมิน่า ห้าสิบเปอร์เซนต์วูลจ่ะนายมายเฟรนด์"
"ส่วนอันนี้ แปดร้อยรูปี จ่ะนายจ๋า 80% แพชมิน่า 20% silk"
"ส่วนอันนี้ อันนู้น อันนั้น ..."
"หรือจะชอบสีนู้น สีนั้น สีนี้"
แต่เรายังคงให้ความสนใจกับอันที่แพงที่สุดในร้าน สองพันห้าร้อยรูปี เพราะมีความเชื่อลึกๆว่าของแพงย่อมเป็นของดี
(แน่นอนว่าความเชื่อนี้ อย่าได้เอามาใช้ในอินเดีย)
"พลีส เทลมี ฮาวมัชยูว้อนทู เป ออน ดีสส"
แขกขายผ้า เริ่มล่อหลอกสลิ่มไทย ให้หลงเชื่อ แต่เนื่องจากเราผ่านร้อน(ที่เดลี)ผ่านหนาว(ที่ศรีนากา) มามากแล้ว
"ไฟว์ฮันเด็ด"
บอกราคาแบบไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากการเดินทาง
"โน โน โน อีนี่ ฉานให้นายไม่ได้หรอกนะจ๊ะนาย นี่มัน แพชมิน่าแท้นะนาย"
"อีนี่ ฉ้านลดให้ พันแปดร้อยรูปี นี่อีนี่ ฉานลดสุดๆแล้วนะนาย อีกไม่กี่วันฉันจะเก็บของหนีหนาวไปศรีนากาแล้วนะ นายมายเฟรนด์"
ผมเลยบอกไปว่า ไอไม่รู้จัก แพชมิน่า เลย ไอจะรู้ได้ยังไง ว่า ไอ้นี่เป็นแพชมิน่าจริง
"ยู แคน ทรัสต์ มี มายเฟรนด์" (คุณเชื่อใจผมได้ คุณเป็นเพื่อนโผมม)
หลังจากต่อรองอีกสักพัก
พวกเราจึง
...เดินออกจากร้าน ไปหาที่อื่นต่อคับ
จากนั้นเราจึงแวะร้านใหญ่ไฮโซ ที่ดำเนินการขายโดยแขกหนุ่มหน้าตาดี ในชุดอดิดาส
"พลีส คัม! ฮาว แคน ไอ เฮลป์ ยู"
เราจึงบอกความประสงค์ของเราไป
แขกหนุ่มจึงจัดการวางผ้าสามผืน ไว้ตรงหน้าเรา แล้วบอกว่า
"อีนี้ อันนี้ คือ 100% pashmina 80%pashmina 70%pashmina"
"ราคา หกพัน สี่พัน และสามพันรูปี จ่ะนายจ๋า"
(ระหว่างที่มันยื่นให้ผ้าชิ้นนึงเกี่ยวกับเสื้อกันหนาวผมส่วนที่เป็นตีนตุ๊กแก จนเส้นใยลุ่ยออกมาเล็กน้อย แขกหนุ่มตกใจมาก แน่นอนว่าผมทำเป็นไม่สนใจ เหมือนผมไม่ผิด ๕๕๕)
พวกเราสามคนจึงได้สัมผัส 100% แพชมิน่าของแท้และแน่นอน
ความคิดแวบแรกของผมคือ อยากเอาไปกระแทกหน้าไอ้แขกขายผ้า ทรัสมีมายเฟรนด์
เพราะ ที่ร้านทรัสมี

เป็นผ้าคนละแบบโดยสิ้นเชิงกับ 100% pashmina
เหตุที่ผมรู้ เพราะบ้านอาม่าทำอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้ามากกว่า สี่สิบห้าสิบปี ผมเกิดและโตบนกองผ้าตั้งแต่ไข่ยังลงไม่ครบสองข้าง
๕๕๕ ผมโม้นะ ถึงแม้บ้านอาม่าจะผลิตเสื้อผ้าจริงๆ แต่ผมไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้หรอก
