บ้านนี้ .. มีเพียงเรา
http://pantip.com/topic/30157141
บ้านนี้ .. ที่โดดเดี่ยว
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว แต่ทำไมวันนี้เก๋ากี้รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมเอาเสียเลย บ้านเงียบวังเวงไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่พบใคร เสียงที่นานๆจะได้ใช้ร้องเรียกสักทีมันก็เบาแสนเบา ไม่รู้ว่ามันจะดังพอไหมที่จะส่งให้ไปถึงคนที่เคยอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่กลับหายหน้าไปในค่ำวันนี้
‘แม่...’
เก๋ากี้พยายามร้องเรียกคำๆนี้จนเสียงที่เบาอยู่แล้วแทบจะขาดหายไป ก็ยังไม่ปรากฏบุคคลที่ตามหา เดินจากห้องนอนใหญ่ที่เป็นเขตหวงห้ามซึ่งเก๋ากี้อาศัยนอนมาตั้งแต่บ่าย โดยไม่มีแม่มาดุมันทำให้เก๋ากี้เริ่มแปลกใจ
‘แม่ ... อยู่ไหน’
ได้แต่เหลียวซ้ายแลขวา ข้างนอกก็มืดลงทุกทีลูกชายของแม่อีกคนก็ยังไม่กลับ เดินมาถึงในครัว อาหารที่เตรียมไว้ให้เก๋ากี้ทั้งในจานและในถ้วย เริ่มมีมดเดินขบวนเข้าคิวลำเลียงอาหารนั้นกลับไปยังถิ่นของพวกมัน
เก๋ากี้หยุดมองเพียงครู่ไม่ได้อาลัยอาวรณ์อาหารที่กองกำลังตัวเล็กๆหากมีเป็นเรือนพันยุ่บยั่บทั้งต่อไต่ทยอยขนไปมากันหลายรอบ น้ำใสที่เตรียมไว้ให้กินพร่องไปบ้างเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ต้องกินน้ำบ่อยครั้งก่อนจะเดินไปนอน
ห้องน้ำห้องท่าที่ลูกชายคนเล็กเตรียมไว้ให้ เก๋ากี้ก็ไม่ได้ใช้บริการ แม้จะต้องถูกกักอยู่แต่ในบ้านไม่ให้ไปไหน แต่มีหรือเก๋ากี้จะพาตัวเองออกไปรับอากาศข้างนอกไม่ได้
ปกติในเวลานี้ไฟในบ้านจะต้องส่องสว่างไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ห้องใหญ่ ห้องเล็ก ห้องครัว ห้องน้ำ หรือแม้แต่หน้าบ้าน แต่ค่ำคืนนี้ เก๋ากี้ได้แต่อาศัยแสงไฟจากเพื่อนบ้านข้างๆพอเห็นวับๆแวมๆ แต่ถึงไม่มีเก๋ากี้ก็ไม่เดือดร้อน เพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่
ท้องเริ่มประท้วงขึ้นมานิดหน่อย แต่พอเหลือบตาไปมองจานข้าวใบเดิม เก๋ากี้ได้แต่ถอนใจออกมาอย่างทอดอาลัย
‘เฮ้อออ .. เอาไปทั้งจานก็ได้นะ
พึมพำบอกกองทัพมดที่ยังขยันไม่สิ้นสุดเวียนเข้าเวียนออกอยู่อย่างนั้น
ไม่มีอะไรในครัวที่น่าสนใจอีกแล้วเมื่อไม่มีแม่อยู่ที่นั่น เก๋ากี้เดินมานั่งลงที่หน้าประตูเหล็กซึ่งปิดล็อกกุญแจแน่นหนาจากภายนอก แต่ก็เปิดประตูไม้ชั้นนอกเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
‘แม่ .. แม่ .. อยู่ไหน’
อีกครั้งที่เสียงอันแสนแผ่วเบาร้องเรียกหา แต่ความเงียบคือเสียงที่ตอบรับกลับมา เพื่อนที่อยู่กับเก๋ากี้ในขณะนี้ คือความหิว ความเหงา อ้างว้างและโดดเดี่ยว
ใครๆต่างก็พากันหายไปจากบ้านกันหมด
>>>>>
บ้านนี้ .. คือโลกของเรา
บ้านนี้ .. ที่โดดเดี่ยว
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว แต่ทำไมวันนี้เก๋ากี้รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมเอาเสียเลย บ้านเงียบวังเวงไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่พบใคร เสียงที่นานๆจะได้ใช้ร้องเรียกสักทีมันก็เบาแสนเบา ไม่รู้ว่ามันจะดังพอไหมที่จะส่งให้ไปถึงคนที่เคยอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่กลับหายหน้าไปในค่ำวันนี้
‘แม่...’
