ต่อจากตอนที่แล้ว จากที่เรียนท่านไปแล้วว่าเงื่อนไขในการเจรจาประนอมหนี้ที่สถาบันการเงินจะรับพิจารณา โดยหลักจะมี 2 เงื่อนไข หลายท่านอาจจะเกิดข้อสงสัยอยู่ในใจว่าแล้วเงื่อนไขไหนมันดีกว่ากัน
การตอบคำถามดังกล่าวของท่าน ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินสดที่อยู่ในมือของท่าน โดยหากท่านมีเงินสดอยู่ในมือมากพอที่จะชำระหนี้ในจำนวนประมาณร้อยละ 40 - 50 ของยอดหนี้ตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง การชำระหนี้ให้กับโจทก์เป็นเงินก้อนครั้งเดียวจบ ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวท่านมากกว่า เพราะท่านจะได้รับส่วนลดยอดหนี้มากกว่า แต่ก็เชื่อว่าหากท่านมีเงินสดอยู่ในมือมากขนาดนั้น ท่านคงไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกสถาบันการเงินฟ้องเป็นคดีให้ปวดหัว
ในกรณีที่ท่านไม่มีเงินสดอยู่ในมือมากพอ ท่านก็จำเป็นที่จะต้องเลือกประนอมหนี้ด้วยเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ระยะยาว ข้อดีของการประนอมหนี้ด้วยเงื่อนไขนี้ก็คือในงวดแรกๆ ของการผ่อนชำระ สถาบันการเงินจะยอมให้ท่านผ่อนในจำนวนที่น้อย เช่น ยอมให้ผ่อนในจำนวนเดือนละพัน สองพัน สามพัน ทำให้ในช่วงนี้ ท่านยังพอมีเวลารวบรวมเงินทองเพื่อนำมาชำระให้กับสถาบันการเงินในงวดสุดท้าย
แต่หากท่านเลือกที่จะประนอมหนี้ด้วยเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ระยะยาว สิ่งที่ท่านจะต้องคำนึงในประการสำคัญก็คือ ท่านจะต้องมั่นใจว่าท่านสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามที่ตกลงไว้จนครบถ้วนทุกงวด เพราะหากในระหว่างระยะเวลาการผ่อนชำระ ท่านผิดนัดชำระหนี้งวดหนึ่งงวดใด โจทก์จะกลับมายึดยอดหนี้ตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง และโจทก์จะมีสิทธิบังคับคดีกับท่านได้ทันที
ยกตัวอย่างเช่น หากทุนทรัพย์ในคดีเป็นเงินต้น 100,000 บาท ดอกเบี้ย 40,000 บาท รวมเป็น 140,000 บาท โจทก์ตกลงลดยอดหนี้มาเหลือเฉพาะเงินต้น 100,000 บาท และให้จำเลยผ่อนชำระให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดระยะเวลา 3 ปี (36 งวด) โดยงวดที่ 1 ถึงงวดที่ 35 ผ่อนชำระงวดละ 2,000 บาท งวดที่ 36 จำนวน 30,000 บาท เมื่อจำเลยผ่อนชำระหนี้ครบถ้วนตามที่ตกลงกันนี้ ก็ถือว่าหนี้จำนวน 140,000 บาทเป็นอันจบกันไป แต่ถ้าหากจำเลยผิดนัดชำระหนี้งวดหนึ่งงวดใด เช่น ผิดนัดชำระหนี้ในงวดที่ 11 (หลังจากผ่อนชำระมาแล้ว 10 งวด เป็นเงิน 20,000 บาท) โจทก์และจำเลยจะต้องกลับไปผูกพันกันตามยอดหนี้ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่ฟ้อง คือยอดหนี้จำนวน 140,000 บาท โดยจะนำเงินที่จำเลยผ่อนชำระมาแล้วจำนวน 20,000 บาท ไปหักลบออกจากยอดหนี้จำนวน 140,000 บาท จึงเหลือยอดหนี้ที่จำเลยค้างชำระกับโจทก์อยู่อีก 120,000 บาท และโจทก์มีสิทธิที่จะบังคับคดีกับจำเลยได้ทันที
คราวหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้ กับการตอบคำถามที่ลูกหนี้มักจะสงสัยในคดีหนี้บัตรเครดิต เพิ่มเติมยังไง เมล์มาคุยกันครับ chitchaichinsunti@hotmail.com