สรุปว่า ต่อให้สลิ่มมาจากประเทศไหน หากมือไม่ด้วนหรือปลายประสาทไม่เสีย ก็สามารถแยกได้ง่ายๆ เพราะ pashmina 100 มันนุ่ม ลื่นโครสๆ
เราเลยกับ แขกหนุ่มว่า ไม่เห็นผ้าไม่เห็นเหมือนกันกับร้านทรัสมีเลย
แขกหนุ่มบอกว่า "อีนี่ อย่าไปเชื่อ ร้านเล็กๆพวกนั้น ช้านไม่แนะนำให้ไปร้านพวกนั้นเลย เพราะไม่มีมาตรฐาน นายไม่มีทางหาแพชมิน่า 100 ได้ที่ราคาสองพันรูปีแน่ๆ นายจ๋า มายเฟรนด์"
"ดูนี่สินายจ๋า"
แขกหนุ่ม ว่าพลางถอดแหวนออกมาแสดงมายากล
ขายผ้าเอาแหวนลอด
ผ้า 100% pashmina ลอดแหวนวงเล็กๆ ไปแบบสบายๆ ขณะที่ 80% pashmina ลอดไปแบบตะกุกตะกัก ส่วนผ้าแบบอื่นลอดไม่ได้เลย
โอ้วว มายก๊อดดดดดด
pashmina มันเจ๋งแบบนี้นี่เอง สลื่มสามตัวตกตะลึงด้วยความตกใจ และตื้นตันใจ
โหน่งไม่รีรอ รีบต่อและจัด 100% pashmina ในราคา 4500 รูปี มาคล้องคอเล่น
ส่วนผมกับพีร์ทำท่าทีอิดออด เพราะในจริงก็ไม่ได้อยากได้ผ้าพันคอมากขนาดนั้น แถมคิดแล้ว ผ้าพันคอแม่.ราคาสามพันกว่าแม่.แพงเกิน
เลยโดนแขกหนุ่มด่า
"ฮี แฮส อะ กุ๊ด ไมน์(หันหน้าไปทางไอ้โหน่ง) . ไอ นอท มีน ยู ทู ด้อนท์ แฮฟ อะ กู๊ด ไมน์ บัท ยู ด็อนท์ แฮฟ อะ กุ๊ดไมน์ ออน ดีส(ชี้ไปทางผ้าพันคอ)"
เป็นการพูดด่าเป็นนัยว่า "ไอ้หน้าโง่"
"ถ้าอีนี่ซื้อไว้ ปีหน้าอีนี่มาเลห์อีกครั้ง เอามาขายเราคืน เราให้เงินคืนสองเท่าเลยนายจ๋า ของพวกนี้ ยิ่งเก่ายิ่งแพงนะนายจ๋า"
แต่ผมกับพีร์ยังไม่ค่อยอยากได้อยู่ดี
แขกหนุ่มเลย ควักไม้ตายออกมา
"ดิส อิส อุงกุล่า"
หรือผ้าพันคอขนกระต่าย หน้าตาไม่แตกต่างจาก pashmina 100% ของไอโหน่ง แถมผมกับพีร์ สัมผัสแล้วไม่สามารถแยกได้ว่า มันแตกต่างกันยังไง
"ดิสวัน 3500"
ผมเลยถามว่า มันแตกต่างกันไงฟระ
มันเลยบอกให้ผมดม ปรากฏว่า pashmina 100 นั้น ไม่มีกลิ่น ส่วนอันนี้มีกลิ่นฉุนๆ หน่อย แขกหนุ่มบอกว่า นี่คือ กลิ่นกระต่าย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ากลิ่นกระต่ายเป็นยังไง เพราะไม่เคยเลี้ยง เคยแต่เลี้ยงเม่นกับหมา และปลากัด ไม่มีสัตว์ชนิดไหนที่เลี้ยงมีกลิ่นคล้ายแบบนี้
เราสองคนเลยต่อ สองผืน ห้าพันสอง เลยได้ผ้าพันคอขนกระต่ายมาด้วยเหตุนี้
(สุดท้ายก็โดนมันจนได้)
จากนั้นก็เลยเดินไปขึ้นพระราชวังเลห์ ระหว่างทางไอโหน่ง ดมผ้าพันคอของมันตลอดเวลา ประสาทหนัก
