ก่อนหน้านั้นเคยได้อ่านข่าวของเพจแฟรชบินได้ข่าวว่ามี Square Enix Cafe จึงลองเช็คข่าวหาข้อมูลก็พบเว็บไซต์นี้
Link :
http://www.jp.square-enix.com/artnia/en/index.html
จากในเว็บไซต์ จึงทำให้พบว่า มันอยู่ใกล้ๆ ชินจูกุ นี่เอง !! ก็เลยตั้งเป้าว่าพอเราไปถึงชินจูกุ เราจะแวะไปให้ได้~
ส่วนวิธีการเดินทาง สำหรับคนไทย ผมแนะนำให้ใช้ Hyperdia ซึ่งไว้ค้นหาวิธีการเดินทางโดยรถไฟ จากสถานีนึงไปอีกสถานีนึงได้อย่างดี
ผมแนะนำให้ทุกคนเริ่มต้นจากสถานี Shinjuku (JR) นะครับ เนื่องจากเป็นแหล่งใจกลางที่สำคัญ สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านอื่น ก็สามารถใช้สาย Yamamote ของ JR เพื่อเดินทางมายัง Shinjuku ได้ไม่ยาก หรือหากทราบชื่อสถานีที่ใกล้ที่พักก็สามารถใช้ Hyperdia เพื่อเดินทางตรงไปเลยได้เช่นกัน
ส่วนสถานีที่ใกล้ ARTNIA Cafe มากที่สุดก็คือ HIGASHI-SHINJUKU ผลการค้นหาของ Hyperdia ก็ออกมาดังนี้
จะเห็นว่าหากเราเริ่มต้นที่สถานีชินจูกุ JR จะสามารถเดินทางไปสถานี HIGASHI-SHINJUKU ได้ไม่ยาก โดยขึ้น Tokyo Metro ตามสายต่างๆ ให้ถูกต้อง โดยจากรูปด้านบน เราสามารถคลิกที่ Interval Timetable เพื่อดูว่าสายที่เราเดินทางจอดที่สถานีไหนบ้าง
ดังรูปจะเห็นว่า จากสถานี SHINJUKU(JR) ไปยังสถานี SHINJUKU-SANCHOME โดยใช้สาย Marunouchi ห่างกันเพียง 1 สถานี ใช้เวลาประมาณ 1 นาที และเปลี่ยนสายไปยัง Fukutoshin ห่างกันเพียง 1 สถานี ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที
เมื่อมาถึงสถานีแล้ว ให้ออกทางออก A3 นะครับ เนื่องจากในเว็บบอกว่า "Higashi Shinjuku Station (ARTNIA connects directly to Exit A3)" สงสัยยังไงสามารถดูในคลิปนี้ได้
คลิปแรกหลงครับ ไปถึงหาไม่เจอ เพราะในเว็บบอกขึ้นมาเจอเลย เบะมาก ถ้าไม่ดูป้ายไม่รู้เลยจริงๆ
VIDEO
คลิป 2 จะเดินไปถึงร้านนะครับ
VIDEO
มาถึงร้านแล้ววว
พรมหน้าร้าน น่าจิ้กกลับบ้านมาก 55+
เมื่อเข้ามาในร้านนะครับ ก็แจ้งพนักงานได้เลยว่ามากี่คน พนักงานภายใน Cafe นี้พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ในญี่ปุ่น ที่ภาษาอังกฤษไม่ได้เลยยย แต่ก็กระแดะแจ้งไป "ichi nin desu" เพื่อบอกว่ามา 1 คนจ้า~~ 2 คนก็บอกไป "ni nin desu"
เมื่อมานั่งเข้าที่ พนักงานก็เอาเมนูมาให้ดูจ้า มีภาษาอังกฤษด้วย ดีจุงเบย (90% ของร้านอาหารในญี่ปุ่น ไม่มีเมนู English นะครับ) พร้อมกับผ้าเย็นมาให้
อันนี้เป็นเมนูภายในร้านจ้า ถ่ายมาบางเมนูที่น่าสนใจ ตอนแรกว่าจะสั่ง Elixer แต่ทางพนักงานแจ้งว่า Elixer หมดไปแล้ว =[]= (เดียวปั้ดสั่ง Mega Elixer) รายละเอียดเพิ่มเติม :
