การฝึกสมาธิมีข้อเสียอย่างไร ?

ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราได้ยินคำสรรเสริญผลดี ของการฝึกสมาธิว่าทำจิตให้สงบหายฟุ้งซ่าน ทำให้การทำงานบรรลุผลสำเร็จ
ตั้งแต่ระดับธรรมดาถึงระดับสูงสุด คือได้รับความสงบถึงฌาน อภิญญา บางท่านถึงกับแสดงฤทธิ์ได้อ่านใจคนได้ เหาะเหินเดินอากาศได้
เหล่านี้เป็นต้น จึงมีการส่งเสริมให้มีการฝึกสมาธิกันทั่วไปทั้งในวัดและในโรงเรียน และสำนักปฏิบัติธรรมต่าง ๆ หลายคนคิดว่าสมาธิ
เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าในการดับทุกข์ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เป็นเพียงการหลบทุกข์ชั่วคราวเท่านั้น

ซึ่งเป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์มาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมานมนาน ไม่มีผู้ใดเฉลียวใจมาก่อนว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดดเดี่ยว
อย่างน้อยที่สุดต้องมีคู่ คือ มีดีก็ต้องมีเสีย มีกลางวันก็ต้องมีกลางคืนอยู่ด้วย สมาธิก็เช่นกัน คือต้องมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ถ้าเราไม่ได้
ศึกษาอย่างละเอียดแล้ว ถ้าส่วนเสียมันมีมากจะทำกันอย่างไร ต่อไปนี้ก็ขอชี้ให้เห็นส่วนเสียของสมาธิให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาดู

ส่วนข้อดีมีผู้รู้เขียนไว้มากมายแล้ว ไม่มีเจตนาอื่นใด นอกจากเอาความจริงซึ่งเป็นส่วนเสียของสมาธิออกมาให้ดูเป็นแง่ของการศึกษาเรียนรู้
ไม่มีเจตนากล่าวร้าย เหยียดหยามผู้ใดและสถาบันใด

ผลเสียของสมาธิอันที่ ๑ ดับทุกข์ไม่ได้

             ที่รู้เห็นกันง่าย ๆ ในพุทธประวัติเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อพระองค์ท่านออกบวชใหม่ ๆ ได้ไปทำสมาธิกับฤาษีพราหมณ์ ๒ ท่าน
คือ ฤาษีอาฬารดาบส และฤาษีอุททกดาบส จนได้สมาธิขั้นสูง คือ ได้ฌาน ๗ – ๘ ในที่สุดท่านก็เห็นว่า ทางนี้ไม่ใช่ทางที่ดับทุกข์ได้
จึงได้ลาอาจารย์ทั้ง ๒ ไปทำวิปัสสนาจึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ผลเสียข้อนี้ก็คือ สมาธิไม่ใช่ทางดับทุกข์

ผลเสียของสมาธิอันที่ ๒ พาตัวเองไปติดตาข่ายมาร

             คือถ้าเราฝึกสมาธิเป็นประจำจนได้สมาธิขั้นสูงจนถึงฌานอภิญญา แล้วโอกาสที่จะดึงหรือยกตนเองไปสู่ทางวิปัสสนานั้น
ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะการปฏิบัติทำสมาธิของเราเป็นนิสัยลงร่องเสียแล้ว ยากที่จะยกตัวเองขึ้นมาได้ ในที่สุดก็จะไปติดตาข่าย
ของฌานอภิญญา (ความสงบ) อยู่ที่นั่น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ฌานอภิญญา (สมาธิขั้นสูง) คือตาข่ายดักพรหม เป็นได้แค่พรหมเท่านั้น
ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ไม่สามารถนำตัวเองออจากตาข่ายไปสู่อริยบุคคลได้ เหมือนปลาเข้าไปติดตาข่ายหรือติดลอบ ติดไซ

ติดข้องของชาวประมงฉันนั้น นอกจากมีพระพุทธเจ้ามาช่วยดึงออกจากฌานอภิญญาได้ ดังเช่น พระโมคคัลลานะ มีพระพุทธเจ้า
มาช่วยดึงออกจากตาข่ายฌานอภิญญาถึง ๘ – ๙ ครั้ง จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นการเสียเวลาของชีวิตที่เราเกิดมาเป็นคนน่าจะ
ได้อะไรดี ๆ มากกว่านี้ ซึ่งไม่ตรงกับเป้าหมายของชีวิตของเราทุกคน ซึ่งทุกคนเกิดมามีเป้าหมายชีวิตคือ หนีทุกข์ไปหาสุขที่ถาวร
คือพระนิพพาน ผลเสียข้อนี้คือสมาธิพาตัวเองไปติดตาข่ายของมาร

(มีต่อ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ท่านมีความคิดเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย อย่างไรลองพิจารณากันดูเพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อนทั้งหลายได้ทราบ
เพราะอาจจะไม่ตรงกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ครับ

ได้มาจากลิ้งของกระทู้นี้  http://pantip.com/topic/30515896/comment19

ลิ้ง http://www.doisai.com/1047720/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่