...ก็ต้องไปกันคนละทางกันแบบนี้แหละเน้อ (เรียกว่ายังไม่ทันปลงศพกัปตันคนเก่าเสร็จก็เตรียมตัวเก็บข้าวเก็บของแยกตัวกันเลยทีเดียว)
โดยรวมแล้วผมว่าเป็นตอนที่สร้างบรรยากาศเศร้าแกมอึดอัดได้พอดูเลยแฮะสำหรับตอนนี้ เนื้อเรื่องฉายให้เห็นฉากงานปลงศพกัปตันคนเก่าไปพร้อมๆ กับฉากคนที่อยากแยกตัวออกไปทยอยกันเดินขึ้นเรือที่จะแยกตัวออกไป ดูแล้วให้ความรู้สึกอึดอัดไม่แน่นอนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจริงๆ...ไม่ว่าจะสำหรับฝ่ายที่ยังคงอยู่บนการ์กันเทียหรือฝ่ายที่ขอแยกตัวออกไปก็เถอะ
ฉากปลงศพกัปตันคนเก่า โดยส่วนตัวแล้วผมว่าเป็นฉากที่ทำได้ดีจริงๆ ทั้งฉากทั้งเพลงประกอบฉากทำเอารู้สึกทั้งเศร้าทั้งสงบไปพร้อมๆ กันเลย แถมยังเข้ากับบรรยากาศอึดอัดไม่แน่นอนบนกองเรืออีก
ที่น่าสนใจมากๆ ในตอนนี้ก็คือความคิดของแต่ละคนจากทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะฝ่ายแยกตัวหรือฝ่ายไม่อยากให้แยกตัวนี่แหละครับ ตัวเรื่องฉายให้เห็นความคิดของแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจนยากจะบอกได้ชัดเจนว่าฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูก เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลรองรับการตัดสินใจของฝ่ายตัวเองอย่างมั่นคงและแน่วแน่เกินกว่าจะถูกอีกฝ่ายโน้มน้าวให้คล้อยตามได้ แถมยังเป็นเหตุผลที่หาข้อโต้แย้งได้ยากซะด้วยสิ อย่างความคิดของเลโดเองก็ใช่ บางคนอาจมองว่าหมอนี่วันๆ คิดถึงแต่เรื่องกำจัดฮิเดียสๆ แต่ไม่เคยคิดถึงใจเอมี่กับน้องเลยว่าจะรู้สึกยังไง แต่ถ้ามองในแง่ของเลโดแล้ว มันก็เชื่อตามเหตุผลของมันนั่นแหละครับ ว่าสิ่งที่มันทำคือการปกป้องเอมี่ ปกป้องอนาคตของเอมี่ไม่ให้ต้องลงเอยเหมือนมันที่ต้องเสียน้องไปเพราะการแพร่พันธุ์ของฮิเดียส เพราะงั้นผมคิดว่าจะไปว่ามันแบบนั้นก็ว่าได้ไม่ถึงกับเต็มปากแฮะ ยิ่งเห็นสีหน้าของมันตอนพูดแบบนั้นแล้วก็ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่
สึงิตะแชมเบอร์ที่ตอนนี้บทพูดน้อยเหลือเกิน (มีแค่บทพูดเรื่องระยะห่างระหว่างโลกกับสมาพันธ์ทางช้างเผือกที่ทำเอาบักเลโดถึงกับหน้าคว่ำที่ได้รู้ว่าตัวเองแทบหมดหวังจะกลับไปแล้ว)
...กับอาวุธใหม่ที่บักเลโดลงทุนลงแรงลับด้วยตัวเอง
แต่ทางด้านเอมี่เองก็น่าสงสารไม่แพ้กัน อุตส่าห์ลงทุนลงแรงสื่อสารพูดคุยกันจนนึกว่าเข้าใจกันได้แล้วแท้ๆ กลับมาโดนปฏิเสธเอาแบบนั้นในตอนก่อน แถมได้มาเห็นหมอนี่ทำเหมือนชีวิตตัวเองไม่มีค่า ทั้งๆ ที่บนเรือการ์กันเทียก็มีอยู่อย่างน้อยตั้งสองคนที่เห็นว่ามันมีค่า อยากให้มันอยู่บนเรือ แบบนี้ไม่ให้เสียใจจนร้องไห้ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วล่ะครับ
ฉากเอมี่ร้องไห้ในครัวตอนพูดถึงบักเลโดกับน้อง เห็นแล้วโคตรจะบีบหัวใจจริงๆ
