สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ดิฉันเพิ่งไปงานแต่งงานประเทศที่พัฒนาแล้ว
นอกจากคุณภาพของภาพพรีเว้ดดิ้งสู้เราไม่ได้ ราคาสูงกว่ามาก
แถมงานก็ใหญ่ ต้องซ้อมเดินก่อนเข้างาน เพื่อนเจ้าบ่าว เจ้าสาวต้องแต่งตัวเหมือนกัน ผ้าม้วนเดียวกัน
แม่เจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ละครอบครัวจัดเต็ม แถมมีงานทั้งเลี้ยงก่อนงานจริง และเลี้ยงขอบคุณหลังเลิกงาน
บาร์ก็ต้องเปิดให้มีดริ้งค์ฟรี จนกว่าแขกจะหมด
แถมเวลาใส่ซอง ต้องมีระบุว่าอย่างน้อยกี่ร้อยเหรียญ ตามหัวคนที่ไป ต้องใส่ให้มากกว่าราคาอาหารที่จัดเลี้ยง
คิดดูว่านอกจากคุณจะเสียค่าเครื่องบินไปแล้ว ยังต้องใส่ซองสามสี่พัน มันถูกตรงไหน
เราว่า จัดเมืองไทยใหญ่แค่ไหนก็ถูกกว่าจัดในประเทศที่พัฒนาแล้วค่ะ
และไม่ว่าคุณจะจัดที่ไหน มันอยู่ที่คู่ของคุณ และครอบครัวของเขา ว่าอยากจะจัดแบบเรียบง่าย หรือจะหรูดูดีมีให้อวดมากกว่า
ไม่ได้อยู่ที่เชื้อชาติเลยจริงๆ
ป.ล. แฟนเราบอกว่า เพื่อนสาวๆ เวลาแต่งงาน ถ้างานที่แล้วเจ้าบ่าวขี่ม้าเข้างาน งานถัดมาต้องมีช้าง และถัดมาอีกงานโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์
เอิ่ม... แล้วชั้นยังไม่แต่ง ต้องให้เจ้าบ่าวชั้นนั่งกระสวยอวกาศลงมาที่งานมั้ย ตาย ตาย ตายยยย.... (เหตุเกิดแถวขั้วโลกเหนือค่ะ)
นอกจากคุณภาพของภาพพรีเว้ดดิ้งสู้เราไม่ได้ ราคาสูงกว่ามาก
แถมงานก็ใหญ่ ต้องซ้อมเดินก่อนเข้างาน เพื่อนเจ้าบ่าว เจ้าสาวต้องแต่งตัวเหมือนกัน ผ้าม้วนเดียวกัน
แม่เจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ละครอบครัวจัดเต็ม แถมมีงานทั้งเลี้ยงก่อนงานจริง และเลี้ยงขอบคุณหลังเลิกงาน
บาร์ก็ต้องเปิดให้มีดริ้งค์ฟรี จนกว่าแขกจะหมด
แถมเวลาใส่ซอง ต้องมีระบุว่าอย่างน้อยกี่ร้อยเหรียญ ตามหัวคนที่ไป ต้องใส่ให้มากกว่าราคาอาหารที่จัดเลี้ยง
คิดดูว่านอกจากคุณจะเสียค่าเครื่องบินไปแล้ว ยังต้องใส่ซองสามสี่พัน มันถูกตรงไหน
เราว่า จัดเมืองไทยใหญ่แค่ไหนก็ถูกกว่าจัดในประเทศที่พัฒนาแล้วค่ะ
และไม่ว่าคุณจะจัดที่ไหน มันอยู่ที่คู่ของคุณ และครอบครัวของเขา ว่าอยากจะจัดแบบเรียบง่าย หรือจะหรูดูดีมีให้อวดมากกว่า
ไม่ได้อยู่ที่เชื้อชาติเลยจริงๆ
ป.ล. แฟนเราบอกว่า เพื่อนสาวๆ เวลาแต่งงาน ถ้างานที่แล้วเจ้าบ่าวขี่ม้าเข้างาน งานถัดมาต้องมีช้าง และถัดมาอีกงานโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์
เอิ่ม... แล้วชั้นยังไม่แต่ง ต้องให้เจ้าบ่าวชั้นนั่งกระสวยอวกาศลงมาที่งานมั้ย ตาย ตาย ตายยยย.... (เหตุเกิดแถวขั้วโลกเหนือค่ะ)
ความคิดเห็นที่ 22
ผมเห็นมาหลายงานแล้ว คือเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้อยากจัดใหญ่ๆเลย แต่....
