คิดว่าไม่น่าจะได้เห็น แมนยู ซื้อบิ๊กเนม เข้ามาเสริมทีมช่วงซัมเมอร์นี้นะครับ
แกเร๊ธ เบล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ฯลฯ ซึ่งเบลหรือโด้ ขั้นต่ำต้องมี 50 ล้านปอนด์ขี้นไปแน่นอน
เดวิด มอยส์ คงไม่หาเรื่องกดดันตัวเอง ... ด้วยการขอให้บอร์ดบริหารแมนยูทุ่มเงิน 50-80 ล้านปอนด์
ซื้อสตาร์ชื่อดังเข้าทีม เพราะเท่ากับว่าเป็นการบีบคอตัวเองว่าต้องทำทีมเป็น แชมป์สถานเดียวเท่านั้น
ในมุมของบอร์ดและผู้บริหาร คงไม่อยู่ดีๆทุ่มเงิน ซื้อสตาร์ เข้าทีมหรอก ไม่ใช่แบบในสเปน
ที่มีการแย่งชิงตำแหน่งบอร์ดและประธานบริหาร แล้วต้องทุ่มเงินซื้อสตาร์ชื่อดังเข้ามาตามสัญญา
คงจะรอดูว่าผู้จัดการทีมคนใหม่ เดวิด มอยส์ จะมี request ยังไงบ้าง ถ้าขอจะซื้อเบลหรือโด้
ก็คงมี ถก กันยาว แล้วให้เงื่อนไขว่า ถ้าทำทีมไม่ได้แชมป์ ก็คงต้องรับผิดชอบด้วย
อาจจะมีจุดเดียว ที่แมนยูอาจจะได้นักเตะกึ่งบิ๊กเนมเข้ามา ในกรณีที่รูนีย์ย้ายออกไปจริง
แมนยูจะเหลือกองหน้าที่ฝากความหวังไว้ได้แค่ RVP กับ ถั่วน้อย (อย่าไปนับ เวลเบ็ค นะ)
มีสิทธิจะได้นักเตะที่พอฝากผีฝากไข้ได้ เข้ามาเสริมทีม
เฟลไลนี่, สตรูทมัน, ฯลฯ
คิดว่าไม่น่าจะได้เห็น แมนยู ซื้อบิ๊กเนม เข้ามาเสริมทีมช่วงซัมเมอร์นี้นะครับ
แกเร๊ธ เบล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ฯลฯ ซึ่งเบลหรือโด้ ขั้นต่ำต้องมี 50 ล้านปอนด์ขี้นไปแน่นอน
เดวิด มอยส์ คงไม่หาเรื่องกดดันตัวเอง ... ด้วยการขอให้บอร์ดบริหารแมนยูทุ่มเงิน 50-80 ล้านปอนด์
ซื้อสตาร์ชื่อดังเข้าทีม เพราะเท่ากับว่าเป็นการบีบคอตัวเองว่าต้องทำทีมเป็น แชมป์สถานเดียวเท่านั้น
ในมุมของบอร์ดและผู้บริหาร คงไม่อยู่ดีๆทุ่มเงิน ซื้อสตาร์ เข้าทีมหรอก ไม่ใช่แบบในสเปน
ที่มีการแย่งชิงตำแหน่งบอร์ดและประธานบริหาร แล้วต้องทุ่มเงินซื้อสตาร์ชื่อดังเข้ามาตามสัญญา
คงจะรอดูว่าผู้จัดการทีมคนใหม่ เดวิด มอยส์ จะมี request ยังไงบ้าง ถ้าขอจะซื้อเบลหรือโด้
ก็คงมี ถก กันยาว แล้วให้เงื่อนไขว่า ถ้าทำทีมไม่ได้แชมป์ ก็คงต้องรับผิดชอบด้วย
อาจจะมีจุดเดียว ที่แมนยูอาจจะได้นักเตะกึ่งบิ๊กเนมเข้ามา ในกรณีที่รูนีย์ย้ายออกไปจริง
แมนยูจะเหลือกองหน้าที่ฝากความหวังไว้ได้แค่ RVP กับ ถั่วน้อย (อย่าไปนับ เวลเบ็ค นะ)
มีสิทธิจะได้นักเตะที่พอฝากผีฝากไข้ได้ เข้ามาเสริมทีม
เฟลไลนี่, สตรูทมัน, ฯลฯ