ขากลับ ผมเลยจะเดินหากางเกงเป็นของฝาก
จู่ ก็ได้ยินภาษคุ้นเคย ที่สำเนียงไม่คุ้นหู
"สวัสดี ค้าบ คนไทยรึเปล่า ค้าบ"
คนหน้าเจ้าเลห์ ออกมาจากร้านขายกางเกง ที่ดูอยู่ ชักชวนให้เราเข้าไป
เค้าบอกว่า ตัวเองทำธุรกิจที่เมืองไทยมาเจ็ดปี เลยพูดได้ฟังได้นิดหน่อย
โหน่งเริ่มถามถึงผ้าพันคอ ว่าราคาเท่าไหร่
ลุงแกเลยบอกว่า สองพันสอง แพชมิน่า ร้อยเปอร์เซนต์(อีกแล้ว)
ด้วยความสงสัยของไอโหน่ง มันเลยอยากถามเรื่อง แพชมิน่าจริง แพชมิน่าปลอม และราคา ว่ามันเปนไงมาไงกันแน่
ส่วนผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะกลัวรู้แล้วแซ้ด
แต่สุดท้ายก็ให้ไอ้โหน่งถามไป
ไอโหน่ง ยื่นแพชมิน่าของมันออกมา เจ้าของร้านถามมันว่า อันนี้ น่าจะซื้อมาห้าหกพันนะเนี่ย พอโหน่งบอกสี่พันห้ารูปี ลุงเลยบลั๊ฟทันที ที่ร้านขายสี่พัน
ส่วนของผมกับไอ้พีร์ ตอนแรกลุงประเมินว่า อันนี้น่าจะสี่พัน (ภูมิใจเล็กน้อย) แต่พอบอกซื้อมาสองพันหก ลุงเลยบลั๊ฟว่าที่ร้านขาย สองพันสอง
ลุงได้คลายข้อสงสัยเรื่องขนกระต่าย บอกว่าของผมกับพีร์เนี่ย เป็นแพชมิน่าร้อย ไม่ใช่ขนกระต่ายแน่ๆ พร้อมเอาขนกระต่ายลงมาให้ดู ซึ่งมันก็เป็นผ้าคนละเนื้อผ้า แถมขนกระจ่ายยังหลุดลุ่ยกระจุยง่ายอีกด้วย ซึ่งไม่เหมือนของเราเลย
เราเลยถามว่า ของผมกะโหน่งนี่มันต่างกันไง ลุงบอกว่า ของโหน่ง เอาขนแพะส่วนเคราะมา ส่วนของผมเนี่ย เอาตรงตัว
โอ้วววว แค่เครา กับตัวแม่.ต่างกันขนาดนี้เลยหรือเนี่ย
ลุงยังโชว์ แพชมิน่า 80 ราคาห้าร้อยรูปี ซึ่งนิ่มมากๆ พร้อมโชว์มายากล ลอดแหวนแบบสบายๆ
สรุปว่า โดนไอ้แขกหลอกเรื่องลอดแหวนซะแล้ว เซ็งเป็ดครับ เจอมายากลแขกเข้าไปถึงกับหลง
สุดท้ายลุงเอาผ้าแพชมิน่า แบบแพงโครส สามหมื่นรูปี มาให้เราลองจับเป็นขวัญตา
พอจับดูตอนแรกไม่รู้สึกแตกต่างอะไร พอบอกราคาแล้วรู้สึกผ้ามันนิ่มลงนิดๆว่ะ ๕๕๕
บอกว่า อันนี้ เอามาจากแพะแพชมิน่าภูเขา กินหิมะเป็นอาหาร (เรื่องราวแม่.เข้าใกล้นิยายมังกรหยกขึ้นทุกที)
บอกอันนี้ อีกสิบปีราคาดับเบิ้ลไพรซ์นะ
คิดถึง ไอ้ที่แขกหนุ่มหลอกว่าปีนี่ราคาเบิ้ลสองเท่า

หลอกตรูอีกแล้วววววว
สุดท้ายเราก็เลยซื้อ ผ้าพันคอราคาห้าร้อยอีกคนละอันสองอัน ที่มันลอดแหวนได้น่ะ เอาไปหลอกคนต่อ ๕๕๕