http://www.jp.square-enix.com/artnia/en/cafemenu.html
ก็เลยสั่งไป 2 เมนูตามในคลิปที่บอกไว้ น้ำ 1 แก้วกับไอติม 1 แก้ว
Blue Material (มีแอลกอฮอนะ) มาพร้อมกับที่รองแก้ว Shinra =[]= รสชาติดีมาก ทานแล้วเหมือนจะ Summon ได้เลยทีเดียว เมื่อกลืนลงไปในคอก็รู้สึกถึงความร้อนในคอเลย เข้มดีมาก (แก้วเดียวทำเอาหน้าแดง)
โต๊ะเลยออกมาสวยงามมาก
ระหว่างนี้ก็เลยถามพนักงานว่าถ่ายรูปได้ไหม พนังงานก็บอก ตามสบายเลย ก็เลยลุกไปถ่ายรอบๆ ร้าน โดยภายในร้านจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ โซน Cafe&Bar (ที่นั่งกินนั้นแหละ) โซน Fancy ก็จะมีของวางขายเล็กๆ น้อย และโซน Luxury นิทรรศการ ซึ่งตอนนี้กำลังจัดเป็น VAGRANT STORY หรือตำนานคริสตัลนั้นเอง~
เริ่มที่โซน Fancy
บิสกิต Chocobo คาวาอี้~~~
VIDEO
VIDEO
อีกด้านก็จะมีเพลงประกอบของเกม Square Enix ไว้ครบทั้งหมด ใช้ iPad ตั้งไว้ โดยสามารถมาทดสอบฟังได้
VIDEO
อันนี้เป็นโซน Luxury Area เพื่ออรรถรสในการรับชมก็จะไม่พูดอะไรนะครับ (หลายคนคงเบื่อ)
คริสตัลไฟ !!
Material เต็มไปหมดเลยย
VIDEO
VIDEO
หลังจากมานั่งที่ ปรากฎว่า Chocolate Parfait มาถึงบนโต๊ะแล้ว พร้อมกับดาบพี่คราวด์ปักไว้ด้านบน ก็ถูกวางเอาไว้ *0*
รสชาตินะหรอ เข้มข้นช้อคโกแลต ข้างล่างในเยลลี่กาแฟ ทำให้รสชาติตัดกันดีไม่เลี่ยน ทานแล้วเกือบจะ Omnislash ได้เลยทีเดียว ~
หลังจากที่นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศในร้านสักพัก (หน้าเริ่มแดงจาก Blue Material) ก็เลยขอสั่ง Moogle Strawberry Pancake เพิ่ม ก็เลยไปเดินช้อปปิ้งของภายในร้านหมดไปเกือบๆ 20,000 เยน ฮาาา~ ทันใดนั้น...!!
มาแล้ววววววววววววว น่ากินมากกกกกกกกกกก
Moogleeee
รสชาตินะหรอ แพนเค้กเนื้อนุ่มมาก ตัวซอสไม่หวาน ออกเปรี้ยวแบบเบอร์รี่ ชอบมากนะ จานนี้
ใบเสร็จไม่ได้ถ่ายเอาไว้นะครับ แต่ราคาเบ็ดเสร็ดของอาหารประมาณ 2600 เยน ถามว่าแพงไหม ก็ขอบอกว่าไม่แพงมากเท่าไรครับ
พอเดินออกจากร้านก็พบว่าหน้าร้านมีอะไรอยู่ พยายามมองอยู่นานนะว่า Who is she ?
ไม่แน่ใจระหว่าง Tifa (FF7) Rinoa (FF8) หรือ Kairi (KH)
อันนี้ ของส่วนหนึ่งที่ซื้อจาก Shop มาครับ ถ่ายตอนถึงโรงแรม ฮา~
ตุ๊กตา King Moggle Mog จาก FF14 พร้อมถือ Keyblade คู่กับน้ำหอมกลิ่น Sephiroth =[]=***
สรุป : แฟนๆ SE ต้องไปสักครั้ง ต้องไปให้ได้~~~ ให้ 10 เต็ม 10 ให้ 100 เต็ม 100 ไปเลย~~~~
[CR] [Review] ARTNIA Cafe ร้านคาเฟ่สำหรับแฟนบอย Square Enix !!