ฉากบักเลโดมาลาเอมี่กับน้องก่อนออกเรือ
ชอบสีหน้าของเอมี่ในตอนนี้ที่สุดในเรื่องเลยแฮะ ทำหน้าเหมือนกับจะบอกว่า
"ถ้านึกขอบคุณพวกชั้นจริงๆ ก็อย่าไปแต่แรกสิ" ยังไงยังงั้นเลย
อีกเรื่องที่ดราม่าไม่แพ้กันก็เห็นจะเป็นเรื่องของเจ๊ริตเจ็ตที่รับสืบทอดตำแหน่งหัวหน้ากองเรือต่อนี่แหละ เรียกว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญโคตรๆ เลยจริงๆ ที่ผู้นำหนุ่มคนใหม่ที่ขึ้นมารับตำแหน่งต่อจากปู่หรือพ่อจะมีปัญหาในการคุมพวกลูกน้องเก่าของปู่หรือพ่อเพราะโดนมองว่าด้อยประสบการณ์ ซึ่งริตเจ็ตเองก็เจอปัญหานี้เข้าเต็มๆ ตอนคุยกับประดาลูกน้องเก่าๆ ของกัปตันคนเก่าเลย เล่นเอาเจ๊ถึงกับไปไม่เป็นไปพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว จนเบรอสเข้ามาเตือนสติ ถึงได้หาวิธีรับมือด้วยการยอมรับความด้อยประสบการณ์ของตัวเอง และแสดงอาการนอบน้อมจนชนะใจพวกเขี้ยวลากดินได้นั่นแหละ แรงเสียดทานถึงได้ลดลงไปพอสมควร
ยังไงก็แล้วแต่ ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ ในกรณีนี้ไม่ใช่ประดาคนที่เลือกจะแยกตัวไปแฮะ เป็นคนประเภทที่
"ต้องไปเพราะไม่มีทางเลือก" มากกว่า เพราะอย่างน้อยพวกแรกมันก็สมัครใจไปตายเอาดาบหน้ากันเอง ดังนั้นถ้ามันจะเดี้ยงกันระหว่างทางก็ถือว่าตายเพราะการตัดสินใจแยกตัวของตัวเองจริงๆ ถือว่าพอยอมรับได้ไม่ดราม่ามาก แต่พวกหลังนั้นมีทั้งพวกที่อยู่ในเรือที่จะแยกตัวไปมานานจนไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน พวกที่ยอมอยู่เพราะห่วงญาติพี่น้องที่จะแยกตัวไปก็มีอีก เพราะงั้นจะบอกว่าตัดสินใจไปด้วยตัวเองก็เรียกได้ไม่เต็มปาก และการตายของคนที่ต้องไปเผชิญภัยในลักษณะนี้นี่ โดยส่วนตัวแล้วผมว่ามันดราม่ากว่าพวกที่ตัดสินใจไปเผชิญภัยเองอีกนะ (เทียบง่ายๆ ก็เหมือนพวกเหยื่อในหนังสยองขวัญแหละครับ เรามักเฉยชา...บางครั้งอาจถึงขั้นสมน้ำหน้า...กับเหยื่อประเภท
"รนหาที่เอง" (ประเภทตำนานมันอยู่ของมันดีๆ ยังจะเสนอหน้าเข้าไปให้มันมาฆ่า) แต่กลับอินไปกับความตายของเหยื่อประเภท
"อยู่ไม่อยู่ตรูก็มาตาย" เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เวลาดูหนังประเภทนี้จริงๆ)
อย่างน้อยผมก็ภาวนาให้น้องเมลตี้...หนึ่งในสามสาวนักส่งของที่ตัดสินใจไปกับพวกที่แยกตัวไปเพราะทิ้งปู่ (หรือตา?) ไม่ได้...ปลอดภัยไร้กังวลอยู่จนจบเรื่องครับ
ที่เหลือก็รอดูตอนหน้าโลดละครับว่าไอ้มรดกที่บักหัวรีเจนต์จะพาไปดูนั่นมันคืออะไร จะช่วยโลกได้จริงอย่างราคาคุยหรือไม่...และจะเกิดเหตุดราม่าปวดตับกับอีกแค่ไหน
ทิ้งท้ายด้วยภาพ End Card คู่ MVP ประจำตอน (ฝั่งกองเรือการ์กันเทีย) ครับ
[Spoil] Suisei no Gargantia #8 - เมื่อความเห็นไม่ลงรอยกัน...