พ่อแม่น่ะแหละอยากจัดใหญ่ เชิญแขกมาบานเลย เชื่อดิหลายคนเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ แถมพ่อแม่ขึ้นเวที พูดๆๆๆๆๆๆ
ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลย แต่พูดเรื่องงานของตัวเองน่ะแหละ อารมณ์ใช้โอกาสนี้เลี้ยงขอบคุุณลูกค้า ไรแบบนี้
พ่อแม่น่ะแหละอยากจัดใหญ่ เชิญแขกมาบานเลย เชื่อดิหลายคนเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ แถมพ่อแม่ขึ้นเวที พูดๆๆๆๆๆๆ
ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลย แต่พูดเรื่องงานของตัวเองน่ะแหละ อารมณ์ใช้โอกาสนี้เลี้ยงขอบคุุณลูกค้า ไรแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 28
เราว่าเรื่องนี้มันมีข้อต้องคิดหลายเรื่อง หลัก ๆ เลยก็ญาติพ่อแม่ คุณและคู่ของคุณนั่นแหละว่าจะเรื่องมากเรื่องน้อย อยากโชว์พาวมากหรือน้อย เราเอาประสบการณ์การจัดงานของเราเองแล้วกัน เราแต่งงานกับคนยุโรป ซึ่งมุมมองเรื่องการจัดงานแต่งต่างกับคนไทยมากกกกกกกกก
1. เชิญแขก
สามีเราอยากให้เราเชิญเฉพาะคนที่อยากเชิญและสำคัญกับเราจริง ๆ รู้จักจริง ๆ ซึ่งไม่ควรเกิน 100 คน (สำหรับฝรั่งถือว่าใหญ่มาก ส่วนใหญ่เฉลี่ยเค้าเชิญแขก 30-50 คน) แต่พ่อแม่เราแค่เพื่อนเค้ากับญาติที่เราไม่ค่อยสนิท ก็ไม่น่าต่ำกว่า 150 คนแล้ว เนี่ยยังไม่ได้รวมเพื่อนเรา เพื่อนเจ้าบ่าว คนที่ทำงานและอื่น ๆ ซึ่งของแบบนี้บางทีมันอยู่ที่เราทำงานอะไร ตำแหน่งอะร อย่างเราตอนที่แต่งงานมีลูกน้อง 100 คน เราไม่ได้เชิญลูกน้องค่ะ บอกไปเลยว่า เราจัดงานไม่ใหญ่ ทำให้เราเชิญคนได้จำกัด
2. เรื่องอาหารการกิน
คนไทยหลาย ๆ ครอบครัวที่เรารู้จัก หรือแม้แต่หลาย ๆ งานที่เราเคยไป ชอบสั่งอาหารมาน้อยกว่าแขก (งานแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหวังซอง) ซึ่งสามีเรารับไม่ได้มาก ๆ บอกว่าเหมือนไปหลอกหวังเงินแขก ซึ่งจริง ๆ มุมมองคนยุโรป งานฉลองคือมาร่วมแสดงความยินดี ไม่ใช่เชิญแขกมาเพื่อหวังเงิน ดังนั้นงานเราอู้ฟู้ อาหารเต็มที่ ไวน์เปิด Free Flow ตั้งแต่ทุ่มนึงยันตีสอง แต่คือมันเป็นงานที่เราสองคนอยากจัดแบบนี้ สามารถจัดงานแบบนี้ได้ โดยไม่ต้องยืมเงินใคร และไม่ได้หวังซองของใคร แค่อยากให้แขกที่มาประทับใจและสนุกกัน เพราะงานกลางคืนเราเชิญแขกแค่ 150 -170 คนเท่านั้น แต่ค่าอาหารอย่างเดียว ตกหัวละ 2500 บาทมั้ง ยังไม่รวมไวน์ที่เอามาจากยุโรป (ไม่ใช่อยากอวดรวย แต่ไวน์เอามาจากต่างประเทศ ถูกกว่าเมืองไทยมากมาย) วันนั้นเราเปิดไวน์ไปไม่น่าจะต่ำกว่า 120 ขวด และแชมเปญอีก 30 ขวด (เน้นกินดื่มจริง ๆ หุหุหุ)
