1.ตอนเป็นเด็กคุณเคยขโมยเงินพ่อ แม่ มั้ยคะ....
2.พอโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นพ่อเป็นแม่แล้วมีลูก เคยจับได้มั้ยว่าลูกขโมยเงิน....
เชื่อแน่ว่า หลายๆท่านคงเคยผ่านปัญหานี้มาบ้างแล้ว หรือบางท่านอาจกำลังประสบปัญหานี้อยู่
ส่วนตัวฉันเอง เคยเจอทั้งสองอย่าง T_____T
ตอนฉันเป็นเด็ก มันมีสิ่งเร้าหลายอย่าง ไอ้นู่นก็ดี ไอ้นี่ก็อร่อย อยากกิน อยากได้ไปเสียหมด
แต่ด้วยที่บ้านฐานะไม่ดีจึงจำกัดการใช้เงินด้วยการให้เงินไปโรงเรียน(ชั้นประถม)วันละ 50 สตางค์
อ้อ...ฉัน ม.1 รุ่นแรกค่ะ อิอิ
(สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อยชามละ 1บาทถ้าใส่เครื่องในด้วยชามละ1.50)
ในขณะที่เพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันได้เงินไปโรงเรียนวันละ 2 บาท
อยากเล่นตุ๊กตา อยากเล่นลูกโป่งสวรรค์ ก็ไม่ได้เล่น
ได้แต่มองดูเด็กๆในวัยเดียวกันที่พ่อแม่เค้าซื้อให้เล่น ด้วยความอิจฉา ....
วันไหนทีรถขายลูกโป่งสวรรค์เข้ามาขายในหมู่บ้าน
ฉันก็วิ่งตามรถ....วิ่งตามดูลูกโป่งสีสวย
ด้วยความเป็นเด็กฉันจึงคิดขโมยเงิน.....
พอฉันมีลูกเอง ฉันมีลูก 2 คน หญิง/ชาย ฉันเลี้ยงดูแลเค้าอย่างดี
แต่ลูกชายฉันก็ขโมยเงินเพื่อ เอาไปแต่งรถ....(ช่วง ม.ต้น)
ก็จับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
เดี๋ยวนี้ฉันผ่านตรงจุดนั้นมาแล้วค่ะ
ลูกฉันทั้งสองคนเรียนจบและทำงานแล้ว
แต่เมื่อวันก่อน เพื่อนรุ่นน้องเค้ามาปรึกษาว่า
"พี่ หนูจะทำอย่างไรดี ลูกหนูขโมยเงิน...
พี่ช่วยหาวิธีสอนลูกหนูหน่อยซิ" ป้าดดดด....เอาปัญหาใหญ่มาให้ฉันอีกแล้ว
ฉันถามเค้าว่า "แล้วลูกยอมรับมั้ยว่า ขโมยเงินไป..."
เพื่อนรุ่นน้องตอบว่า "ฮึ มันไม่ยอมรับ"
ฉัน "อืมมม เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาไม่มีทางยอมรับ...."
เพื่อนรุ่นน้องฉันเค้ามีลูกชายวัยประถม(ป.5)
เค้าชอบนำปัญหาเรื่องลูกๆเค้ามาปรึกษาเพราะเค้าเห็นว่าฉันเลี้ยงลูกมาสองคนตลอดรอดฝั่งแล้ว
พอแยกจากกัน ฉันก็คิดๆๆๆๆ จะทำอย่างไรดี
จนบ่ายวันนี้ ฉันโทรบอกเพื่อนรุ่นน้องนั้นว่า "เย็นนี้พาลูกชายมากินข้าวที่ร้านนะ"

ฉันขายอาหารตามสั่ง)
พอถึงตอนเย็น เธอพาลูกมาจริงๆ
เธอพาลูกกินข้าว
พอกินข้าวเสร็จฉันเข้าเรื่องทันที....