สุดท้าย มาที่นี่ ถ้าอยากสบายใจ อย่าซื้อ pashmina เลยนะ งง

หลอกไปหลอกมา สุดท้ายไม่รู้ไอ้ลุงนี่หลอกผมด้วยรึเปล่า
ใช้วิจารณญาณรับชมกันเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม
pashmina กับ Kashmier เป็นผ้าชนิดเดียวกัน แต่ Kashmier เหมือนจะเป็นยี่ห้อ แบบ แฟ้บ ที่เท่ากับผงซักฟอก อะไรยังงี้มากกว่า
แพะ Pashmina อาศัยอยู่บนที่สูงหรืออากาศหนาวมากๆ เท่านั้น เลยจะเลี้ยงได้แค่ แถบเลห์ ลาดักห์ เนปาล ทิเบต มองโกลเลีย
(ทริปนี้เราได้เจอแพะพวกนี้ด้วย เลยมั่นใจว่า มาที่ถูกแล้ว๕๕๕)
อ่านข้อมูลเค้าบอกว่า ผ้า pashmina ร้อยเปอร์เซนต์ไม่มี เพราะตัวเส้นขนมันเล็กมาก ปั่นเป็นผ้าไม่ได้
ราคาแพชมิน่าจะประมาณ 3000-8000 รูปี ต่ำกว่านี้มากๆ สงสัยไว้ก่อนว่าโดนหลอก
ขออนุญาตแท็กห้องเครื่องแป้งด้วย เพราะ เคยเห็นแพชมิน่าที่ขายในไทย ตามจตุจักรอะไรพวกนั้น ปลอมทุกอัน ไม่มีของจริง
โดยเฉพาะ ขายไม่กี่ร้อยไม่ใช่แน่ๆครับ
[CR] โดนคนเจ้าเลห์ หลอกให้ซื้อ PASHMNINA
หลอก1 ส่งเกรียน ไปเสี้ยมที่อินเดียhttp://pantip.com/topic/30337507" rel="nofollow" > http://pantip.com/topic/30337507
หลอก 2 ส่งเกรียน ไปแซ้บบนถนนอินเดีย http://pantip.com/topic/30337841
หลอก3 ส่งเกรียน ไปโดนต้ม http://pantip.com/topic/30337974
หลอก4 ส่งเกรียน ไปโดนเจี๋ยนที่แคชเมียร์ http://pantip.com/topic/30338090
หลอก5 ส่งเกรียน ไปโดนเจี๋ยนที่แคชเมียร์2 http://pantip.com/topic/30341202
หลอก6 ไฝ้ว์กับแขกเกรียนจอมแซงคิว ที่กุลมาร์กhttp://pantip.com/topic/30344483" rel="nofollow" > http://pantip.com/topic/30344483
หลอก 7 โซนามาร์ก http://pantip.com/topic/30532771
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพียงพริบตาเดียวครับ (แต่นั่งรถจนตูดเป็น แผลกดทับ)เราก็มาอยู่ที่เลห์ โอเอซิส กลางภูเขาทะเลทราย
คือ เลห์เป็นจุดสีเขียวเล็กๆใน ทะเลทรายแห่งนี้ เพราะมีแม่น้ำไหลผ่าน แม่น้ำก็ไหลมาจากภูเขาหิมะนั่นแหละ ไม่ได้ผุดมาจากตาน้ำที่ไหน
คนที่นี่หน้าตาไม่เหมือนแขกแล้วครับ
คือถ้าเทียบ
นิวเดลี หน้าตาจะเป็นแขกอาบังขายถั่ว
ศรีนากา หน้าตาเป็นแขกอาหรับ ขาวๆหน่อย
ที่นี่หน้าตาจะทิเบตๆ ออกแนว ชาวไทยภูเขา ม้งแม้ว (ไม่การเมืองนะครับมู้นี้)