ส่วนงานญาติ แบบไทยที่พ่อแม่ต้องการ เราจัดกลางวันค่ะ และไม่มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีแต่ญาติและเพื่อน พ่อแม่ ประมาณ 150 คน (บางส่วนที่เป็นฝรั่งไปงานกลางคืน ก็มาร่วมงานกลางวันด้วย) แขกบางคน เค้าก็บ่นนะคะ ว่าจัดกลางวันทำไม แขกไม่สะดวก (บ่าวสาวไม่สนใจค่ะ เพราะงานแต่งฉัน ความสะดวกของบ่าวสาวเป็นหลักหรือเปล่า) แขกพ่อแม่หลายคนอยากมางานกลางคืน ขนาดเราไปเชิญมางานกลางวัน ยังขอเรามางานกลางคืน เราก็ให้ค่ะ (กล้าขอก็กล้าให้) แต่เราก็บอกไปเลยว่า งานกลางคืนเราเสิร์ฟอาหารฝรั่งและเลี้ยงแบบฝรั่ง คือมาได้ แต่ถ้าไม่ถูกจริต จะไปบอกว่างานเราจัดไม่ดีไม่ได้นะคะ บางคนก็มาและชอบมากกกกกกกกกก (ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนแม่ที่ชินกับการออกงานสากล) แต่ก็มีอีกเหมือนกัน เพื่อนเราเองบางคน ไม่ชินกับงานสากล หรืองานของยุโรป ก็มาบ่นกับเราทีหลังเลยว่า อาหารออกช้าไปนะแก (คือของเราอาหารเริ่มตอน 20.30 เพราะก่อนนั้นเป็น Canape กับ ออร์เดิร์ฟ เราก็เลยต้องบอกให้เพื่อนไปอ่านในการ์ดเลยค่ะ ว่าเราจัดเลี้ยงแบบไหน และเดรสโคทเป็นอะไร
3. นิสัยของแขกที่เชิญมา
เมืองไทยเดายากมาก เพราะคนไทยไม่เคยยืนยันการเข้าร่วมงาน นึกอยากมากี่คนก็มา อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่บอกเจ้าภาพล่วงหน้า จริง ๆ ของเราตอนแรกจะจัด Sit Down Lunch กับ Dinner แบบประมาณ 7 - 9 คอร์ส แต่เพราะกลัวเรื่องแขกไม่คอนเฟิร์มเนี่ยแหละ เลยไม่กล้าจัด แขกกลางคืนไม่ยากส่วนใหญ่ เป็น Business Partners, เพื่อนร่วมงานเรา นายฝรั่ง เพื่อนต่างชาติของเราและสามีทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ ดังนั้นพวกนี้เค้ามีมารยาทสากลที่เค้าบอกล่วงหน้าอยู่แล้วมากี่คน ใครบ้าง แต่งานกลางวันปัญหาเยอะมาก บอกเราว่ามาประมาณ 130 คน แต่มาจริง เกือบ 200 คน ดีว่า โรงแรมไม่งกของ อาหารพอ (ตอนหลังเราจ่ายโรงแรมเพิ่มไป) และอย่างญาติเราบางคน ขอโทษมากันทั้งตระกูล แต่ใส่ซอง 500 บาท (มาคนเดียว ยังไม่คุ้มค่าอาหารเลยค่ะ) แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้อยู่แล้ว สามีเราเค้าไม่หวังด้วย
แต่งานเราเอาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้หรอก เพราะเจ้าบ่าวเค้าอยากได้แบบนี้ ตอนที่ได้เงินช่วยมา 300,000 บาท (ยังไม่ได้ 30% ของที่เสียค่าจัดงานไป) เจ้าบ่าวและพ่อแม่เจ้าบ่าวก็ดีใจ ตื้นตันกันจะแย่แล้ว เพราะประเพณีบ้านเค้าไม่มีหรอก ที่จะหวังซองจากแขก
เรากับสามีตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่จัดงานเลยค่ะ เบื่อ เราจัดงานให้เพื่อนบ่อยมาก เหนื่อยจะตาย แต่เพราะแม่เราเค้าอยากให้มีงานแต่ง สามีเราเค้าก็ทำเอาใจแม่เรา พวกเราก็อยู่กันมาก่อนซักพัก พอมีเงินก็ค่อยจัด
