หลายคนเริ่มไม่แน่ใจว่าเฟดจะลดมาตราการ QE หรือไม่ Bernanke พูดชัดว่าจะต้องตามปัจจัยเศรษฐกิจในอีก 2-3 การประชุม ถึงตัดสินใจ แต่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าครึ่งหลังยังขยายตัว แต่ไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้สหรัฐฯ หลุดจากภาวะเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไปได้
ปัจจัยที่สหรัฐฯ หยุด QE และขึ้นดอกเบี้ยคือ output gap คือส่วนต่างการผลิตจริงกับความศักยภาพการผลิต ปัจจุบัน output gap อยู่ที่ -6% และคาดว่าจะยังต่ำลงอีกถึงต้นปีหน้าจากปัญหาหน้าผาการคลัง และเงินเฟ้อที่ต่ำมากและมีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง จะกดดันให้ FED อาจเพิ่ม QE ด้วยซ้ำ แต่คาดว่าคง QE ถึงปีหน้า ขณะที่แนวโน้มที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย มักเกิดขึ้นเมื่อ output gap จะกลับมาบวก ซึ่งน่าถึงปี 2017 ทีเดียว
หลาายคนมองว่า FED น่าจะลด QE ในครึ่งปีหลัง คนพวกนี้อาจจะผิดหวัง เพราะตัวเลขเงินเฟ้อจะปัจจัยสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงิน ในปี 2004 FED ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกหลังวิกฤต เพราะเงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวเกิน 2% แต่วันนี้ เงินเฟ้อสหรัฐลดลงเร็วมากมาอยู่ที่ 1.1% และมีแนวโน้มลดลงอีก แน่นอน FED คงเลือกกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ
สิ่งนี้น่าช่วยให้นักลงทุนไม่โดยนักวิเคราะห์บางคนหลอก จะได้ถามกลับเลยว่า output gap ขนาด -6% และเงินเฟ้อ 1% จะหยุด QE ได้หรอ เชื่อว่านักวิเคราะห์พวกนี้ยังไม่รู้เลยว่า output gap คืออะไร อยู่เท่าไร
แนวโน้มเฟดน่าจะกระตุ้น QE ถึงปี 2015 และขึ้นดอกเบี้ยในปี 2017
ปัจจัยที่สหรัฐฯ หยุด QE และขึ้นดอกเบี้ยคือ output gap คือส่วนต่างการผลิตจริงกับความศักยภาพการผลิต ปัจจุบัน output gap อยู่ที่ -6% และคาดว่าจะยังต่ำลงอีกถึงต้นปีหน้าจากปัญหาหน้าผาการคลัง และเงินเฟ้อที่ต่ำมากและมีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง จะกดดันให้ FED อาจเพิ่ม QE ด้วยซ้ำ แต่คาดว่าคง QE ถึงปีหน้า ขณะที่แนวโน้มที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย มักเกิดขึ้นเมื่อ output gap จะกลับมาบวก ซึ่งน่าถึงปี 2017 ทีเดียว
หลาายคนมองว่า FED น่าจะลด QE ในครึ่งปีหลัง คนพวกนี้อาจจะผิดหวัง เพราะตัวเลขเงินเฟ้อจะปัจจัยสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงิน ในปี 2004 FED ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกหลังวิกฤต เพราะเงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวเกิน 2% แต่วันนี้ เงินเฟ้อสหรัฐลดลงเร็วมากมาอยู่ที่ 1.1% และมีแนวโน้มลดลงอีก แน่นอน FED คงเลือกกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ
สิ่งนี้น่าช่วยให้นักลงทุนไม่โดยนักวิเคราะห์บางคนหลอก จะได้ถามกลับเลยว่า output gap ขนาด -6% และเงินเฟ้อ 1% จะหยุด QE ได้หรอ เชื่อว่านักวิเคราะห์พวกนี้ยังไม่รู้เลยว่า output gap คืออะไร อยู่เท่าไร