(เพื่อนรุ่นน้องก็ยังไม่รู้ว่าฉันจะทำยังไง จะพูดอะไร)
ฉันทำเป็นพูดเรื่องนู้น เรื่องนี้ ลูกชายเพื่อนก็นั่งฟัง
ลักษณะที่ฉันพูดคือ ไม่ได้เอ่ยถึงเค้า ไม่ได้สอน แต่เป็นการบอกเล่า
เล่าให้เพื่อนรุ่นน้องฟังเหมือนกับไม่มีเค้านั่งอยู่ตรงนั้น
(โดยนิสัยของเด็กไม่ชอบการสั่งสอนตรงๆหรอกค่ะ มันรับไม่ได้)
ฉัน "พี่ว่าที่มือพีเป็นแต่แผลเนี่ย พี่ว่า เกิดจากเวรกรรมแน่ๆเลย"
(มือฉันทั้งสองข้าง ข้างขวาแม่เล่าให้ฟังว่ามันโดนแก๊ปยิงปืนแตกใส่ตั้งแต่ฉันยังจำความไม่ได้ลักษณะมันคือนิ้วชี้จะงอ เป็นแผลเป็น
ส่วนข้างซ้ายโดนเครื่องตัดหญ้าเย็บ33เข็ม เอ็นขาดกระดูกแตก อ้อ...คนที่ตวัดเครื่องตัดหญ้ามาโดนมือฉันคือ คุณสามีค่ะ(มันเป็นอุบัติเหตุ)
เพื่อนรุ่นน้องที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว บอกฉันว่า "ไม่ใช่หรอก พี่คิดมาก..."
ฉันจึงขยิบตาให้เธอ แล้วก็พูดต่อ
"จริงนะ พี่คิดว่า เป็นเรื่องของเวรกรรม ตอนเด็กๆพี่ชอบขโมยเงินแม่ มือพี่ถึงเป็นแบบนี้ นี่ขนาดพี่ขโมยเงินนิดเดียวเองนะ ถ้าขโมยเยอะๆคงมือขาด "
พร้อมๆกับ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นโชว์ ผ่านหน้าลูกชายเพื่อนไปมา ...แล้วก็สาธยายว่า มันโดนอะไรมาบ้าง
ฉันพูดต่อ"ถึงตอนนี้พี่รู้แล้วว่า บาปกรรมมีจริงไม่ต้องรอชาติหน้า พี่เจอชาตินี้เลย
ตอนนั้นพี่ไม่ได้สารภาพกับแม่ ถ้าพี่สารภาพนะ คงไม่เป็นหนักถึงขนาดนี้..."

ดร่าม่าสุดๆ)
เพื่อนก็รับสมอ้าง เออ ออ ไปกับฉันด้วย
แล้วหันไปถามลูกชายตัวน้อยเธอว่า "น้องเคยขโมยเงินแม่มั้ย"
เด็กชายตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด พร้อมกับพยักหน้า "เคย...."
หน้าตาเค้าจริงจังมาก(คงกลัว)
(เพื่อนฉันขำจนอดใจไม่อยู่ ต้องหันหน้าไปทางอื่นแล้วหัวเราะเบาๆ)
เค้าก็สารภาพมาหมดเลยว่าเคยขโมยกี่ครั้ง ???
ฉันนั่งฟังแล้วบอกเค้าว่า "ป้าเองก็อยากให้หนักเป็นเบาจึงทำบุญมากๆ
(เค้าเคยเห็นฉันไปทำโรงทาน)น้องเห็นใช่มั้ยที่เราไปทำบุญด้วยกัน(เค้าพยักหน้า)
แต่ถ้าน้องสารภาพและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก บาปมันก็จะไม่รุนแรง"
แล้วทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาจากปากน้อยๆ....
ฉันก็นั่งฟังแล้วทำใบ้บอกให้แม่เค้าว่า อย่าดุ...
พอดีมีโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์พ่อเค้าโทรเข้ามา แม่เค้าจึงบอกให้ลุกไปคุยกับพ่อ
ก่อนที่เค้าจะลุกไปรับโทรศัพท์ เค้ายังบอกแม่เค้าว่า แม่ แล้วมาหาน้องด้วยนะ
พอเค้าลุกไปแล้วฉันจึงบอกเพื่อนรุ่นน้องว่า
ที่ให้ไปหาคงจะสารภาพจะพูดต่อหน้าคนอื่นคงอายอย่าดุเค้านะ ค่อยๆพูด ค่อยๆถาม แล้วบอกว่าคราวหน้าอย่าทำอีก ที่ผ่านมาแม่ให้อภัย...
เธอลุกไปหาลูก สักพัก เธอเดินกลับมาหาฉัน แล้วบอกว่า ถ้างวดนี้ซื้อหวยจะถูกมั้ย...เค้าสารภาพจริงๆค่ะ
เธอบอกว่า พี่ บอกหมดเลย ว่าเอาเงินไปทำอะไร
ฉันจึงบอกเธอว่า เด็กวัยนี้ค่อยๆพูด ค่อยๆถาม อย่าดุและคาดคั้น เพราะถ้าเรายิ่งดุ เราจะไม่รู้ความจริงจากเค้าเลย
เวลาสอนก็อย่าสอนตรงๆ ให้เป้นลักษณะการบอกเล่า เล่าให้ฟัง...