แต่ถ้าต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อโชว์พาว อันนี้ก็เยอะไปนิดนะเราว่า
ปล. แม้เราจะจัดงานแบบนี้ แต่ไม่มีสินสอดทองหมั้นนะคะ มีแค่แหวนหมั้นกับแหวนแต่่งงาน อย่างที่บอกว่า เอาเงินไปจ่ายค่าจัดงาน และพ่อแม่เราเค้าไม่ได้เรียกร้อง จัดงานเจ้าบ่าวก็จ่ายหมดอยู่แล้ว เงินซองเจ้าบ่าวไม่เอา ให้เรา เราก็ให้แม่เรา
1. เชิญแขก
สามีเราอยากให้เราเชิญเฉพาะคนที่อยากเชิญและสำคัญกับเราจริง ๆ รู้จักจริง ๆ ซึ่งไม่ควรเกิน 100 คน (สำหรับฝรั่งถือว่าใหญ่มาก ส่วนใหญ่เฉลี่ยเค้าเชิญแขก 30-50 คน) แต่พ่อแม่เราแค่เพื่อนเค้ากับญาติที่เราไม่ค่อยสนิท ก็ไม่น่าต่ำกว่า 150 คนแล้ว เนี่ยยังไม่ได้รวมเพื่อนเรา เพื่อนเจ้าบ่าว คนที่ทำงานและอื่น ๆ ซึ่งของแบบนี้บางทีมันอยู่ที่เราทำงานอะไร ตำแหน่งอะร อย่างเราตอนที่แต่งงานมีลูกน้อง 100 คน เราไม่ได้เชิญลูกน้องค่ะ บอกไปเลยว่า เราจัดงานไม่ใหญ่ ทำให้เราเชิญคนได้จำกัด
2. เรื่องอาหารการกิน
คนไทยหลาย ๆ ครอบครัวที่เรารู้จัก หรือแม้แต่หลาย ๆ งานที่เราเคยไป ชอบสั่งอาหารมาน้อยกว่าแขก (งานแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหวังซอง) ซึ่งสามีเรารับไม่ได้มาก ๆ บอกว่าเหมือนไปหลอกหวังเงินแขก ซึ่งจริง ๆ มุมมองคนยุโรป งานฉลองคือมาร่วมแสดงความยินดี ไม่ใช่เชิญแขกมาเพื่อหวังเงิน ดังนั้นงานเราอู้ฟู้ อาหารเต็มที่ ไวน์เปิด Free Flow ตั้งแต่ทุ่มนึงยันตีสอง แต่คือมันเป็นงานที่เราสองคนอยากจัดแบบนี้ สามารถจัดงานแบบนี้ได้ โดยไม่ต้องยืมเงินใคร และไม่ได้หวังซองของใคร แค่อยากให้แขกที่มาประทับใจและสนุกกัน เพราะงานกลางคืนเราเชิญแขกแค่ 150 -170 คนเท่านั้น แต่ค่าอาหารอย่างเดียว ตกหัวละ 2500 บาทมั้ง ยังไม่รวมไวน์ที่เอามาจากยุโรป (ไม่ใช่อยากอวดรวย แต่ไวน์เอามาจากต่างประเทศ ถูกกว่าเมืองไทยมากมาย) วันนั้นเราเปิดไวน์ไปไม่น่าจะต่ำกว่า 120 ขวด และแชมเปญอีก 30 ขวด (เน้นกินดื่มจริง ๆ หุหุหุ)
ส่วนงานญาติ แบบไทยที่พ่อแม่ต้องการ เราจัดกลางวันค่ะ และไม่มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีแต่ญาติและเพื่อน พ่อแม่ ประมาณ 150 คน (บางส่วนที่เป็นฝรั่งไปงานกลางคืน ก็มาร่วมงานกลางวันด้วย) แขกบางคน เค้าก็บ่นนะคะ ว่าจัดกลางวันทำไม แขกไม่สะดวก (บ่าวสาวไม่สนใจค่ะ เพราะงานแต่งฉัน ความสะดวกของบ่าวสาวเป็นหลักหรือเปล่า) แขกพ่อแม่หลายคนอยากมางานกลางคืน ขนาดเราไปเชิญมางานกลางวัน ยังขอเรามางานกลางคืน เราก็ให้ค่ะ (กล้าขอก็กล้าให้) แต่เราก็บอกไปเลยว่า งานกลางคืนเราเสิร์ฟอาหารฝรั่งและเลี้ยงแบบฝรั่ง คือมาได้ แต่ถ้าไม่ถูกจริต จะไปบอกว่างานเราจัดไม่ดีไม่ได้นะคะ บางคนก็มาและชอบมากกกกกกกกกก (ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนแม่ที่ชินกับการออกงานสากล) แต่ก็มีอีกเหมือนกัน เพื่อนเราเองบางคน ไม่ชินกับงานสากล หรืองานของยุโรป ก็มาบ่นกับเราทีหลังเลยว่า อาหารออกช้าไปนะแก (คือของเราอาหารเริ่มตอน 20.30 เพราะก่อนนั้นเป็น Canape กับ ออร์เดิร์ฟ เราก็เลยต้องบอกให้เพื่อนไปอ่านในการ์ดเลยค่ะ ว่าเราจัดเลี้ยงแบบไหน และเดรสโคทเป็นอะไร
3. นิสัยของแขกที่เชิญมา
เมืองไทยเดายากมาก เพราะคนไทยไม่เคยยืนยันการเข้าร่วมงาน นึกอยากมากี่คนก็มา อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่บอกเจ้าภาพล่วงหน้า จริง ๆ ของเราตอนแรกจะจัด Sit Down Lunch กับ Dinner แบบประมาณ 7 - 9 คอร์ส แต่เพราะกลัวเรื่องแขกไม่คอนเฟิร์มเนี่ยแหละ เลยไม่กล้าจัด แขกกลางคืนไม่ยากส่วนใหญ่ เป็น Business Partners, เพื่อนร่วมงานเรา นายฝรั่ง เพื่อนต่างชาติของเราและสามีทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ ดังนั้นพวกนี้เค้ามีมารยาทสากลที่เค้าบอกล่วงหน้าอยู่แล้วมากี่คน ใครบ้าง แต่งานกลางวันปัญหาเยอะมาก บอกเราว่ามาประมาณ 130 คน แต่มาจริง เกือบ 200 คน ดีว่า โรงแรมไม่งกของ อาหารพอ (ตอนหลังเราจ่ายโรงแรมเพิ่มไป) และอย่างญาติเราบางคน ขอโทษมากันทั้งตระกูล แต่ใส่ซอง 500 บาท (มาคนเดียว ยังไม่คุ้มค่าอาหารเลยค่ะ) แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้อยู่แล้ว สามีเราเค้าไม่หวังด้วย
แต่งานเราเอาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้หรอก เพราะเจ้าบ่าวเค้าอยากได้แบบนี้ ตอนที่ได้เงินช่วยมา 300,000 บาท (ยังไม่ได้ 30% ของที่เสียค่าจัดงานไป) เจ้าบ่าวและพ่อแม่เจ้าบ่าวก็ดีใจ ตื้นตันกันจะแย่แล้ว เพราะประเพณีบ้านเค้าไม่มีหรอก ที่จะหวังซองจากแขก
เรากับสามีตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่จัดงานเลยค่ะ เบื่อ เราจัดงานให้เพื่อนบ่อยมาก เหนื่อยจะตาย แต่เพราะแม่เราเค้าอยากให้มีงานแต่ง สามีเราเค้าก็ทำเอาใจแม่เรา พวกเราก็อยู่กันมาก่อนซักพัก พอมีเงินก็ค่อยจัด
แต่ถ้าต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อโชว์พาว อันนี้ก็เยอะไปนิดนะเราว่า
ปล. แม้เราจะจัดงานแบบนี้ แต่ไม่มีสินสอดทองหมั้นนะคะ มีแค่แหวนหมั้นกับแหวนแต่่งงาน อย่างที่บอกว่า เอาเงินไปจ่ายค่าจัดงาน และพ่อแม่เราเค้าไม่ได้เรียกร้อง จัดงานเจ้าบ่าวก็จ่ายหมดอยู่แล้ว เงินซองเจ้าบ่าวไม่เอา ให้เรา เราก็ให้แม่เรา
แสดงความคิดเห็น
ทำไมงานแต่งงานของคนไทยที่เป็นประเทศที่กำลังพัฒนา รายได้ก็ไม่ได้มาก ถึงต้องจัดงานใหญ่อลังการ ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วไม่ทำ