โดยรวมแล้วผมว่าเป็นตอนที่สร้างบรรยากาศเศร้าแกมอึดอัดได้พอดูเลยแฮะสำหรับตอนนี้ เนื้อเรื่องฉายให้เห็นฉากงานปลงศพกัปตันคนเก่าไปพร้อมๆ กับฉากคนที่อยากแยกตัวออกไปทยอยกันเดินขึ้นเรือที่จะแยกตัวออกไป ดูแล้วให้ความรู้สึกอึดอัดไม่แน่นอนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจริงๆ...ไม่ว่าจะสำหรับฝ่ายที่ยังคงอยู่บนการ์กันเทียหรือฝ่ายที่ขอแยกตัวออกไปก็เถอะ
ฉากปลงศพกัปตันคนเก่า โดยส่วนตัวแล้วผมว่าเป็นฉากที่ทำได้ดีจริงๆ ทั้งฉากทั้งเพลงประกอบฉากทำเอารู้สึกทั้งเศร้าทั้งสงบไปพร้อมๆ กันเลย แถมยังเข้ากับบรรยากาศอึดอัดไม่แน่นอนบนกองเรืออีก
ที่น่าสนใจมากๆ ในตอนนี้ก็คือความคิดของแต่ละคนจากทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะฝ่ายแยกตัวหรือฝ่ายไม่อยากให้แยกตัวนี่แหละครับ ตัวเรื่องฉายให้เห็นความคิดของแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจนยากจะบอกได้ชัดเจนว่าฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูก เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลรองรับการตัดสินใจของฝ่ายตัวเองอย่างมั่นคงและแน่วแน่เกินกว่าจะถูกอีกฝ่ายโน้มน้าวให้คล้อยตามได้ แถมยังเป็นเหตุผลที่หาข้อโต้แย้งได้ยากซะด้วยสิ อย่างความคิดของเลโดเองก็ใช่ บางคนอาจมองว่าหมอนี่วันๆ คิดถึงแต่เรื่องกำจัดฮิเดียสๆ แต่ไม่เคยคิดถึงใจเอมี่กับน้องเลยว่าจะรู้สึกยังไง แต่ถ้ามองในแง่ของเลโดแล้ว มันก็เชื่อตามเหตุผลของมันนั่นแหละครับ ว่าสิ่งที่มันทำคือการปกป้องเอมี่ ปกป้องอนาคตของเอมี่ไม่ให้ต้องลงเอยเหมือนมันที่ต้องเสียน้องไปเพราะการแพร่พันธุ์ของฮิเดียส เพราะงั้นผมคิดว่าจะไปว่ามันแบบนั้นก็ว่าได้ไม่ถึงกับเต็มปากแฮะ ยิ่งเห็นสีหน้าของมันตอนพูดแบบนั้นแล้วก็ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่
สึงิตะแชมเบอร์ที่ตอนนี้บทพูดน้อยเหลือเกิน (มีแค่บทพูดเรื่องระยะห่างระหว่างโลกกับสมาพันธ์ทางช้างเผือกที่ทำเอาบักเลโดถึงกับหน้าคว่ำที่ได้รู้ว่าตัวเองแทบหมดหวังจะกลับไปแล้ว)
...กับอาวุธใหม่ที่บักเลโดลงทุนลงแรงลับด้วยตัวเอง
แต่ทางด้านเอมี่เองก็น่าสงสารไม่แพ้กัน อุตส่าห์ลงทุนลงแรงสื่อสารพูดคุยกันจนนึกว่าเข้าใจกันได้แล้วแท้ๆ กลับมาโดนปฏิเสธเอาแบบนั้นในตอนก่อน แถมได้มาเห็นหมอนี่ทำเหมือนชีวิตตัวเองไม่มีค่า ทั้งๆ ที่บนเรือการ์กันเทียก็มีอยู่อย่างน้อยตั้งสองคนที่เห็นว่ามันมีค่า อยากให้มันอยู่บนเรือ แบบนี้ไม่ให้เสียใจจนร้องไห้ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วล่ะครับ
ฉากเอมี่ร้องไห้ในครัวตอนพูดถึงบักเลโดกับน้อง เห็นแล้วโคตรจะบีบหัวใจจริงๆ