แต่ไม่ได้ขาวแบบ เจ้าชายจิ๊กมี่นะ ที่นี่หน้าตากร้านแดดกันทั้งนั้น (จริงๆแล้วภูฎานก็หน้ากร้านแดดเหมือนกัน เพียงแต่เจ้าชายจิ๊กมี่คงไม่ต้องไปตากแดด)
เราไปพักที่โฮเต็ล Mahek ซึ่งตอนที่ขับรถมาจากศรีนากา มูซาน โชเฟอร์พูดน้อยของเรา พยักหน้างึกงักเหมือนจะรู้จัก
แต่จริงๆแล้ว ตอนแรกที่เราฟังจาก อาจ๊าด เราได้ยินเป็น Hotel Max แม่.กระดกลิ้นตรงตัวเอ็มนิดเดียวๆจริง
ทำให้กว่าจะหาโรงแรมเจอ ก็ตกเย็นพอดี ที่พักที่นี่ถูกมาก สามคน ห้าร้อยรูปี มีพร้อมทั้ง ทีวีดัมมี่ ไฟสองดวง (รวมในห้องน้ำ) น้ำอุ่น(แต่ที่นี่แค่อุ่นมันไม่พอจิงๆว่ะ)
มาถึงเลห์แล้ว เราคงข้ามเรื่องทะเลสาบปันกอง วัดเช วัดนู่นนี่ไป เพราะมันไม่สำคัญเท่าไหร่ หารีวิวที่ไหนก็ได้
ถึงเลห์ ต้องพูดถึง Pashmina shawl
หลายคนคงสงสัยว่า pashmina shawl คืออะไร ขอตอบแบบทุบดิน มันคือ ผ้าพันคอแพชมิน่า ไงล่ะ
สลิ่มไทยสามตัวจึงเดินท่องไปเสาะหา Pashmina shawl เพื่อเอากลับไปเป็นของฝากให้ทางบ้าน
เราหยุดที่ร้านขายผ้าพันคอเล็กๆร้านนึง
"ยูว้อนท์ วันฮันเดร็ด เปอร์เซน แพชหมี่น้า ดิสวัน ดิสวัน ทูเต้าสั่น ไฟว์ฮันเดร็ดรูปี"
เราทำหน้าลังเล เอาดีไม่เอาดี ขณะที่ แขกขายผ้า เริ่มดึงผ้าพันคอออกมาจากชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
"อีนี่ อันนี้ ห้าร้อยรูปี เท่านั้นนะจ๊ะ นาย มายเฟรนด์ อันนี้เป็นห้าสิบเปอร์เซนต์แพชมิน่า ห้าสิบเปอร์เซนต์วูลจ่ะนายมายเฟรนด์"
"ส่วนอันนี้ แปดร้อยรูปี จ่ะนายจ๋า 80% แพชมิน่า 20% silk"
"ส่วนอันนี้ อันนู้น อันนั้น ..."
"หรือจะชอบสีนู้น สีนั้น สีนี้"
แต่เรายังคงให้ความสนใจกับอันที่แพงที่สุดในร้าน สองพันห้าร้อยรูปี เพราะมีความเชื่อลึกๆว่าของแพงย่อมเป็นของดี
(แน่นอนว่าความเชื่อนี้ อย่าได้เอามาใช้ในอินเดีย)
"พลีส เทลมี ฮาวมัชยูว้อนทู เป ออน ดีสส"
แขกขายผ้า เริ่มล่อหลอกสลิ่มไทย ให้หลงเชื่อ แต่เนื่องจากเราผ่านร้อน(ที่เดลี)ผ่านหนาว(ที่ศรีนากา) มามากแล้ว
"ไฟว์ฮันเด็ด"
บอกราคาแบบไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากการเดินทาง
"โน โน โน อีนี่ ฉานให้นายไม่ได้หรอกนะจ๊ะนาย นี่มัน แพชมิน่าแท้นะนาย"