Link : http://www.jp.square-enix.com/artnia/en/index.html
จากในเว็บไซต์ จึงทำให้พบว่า มันอยู่ใกล้ๆ ชินจูกุ นี่เอง !! ก็เลยตั้งเป้าว่าพอเราไปถึงชินจูกุ เราจะแวะไปให้ได้~
ส่วนวิธีการเดินทาง สำหรับคนไทย ผมแนะนำให้ใช้ Hyperdia ซึ่งไว้ค้นหาวิธีการเดินทางโดยรถไฟ จากสถานีนึงไปอีกสถานีนึงได้อย่างดี
ผมแนะนำให้ทุกคนเริ่มต้นจากสถานี Shinjuku (JR) นะครับ เนื่องจากเป็นแหล่งใจกลางที่สำคัญ สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านอื่น ก็สามารถใช้สาย Yamamote ของ JR เพื่อเดินทางมายัง Shinjuku ได้ไม่ยาก หรือหากทราบชื่อสถานีที่ใกล้ที่พักก็สามารถใช้ Hyperdia เพื่อเดินทางตรงไปเลยได้เช่นกัน
ส่วนสถานีที่ใกล้ ARTNIA Cafe มากที่สุดก็คือ HIGASHI-SHINJUKU ผลการค้นหาของ Hyperdia ก็ออกมาดังนี้
จะเห็นว่าหากเราเริ่มต้นที่สถานีชินจูกุ JR จะสามารถเดินทางไปสถานี HIGASHI-SHINJUKU ได้ไม่ยาก โดยขึ้น Tokyo Metro ตามสายต่างๆ ให้ถูกต้อง โดยจากรูปด้านบน เราสามารถคลิกที่ Interval Timetable เพื่อดูว่าสายที่เราเดินทางจอดที่สถานีไหนบ้าง
ดังรูปจะเห็นว่า จากสถานี SHINJUKU(JR) ไปยังสถานี SHINJUKU-SANCHOME โดยใช้สาย Marunouchi ห่างกันเพียง 1 สถานี ใช้เวลาประมาณ 1 นาที และเปลี่ยนสายไปยัง Fukutoshin ห่างกันเพียง 1 สถานี ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที
เมื่อมาถึงสถานีแล้ว ให้ออกทางออก A3 นะครับ เนื่องจากในเว็บบอกว่า "Higashi Shinjuku Station (ARTNIA connects directly to Exit A3)" สงสัยยังไงสามารถดูในคลิปนี้ได้
คลิปแรกหลงครับ ไปถึงหาไม่เจอ เพราะในเว็บบอกขึ้นมาเจอเลย เบะมาก ถ้าไม่ดูป้ายไม่รู้เลยจริงๆ
คลิป 2 จะเดินไปถึงร้านนะครับ
มาถึงร้านแล้ววว
พรมหน้าร้าน น่าจิ้กกลับบ้านมาก 55+
เมื่อเข้ามาในร้านนะครับ ก็แจ้งพนักงานได้เลยว่ามากี่คน พนักงานภายใน Cafe นี้พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ในญี่ปุ่น ที่ภาษาอังกฤษไม่ได้เลยยย แต่ก็กระแดะแจ้งไป "ichi nin desu" เพื่อบอกว่ามา 1 คนจ้า~~ 2 คนก็บอกไป "ni nin desu"
เมื่อมานั่งเข้าที่ พนักงานก็เอาเมนูมาให้ดูจ้า มีภาษาอังกฤษด้วย ดีจุงเบย (90% ของร้านอาหารในญี่ปุ่น ไม่มีเมนู English นะครับ) พร้อมกับผ้าเย็นมาให้
อันนี้เป็นเมนูภายในร้านจ้า ถ่ายมาบางเมนูที่น่าสนใจ ตอนแรกว่าจะสั่ง Elixer แต่ทางพนักงานแจ้งว่า Elixer หมดไปแล้ว =[]= (เดียวปั้ดสั่ง Mega Elixer) รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.jp.square-enix.com/artnia/en/cafemenu.html