ฉากบักเลโดมาลาเอมี่กับน้องก่อนออกเรือ
ชอบสีหน้าของเอมี่ในตอนนี้ที่สุดในเรื่องเลยแฮะ ทำหน้าเหมือนกับจะบอกว่า "ถ้านึกขอบคุณพวกชั้นจริงๆ ก็อย่าไปแต่แรกสิ" ยังไงยังงั้นเลย
อีกเรื่องที่ดราม่าไม่แพ้กันก็เห็นจะเป็นเรื่องของเจ๊ริตเจ็ตที่รับสืบทอดตำแหน่งหัวหน้ากองเรือต่อนี่แหละ เรียกว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญโคตรๆ เลยจริงๆ ที่ผู้นำหนุ่มคนใหม่ที่ขึ้นมารับตำแหน่งต่อจากปู่หรือพ่อจะมีปัญหาในการคุมพวกลูกน้องเก่าของปู่หรือพ่อเพราะโดนมองว่าด้อยประสบการณ์ ซึ่งริตเจ็ตเองก็เจอปัญหานี้เข้าเต็มๆ ตอนคุยกับประดาลูกน้องเก่าๆ ของกัปตันคนเก่าเลย เล่นเอาเจ๊ถึงกับไปไม่เป็นไปพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว จนเบรอสเข้ามาเตือนสติ ถึงได้หาวิธีรับมือด้วยการยอมรับความด้อยประสบการณ์ของตัวเอง และแสดงอาการนอบน้อมจนชนะใจพวกเขี้ยวลากดินได้นั่นแหละ แรงเสียดทานถึงได้ลดลงไปพอสมควร
ยังไงก็แล้วแต่ ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ ในกรณีนี้ไม่ใช่ประดาคนที่เลือกจะแยกตัวไปแฮะ เป็นคนประเภทที่ "ต้องไปเพราะไม่มีทางเลือก" มากกว่า เพราะอย่างน้อยพวกแรกมันก็สมัครใจไปตายเอาดาบหน้ากันเอง ดังนั้นถ้ามันจะเดี้ยงกันระหว่างทางก็ถือว่าตายเพราะการตัดสินใจแยกตัวของตัวเองจริงๆ ถือว่าพอยอมรับได้ไม่ดราม่ามาก แต่พวกหลังนั้นมีทั้งพวกที่อยู่ในเรือที่จะแยกตัวไปมานานจนไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน พวกที่ยอมอยู่เพราะห่วงญาติพี่น้องที่จะแยกตัวไปก็มีอีก เพราะงั้นจะบอกว่าตัดสินใจไปด้วยตัวเองก็เรียกได้ไม่เต็มปาก และการตายของคนที่ต้องไปเผชิญภัยในลักษณะนี้นี่ โดยส่วนตัวแล้วผมว่ามันดราม่ากว่าพวกที่ตัดสินใจไปเผชิญภัยเองอีกนะ (เทียบง่ายๆ ก็เหมือนพวกเหยื่อในหนังสยองขวัญแหละครับ เรามักเฉยชา...บางครั้งอาจถึงขั้นสมน้ำหน้า...กับเหยื่อประเภท "รนหาที่เอง" (ประเภทตำนานมันอยู่ของมันดีๆ ยังจะเสนอหน้าเข้าไปให้มันมาฆ่า) แต่กลับอินไปกับความตายของเหยื่อประเภท "อยู่ไม่อยู่ตรูก็มาตาย" เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เวลาดูหนังประเภทนี้จริงๆ)
อย่างน้อยผมก็ภาวนาให้น้องเมลตี้...หนึ่งในสามสาวนักส่งของที่ตัดสินใจไปกับพวกที่แยกตัวไปเพราะทิ้งปู่ (หรือตา?) ไม่ได้...ปลอดภัยไร้กังวลอยู่จนจบเรื่องครับ
ที่เหลือก็รอดูตอนหน้าโลดละครับว่าไอ้มรดกที่บักหัวรีเจนต์จะพาไปดูนั่นมันคืออะไร จะช่วยโลกได้จริงอย่างราคาคุยหรือไม่...และจะเกิดเหตุดราม่าปวดตับกับอีกแค่ไหน
ทิ้งท้ายด้วยภาพ End Card คู่ MVP ประจำตอน (ฝั่งกองเรือการ์กันเทีย) ครับ