"อีนี่ ฉ้านลดให้ พันแปดร้อยรูปี นี่อีนี่ ฉานลดสุดๆแล้วนะนาย อีกไม่กี่วันฉันจะเก็บของหนีหนาวไปศรีนากาแล้วนะ นายมายเฟรนด์"
ผมเลยบอกไปว่า ไอไม่รู้จัก แพชมิน่า เลย ไอจะรู้ได้ยังไง ว่า ไอ้นี่เป็นแพชมิน่าจริง
"ยู แคน ทรัสต์ มี มายเฟรนด์" (คุณเชื่อใจผมได้ คุณเป็นเพื่อนโผมม)
หลังจากต่อรองอีกสักพัก
พวกเราจึง
...เดินออกจากร้าน ไปหาที่อื่นต่อคับ
จากนั้นเราจึงแวะร้านใหญ่ไฮโซ ที่ดำเนินการขายโดยแขกหนุ่มหน้าตาดี ในชุดอดิดาส
"พลีส คัม! ฮาว แคน ไอ เฮลป์ ยู"
เราจึงบอกความประสงค์ของเราไป
แขกหนุ่มจึงจัดการวางผ้าสามผืน ไว้ตรงหน้าเรา แล้วบอกว่า
"อีนี้ อันนี้ คือ 100% pashmina 80%pashmina 70%pashmina"
"ราคา หกพัน สี่พัน และสามพันรูปี จ่ะนายจ๋า"
(ระหว่างที่มันยื่นให้ผ้าชิ้นนึงเกี่ยวกับเสื้อกันหนาวผมส่วนที่เป็นตีนตุ๊กแก จนเส้นใยลุ่ยออกมาเล็กน้อย แขกหนุ่มตกใจมาก แน่นอนว่าผมทำเป็นไม่สนใจ เหมือนผมไม่ผิด ๕๕๕)
พวกเราสามคนจึงได้สัมผัส 100% แพชมิน่าของแท้และแน่นอน
ความคิดแวบแรกของผมคือ อยากเอาไปกระแทกหน้าไอ้แขกขายผ้า ทรัสมีมายเฟรนด์
เพราะ ที่ร้านทรัสมี
เหตุที่ผมรู้ เพราะบ้านอาม่าทำอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้ามากกว่า สี่สิบห้าสิบปี ผมเกิดและโตบนกองผ้าตั้งแต่ไข่ยังลงไม่ครบสองข้าง
๕๕๕ ผมโม้นะ ถึงแม้บ้านอาม่าจะผลิตเสื้อผ้าจริงๆ แต่ผมไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้หรอก
สรุปว่า ต่อให้สลิ่มมาจากประเทศไหน หากมือไม่ด้วนหรือปลายประสาทไม่เสีย ก็สามารถแยกได้ง่ายๆ เพราะ pashmina 100 มันนุ่ม ลื่นโครสๆ
เราเลยกับ แขกหนุ่มว่า ไม่เห็นผ้าไม่เห็นเหมือนกันกับร้านทรัสมีเลย
แขกหนุ่มบอกว่า "อีนี่ อย่าไปเชื่อ ร้านเล็กๆพวกนั้น ช้านไม่แนะนำให้ไปร้านพวกนั้นเลย เพราะไม่มีมาตรฐาน นายไม่มีทางหาแพชมิน่า 100 ได้ที่ราคาสองพันรูปีแน่ๆ นายจ๋า มายเฟรนด์"
"ดูนี่สินายจ๋า"
แขกหนุ่ม ว่าพลางถอดแหวนออกมาแสดงมายากล
ขายผ้าเอาแหวนลอด
ผ้า 100% pashmina ลอดแหวนวงเล็กๆ ไปแบบสบายๆ ขณะที่ 80% pashmina ลอดไปแบบตะกุกตะกัก ส่วนผ้าแบบอื่นลอดไม่ได้เลย
โอ้วว มายก๊อดดดดดด
pashmina มันเจ๋งแบบนี้นี่เอง สลื่มสามตัวตกตะลึงด้วยความตกใจ และตื้นตันใจ
โหน่งไม่รีรอ รีบต่อและจัด 100% pashmina ในราคา 4500 รูปี มาคล้องคอเล่น