ก็เลยสั่งไป 2 เมนูตามในคลิปที่บอกไว้ น้ำ 1 แก้วกับไอติม 1 แก้ว
Blue Material (มีแอลกอฮอนะ) มาพร้อมกับที่รองแก้ว Shinra =[]= รสชาติดีมาก ทานแล้วเหมือนจะ Summon ได้เลยทีเดียว เมื่อกลืนลงไปในคอก็รู้สึกถึงความร้อนในคอเลย เข้มดีมาก (แก้วเดียวทำเอาหน้าแดง)
โต๊ะเลยออกมาสวยงามมาก
ระหว่างนี้ก็เลยถามพนักงานว่าถ่ายรูปได้ไหม พนังงานก็บอก ตามสบายเลย ก็เลยลุกไปถ่ายรอบๆ ร้าน โดยภายในร้านจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ โซน Cafe&Bar (ที่นั่งกินนั้นแหละ) โซน Fancy ก็จะมีของวางขายเล็กๆ น้อย และโซน Luxury นิทรรศการ ซึ่งตอนนี้กำลังจัดเป็น VAGRANT STORY หรือตำนานคริสตัลนั้นเอง~
เริ่มที่โซน Fancy
บิสกิต Chocobo คาวาอี้~~~
VIDEO
อีกด้านก็จะมีเพลงประกอบของเกม Square Enix ไว้ครบทั้งหมด ใช้ iPad ตั้งไว้ โดยสามารถมาทดสอบฟังได้
อันนี้เป็นโซน Luxury Area เพื่ออรรถรสในการรับชมก็จะไม่พูดอะไรนะครับ (หลายคนคงเบื่อ)
คริสตัลไฟ !!
Material เต็มไปหมดเลยย
VIDEO
หลังจากมานั่งที่ ปรากฎว่า Chocolate Parfait มาถึงบนโต๊ะแล้ว พร้อมกับดาบพี่คราวด์ปักไว้ด้านบน ก็ถูกวางเอาไว้ *0*
รสชาตินะหรอ เข้มข้นช้อคโกแลต ข้างล่างในเยลลี่กาแฟ ทำให้รสชาติตัดกันดีไม่เลี่ยน ทานแล้วเกือบจะ Omnislash ได้เลยทีเดียว ~
หลังจากที่นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศในร้านสักพัก (หน้าเริ่มแดงจาก Blue Material) ก็เลยขอสั่ง Moogle Strawberry Pancake เพิ่ม ก็เลยไปเดินช้อปปิ้งของภายในร้านหมดไปเกือบๆ 20,000 เยน ฮาาา~ ทันใดนั้น...!!
มาแล้ววววววววววววว น่ากินมากกกกกกกกกกก
Moogleeee
รสชาตินะหรอ แพนเค้กเนื้อนุ่มมาก ตัวซอสไม่หวาน ออกเปรี้ยวแบบเบอร์รี่ ชอบมากนะ จานนี้
ใบเสร็จไม่ได้ถ่ายเอาไว้นะครับ แต่ราคาเบ็ดเสร็ดของอาหารประมาณ 2600 เยน ถามว่าแพงไหม ก็ขอบอกว่าไม่แพงมากเท่าไรครับ
พอเดินออกจากร้านก็พบว่าหน้าร้านมีอะไรอยู่ พยายามมองอยู่นานนะว่า Who is she ?
ไม่แน่ใจระหว่าง Tifa (FF7) Rinoa (FF8) หรือ Kairi (KH)
อันนี้ ของส่วนหนึ่งที่ซื้อจาก Shop มาครับ ถ่ายตอนถึงโรงแรม ฮา~
ตุ๊กตา King Moggle Mog จาก FF14 พร้อมถือ Keyblade คู่กับน้ำหอมกลิ่น Sephiroth =[]=***
สรุป : แฟนๆ SE ต้องไปสักครั้ง ต้องไปให้ได้~~~ ให้ 10 เต็ม 10 ให้ 100 เต็ม 100 ไปเลย~~~~
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น