เก๋ากี้พยายามร้องเรียกคำๆนี้จนเสียงที่เบาอยู่แล้วแทบจะขาดหายไป ก็ยังไม่ปรากฏบุคคลที่ตามหา เดินจากห้องนอนใหญ่ที่เป็นเขตหวงห้ามซึ่งเก๋ากี้อาศัยนอนมาตั้งแต่บ่าย โดยไม่มีแม่มาดุมันทำให้เก๋ากี้เริ่มแปลกใจ
‘แม่ ... อยู่ไหน’
ได้แต่เหลียวซ้ายแลขวา ข้างนอกก็มืดลงทุกทีลูกชายของแม่อีกคนก็ยังไม่กลับ เดินมาถึงในครัว อาหารที่เตรียมไว้ให้เก๋ากี้ทั้งในจานและในถ้วย เริ่มมีมดเดินขบวนเข้าคิวลำเลียงอาหารนั้นกลับไปยังถิ่นของพวกมัน
เก๋ากี้หยุดมองเพียงครู่ไม่ได้อาลัยอาวรณ์อาหารที่กองกำลังตัวเล็กๆหากมีเป็นเรือนพันยุ่บยั่บทั้งต่อไต่ทยอยขนไปมากันหลายรอบ น้ำใสที่เตรียมไว้ให้กินพร่องไปบ้างเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ต้องกินน้ำบ่อยครั้งก่อนจะเดินไปนอน
ห้องน้ำห้องท่าที่ลูกชายคนเล็กเตรียมไว้ให้ เก๋ากี้ก็ไม่ได้ใช้บริการ แม้จะต้องถูกกักอยู่แต่ในบ้านไม่ให้ไปไหน แต่มีหรือเก๋ากี้จะพาตัวเองออกไปรับอากาศข้างนอกไม่ได้
ปกติในเวลานี้ไฟในบ้านจะต้องส่องสว่างไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ห้องใหญ่ ห้องเล็ก ห้องครัว ห้องน้ำ หรือแม้แต่หน้าบ้าน แต่ค่ำคืนนี้ เก๋ากี้ได้แต่อาศัยแสงไฟจากเพื่อนบ้านข้างๆพอเห็นวับๆแวมๆ แต่ถึงไม่มีเก๋ากี้ก็ไม่เดือดร้อน เพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่
ท้องเริ่มประท้วงขึ้นมานิดหน่อย แต่พอเหลือบตาไปมองจานข้าวใบเดิม เก๋ากี้ได้แต่ถอนใจออกมาอย่างทอดอาลัย
‘เฮ้อออ .. เอาไปทั้งจานก็ได้นะ
พึมพำบอกกองทัพมดที่ยังขยันไม่สิ้นสุดเวียนเข้าเวียนออกอยู่อย่างนั้น
ไม่มีอะไรในครัวที่น่าสนใจอีกแล้วเมื่อไม่มีแม่อยู่ที่นั่น เก๋ากี้เดินมานั่งลงที่หน้าประตูเหล็กซึ่งปิดล็อกกุญแจแน่นหนาจากภายนอก แต่ก็เปิดประตูไม้ชั้นนอกเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
‘แม่ .. แม่ .. อยู่ไหน’
อีกครั้งที่เสียงอันแสนแผ่วเบาร้องเรียกหา แต่ความเงียบคือเสียงที่ตอบรับกลับมา เพื่อนที่อยู่กับเก๋ากี้ในขณะนี้ คือความหิว ความเหงา อ้างว้างและโดดเดี่ยว
ใครๆต่างก็พากันหายไปจากบ้านกันหมด
>>>>>