ส่วนผมกับพีร์ทำท่าทีอิดออด เพราะในจริงก็ไม่ได้อยากได้ผ้าพันคอมากขนาดนั้น แถมคิดแล้ว ผ้าพันคอแม่.ราคาสามพันกว่าแม่.แพงเกิน
เลยโดนแขกหนุ่มด่า
"ฮี แฮส อะ กุ๊ด ไมน์(หันหน้าไปทางไอ้โหน่ง) . ไอ นอท มีน ยู ทู ด้อนท์ แฮฟ อะ กู๊ด ไมน์ บัท ยู ด็อนท์ แฮฟ อะ กุ๊ดไมน์ ออน ดีส(ชี้ไปทางผ้าพันคอ)"
เป็นการพูดด่าเป็นนัยว่า "ไอ้หน้าโง่"
"ถ้าอีนี่ซื้อไว้ ปีหน้าอีนี่มาเลห์อีกครั้ง เอามาขายเราคืน เราให้เงินคืนสองเท่าเลยนายจ๋า ของพวกนี้ ยิ่งเก่ายิ่งแพงนะนายจ๋า"
แต่ผมกับพีร์ยังไม่ค่อยอยากได้อยู่ดี
แขกหนุ่มเลย ควักไม้ตายออกมา
"ดิส อิส อุงกุล่า"
หรือผ้าพันคอขนกระต่าย หน้าตาไม่แตกต่างจาก pashmina 100% ของไอโหน่ง แถมผมกับพีร์ สัมผัสแล้วไม่สามารถแยกได้ว่า มันแตกต่างกันยังไง
"ดิสวัน 3500"
ผมเลยถามว่า มันแตกต่างกันไงฟระ
มันเลยบอกให้ผมดม ปรากฏว่า pashmina 100 นั้น ไม่มีกลิ่น ส่วนอันนี้มีกลิ่นฉุนๆ หน่อย แขกหนุ่มบอกว่า นี่คือ กลิ่นกระต่าย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ากลิ่นกระต่ายเป็นยังไง เพราะไม่เคยเลี้ยง เคยแต่เลี้ยงเม่นกับหมา และปลากัด ไม่มีสัตว์ชนิดไหนที่เลี้ยงมีกลิ่นคล้ายแบบนี้
เราสองคนเลยต่อ สองผืน ห้าพันสอง เลยได้ผ้าพันคอขนกระต่ายมาด้วยเหตุนี้
(สุดท้ายก็โดนมันจนได้)
จากนั้นก็เลยเดินไปขึ้นพระราชวังเลห์ ระหว่างทางไอโหน่ง ดมผ้าพันคอของมันตลอดเวลา ประสาทหนัก
ขากลับ ผมเลยจะเดินหากางเกงเป็นของฝาก
จู่ ก็ได้ยินภาษคุ้นเคย ที่สำเนียงไม่คุ้นหู
"สวัสดี ค้าบ คนไทยรึเปล่า ค้าบ"
คนหน้าเจ้าเลห์ ออกมาจากร้านขายกางเกง ที่ดูอยู่ ชักชวนให้เราเข้าไป
เค้าบอกว่า ตัวเองทำธุรกิจที่เมืองไทยมาเจ็ดปี เลยพูดได้ฟังได้นิดหน่อย
โหน่งเริ่มถามถึงผ้าพันคอ ว่าราคาเท่าไหร่
ลุงแกเลยบอกว่า สองพันสอง แพชมิน่า ร้อยเปอร์เซนต์(อีกแล้ว)
ด้วยความสงสัยของไอโหน่ง มันเลยอยากถามเรื่อง แพชมิน่าจริง แพชมิน่าปลอม และราคา ว่ามันเปนไงมาไงกันแน่
ส่วนผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะกลัวรู้แล้วแซ้ด
แต่สุดท้ายก็ให้ไอ้โหน่งถามไป
ไอโหน่ง ยื่นแพชมิน่าของมันออกมา เจ้าของร้านถามมันว่า อันนี้ น่าจะซื้อมาห้าหกพันนะเนี่ย พอโหน่งบอกสี่พันห้ารูปี ลุงเลยบลั๊ฟทันที ที่ร้านขายสี่พัน