ทำอย่างไรดี กับคดีหนี้บัตรเครดิต (ตอนที่ 6)
การตอบคำถามดังกล่าวของท่าน ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินสดที่อยู่ในมือของท่าน โดยหากท่านมีเงินสดอยู่ในมือมากพอที่จะชำระหนี้ในจำนวนประมาณร้อยละ 40 - 50 ของยอดหนี้ตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง การชำระหนี้ให้กับโจทก์เป็นเงินก้อนครั้งเดียวจบ ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวท่านมากกว่า เพราะท่านจะได้รับส่วนลดยอดหนี้มากกว่า แต่ก็เชื่อว่าหากท่านมีเงินสดอยู่ในมือมากขนาดนั้น ท่านคงไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกสถาบันการเงินฟ้องเป็นคดีให้ปวดหัว
ในกรณีที่ท่านไม่มีเงินสดอยู่ในมือมากพอ ท่านก็จำเป็นที่จะต้องเลือกประนอมหนี้ด้วยเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ระยะยาว ข้อดีของการประนอมหนี้ด้วยเงื่อนไขนี้ก็คือในงวดแรกๆ ของการผ่อนชำระ สถาบันการเงินจะยอมให้ท่านผ่อนในจำนวนที่น้อย เช่น ยอมให้ผ่อนในจำนวนเดือนละพัน สองพัน สามพัน ทำให้ในช่วงนี้ ท่านยังพอมีเวลารวบรวมเงินทองเพื่อนำมาชำระให้กับสถาบันการเงินในงวดสุดท้าย
แต่หากท่านเลือกที่จะประนอมหนี้ด้วยเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ระยะยาว สิ่งที่ท่านจะต้องคำนึงในประการสำคัญก็คือ ท่านจะต้องมั่นใจว่าท่านสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามที่ตกลงไว้จนครบถ้วนทุกงวด เพราะหากในระหว่างระยะเวลาการผ่อนชำระ ท่านผิดนัดชำระหนี้งวดหนึ่งงวดใด โจทก์จะกลับมายึดยอดหนี้ตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง และโจทก์จะมีสิทธิบังคับคดีกับท่านได้ทันที
ยกตัวอย่างเช่น หากทุนทรัพย์ในคดีเป็นเงินต้น 100,000 บาท ดอกเบี้ย 40,000 บาท รวมเป็น 140,000 บาท โจทก์ตกลงลดยอดหนี้มาเหลือเฉพาะเงินต้น 100,000 บาท และให้จำเลยผ่อนชำระให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดระยะเวลา 3 ปี (36 งวด) โดยงวดที่ 1 ถึงงวดที่ 35 ผ่อนชำระงวดละ 2,000 บาท งวดที่ 36 จำนวน 30,000 บาท เมื่อจำเลยผ่อนชำระหนี้ครบถ้วนตามที่ตกลงกันนี้ ก็ถือว่าหนี้จำนวน 140,000 บาทเป็นอันจบกันไป แต่ถ้าหากจำเลยผิดนัดชำระหนี้งวดหนึ่งงวดใด เช่น ผิดนัดชำระหนี้ในงวดที่ 11 (หลังจากผ่อนชำระมาแล้ว 10 งวด เป็นเงิน 20,000 บาท) โจทก์และจำเลยจะต้องกลับไปผูกพันกันตามยอดหนี้ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่ฟ้อง คือยอดหนี้จำนวน 140,000 บาท โดยจะนำเงินที่จำเลยผ่อนชำระมาแล้วจำนวน 20,000 บาท ไปหักลบออกจากยอดหนี้จำนวน 140,000 บาท จึงเหลือยอดหนี้ที่จำเลยค้างชำระกับโจทก์อยู่อีก 120,000 บาท และโจทก์มีสิทธิที่จะบังคับคดีกับจำเลยได้ทันที
คราวหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้ กับการตอบคำถามที่ลูกหนี้มักจะสงสัยในคดีหนี้บัตรเครดิต เพิ่มเติมยังไง เมล์มาคุยกันครับ chitchaichinsunti@hotmail.com