ส่วนของผมกับไอ้พีร์ ตอนแรกลุงประเมินว่า อันนี้น่าจะสี่พัน (ภูมิใจเล็กน้อย) แต่พอบอกซื้อมาสองพันหก ลุงเลยบลั๊ฟว่าที่ร้านขาย สองพันสอง
ลุงได้คลายข้อสงสัยเรื่องขนกระต่าย บอกว่าของผมกับพีร์เนี่ย เป็นแพชมิน่าร้อย ไม่ใช่ขนกระต่ายแน่ๆ พร้อมเอาขนกระต่ายลงมาให้ดู ซึ่งมันก็เป็นผ้าคนละเนื้อผ้า แถมขนกระจ่ายยังหลุดลุ่ยกระจุยง่ายอีกด้วย ซึ่งไม่เหมือนของเราเลย
เราเลยถามว่า ของผมกะโหน่งนี่มันต่างกันไง ลุงบอกว่า ของโหน่ง เอาขนแพะส่วนเคราะมา ส่วนของผมเนี่ย เอาตรงตัว
โอ้วววว แค่เครา กับตัวแม่.ต่างกันขนาดนี้เลยหรือเนี่ย
ลุงยังโชว์ แพชมิน่า 80 ราคาห้าร้อยรูปี ซึ่งนิ่มมากๆ พร้อมโชว์มายากล ลอดแหวนแบบสบายๆ
สรุปว่า โดนไอ้แขกหลอกเรื่องลอดแหวนซะแล้ว เซ็งเป็ดครับ เจอมายากลแขกเข้าไปถึงกับหลง
สุดท้ายลุงเอาผ้าแพชมิน่า แบบแพงโครส สามหมื่นรูปี มาให้เราลองจับเป็นขวัญตา
พอจับดูตอนแรกไม่รู้สึกแตกต่างอะไร พอบอกราคาแล้วรู้สึกผ้ามันนิ่มลงนิดๆว่ะ ๕๕๕
บอกว่า อันนี้ เอามาจากแพะแพชมิน่าภูเขา กินหิมะเป็นอาหาร (เรื่องราวแม่.เข้าใกล้นิยายมังกรหยกขึ้นทุกที)
บอกอันนี้ อีกสิบปีราคาดับเบิ้ลไพรซ์นะ
คิดถึง ไอ้ที่แขกหนุ่มหลอกว่าปีนี่ราคาเบิ้ลสองเท่า
สุดท้ายเราก็เลยซื้อ ผ้าพันคอราคาห้าร้อยอีกคนละอันสองอัน ที่มันลอดแหวนได้น่ะ เอาไปหลอกคนต่อ ๕๕๕
สุดท้าย มาที่นี่ ถ้าอยากสบายใจ อย่าซื้อ pashmina เลยนะ งง
ใช้วิจารณญาณรับชมกันเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม
pashmina กับ Kashmier เป็นผ้าชนิดเดียวกัน แต่ Kashmier เหมือนจะเป็นยี่ห้อ แบบ แฟ้บ ที่เท่ากับผงซักฟอก อะไรยังงี้มากกว่า
แพะ Pashmina อาศัยอยู่บนที่สูงหรืออากาศหนาวมากๆ เท่านั้น เลยจะเลี้ยงได้แค่ แถบเลห์ ลาดักห์ เนปาล ทิเบต มองโกลเลีย
(ทริปนี้เราได้เจอแพะพวกนี้ด้วย เลยมั่นใจว่า มาที่ถูกแล้ว๕๕๕)
อ่านข้อมูลเค้าบอกว่า ผ้า pashmina ร้อยเปอร์เซนต์ไม่มี เพราะตัวเส้นขนมันเล็กมาก ปั่นเป็นผ้าไม่ได้
ราคาแพชมิน่าจะประมาณ 3000-8000 รูปี ต่ำกว่านี้มากๆ สงสัยไว้ก่อนว่าโดนหลอก
ขออนุญาตแท็กห้องเครื่องแป้งด้วย เพราะ เคยเห็นแพชมิน่าที่ขายในไทย ตามจตุจักรอะไรพวกนั้น ปลอมทุกอัน ไม่มีของจริง
โดยเฉพาะ ขายไม่กี่ร้อยไม่ใช่แน่ๆครับ