เมื่อเค้าได้พูดได้บอกแล้ว คงจะผ่อนคลาย หน้าตาสดชื่นขึ้น
แต่เค้าหารู้ไม่ว่า นั่นเป็นแผนป้ากับแม่
เฮ้อออออ เพิ่ง ป.5 เอง ยังต้องเหนื่อยอีกนานเลย
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
ทำไงดี ...เมื่อลูกขโมยเงิน ??????
2.พอโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นพ่อเป็นแม่แล้วมีลูก เคยจับได้มั้ยว่าลูกขโมยเงิน....
เชื่อแน่ว่า หลายๆท่านคงเคยผ่านปัญหานี้มาบ้างแล้ว หรือบางท่านอาจกำลังประสบปัญหานี้อยู่
ส่วนตัวฉันเอง เคยเจอทั้งสองอย่าง T_____T
ตอนฉันเป็นเด็ก มันมีสิ่งเร้าหลายอย่าง ไอ้นู่นก็ดี ไอ้นี่ก็อร่อย อยากกิน อยากได้ไปเสียหมด
แต่ด้วยที่บ้านฐานะไม่ดีจึงจำกัดการใช้เงินด้วยการให้เงินไปโรงเรียน(ชั้นประถม)วันละ 50 สตางค์
อ้อ...ฉัน ม.1 รุ่นแรกค่ะ อิอิ
(สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อยชามละ 1บาทถ้าใส่เครื่องในด้วยชามละ1.50)
ในขณะที่เพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันได้เงินไปโรงเรียนวันละ 2 บาท
อยากเล่นตุ๊กตา อยากเล่นลูกโป่งสวรรค์ ก็ไม่ได้เล่น
ได้แต่มองดูเด็กๆในวัยเดียวกันที่พ่อแม่เค้าซื้อให้เล่น ด้วยความอิจฉา ....
วันไหนทีรถขายลูกโป่งสวรรค์เข้ามาขายในหมู่บ้าน
ฉันก็วิ่งตามรถ....วิ่งตามดูลูกโป่งสีสวย
ด้วยความเป็นเด็กฉันจึงคิดขโมยเงิน.....
พอฉันมีลูกเอง ฉันมีลูก 2 คน หญิง/ชาย ฉันเลี้ยงดูแลเค้าอย่างดี
แต่ลูกชายฉันก็ขโมยเงินเพื่อ เอาไปแต่งรถ....(ช่วง ม.ต้น)
ก็จับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
เดี๋ยวนี้ฉันผ่านตรงจุดนั้นมาแล้วค่ะ
ลูกฉันทั้งสองคนเรียนจบและทำงานแล้ว
แต่เมื่อวันก่อน เพื่อนรุ่นน้องเค้ามาปรึกษาว่า
"พี่ หนูจะทำอย่างไรดี ลูกหนูขโมยเงิน...
พี่ช่วยหาวิธีสอนลูกหนูหน่อยซิ" ป้าดดดด....เอาปัญหาใหญ่มาให้ฉันอีกแล้ว
ฉันถามเค้าว่า "แล้วลูกยอมรับมั้ยว่า ขโมยเงินไป..."
เพื่อนรุ่นน้องตอบว่า "ฮึ มันไม่ยอมรับ"
ฉัน "อืมมม เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาไม่มีทางยอมรับ...."
เพื่อนรุ่นน้องฉันเค้ามีลูกชายวัยประถม(ป.5)
เค้าชอบนำปัญหาเรื่องลูกๆเค้ามาปรึกษาเพราะเค้าเห็นว่าฉันเลี้ยงลูกมาสองคนตลอดรอดฝั่งแล้ว
พอแยกจากกัน ฉันก็คิดๆๆๆๆ จะทำอย่างไรดี
จนบ่ายวันนี้ ฉันโทรบอกเพื่อนรุ่นน้องนั้นว่า "เย็นนี้พาลูกชายมากินข้าวที่ร้านนะ"
พอถึงตอนเย็น เธอพาลูกมาจริงๆ
เธอพาลูกกินข้าว
พอกินข้าวเสร็จฉันเข้าเรื่องทันที....
(เพื่อนรุ่นน้องก็ยังไม่รู้ว่าฉันจะทำยังไง จะพูดอะไร)
ฉันทำเป็นพูดเรื่องนู้น เรื่องนี้ ลูกชายเพื่อนก็นั่งฟัง
ลักษณะที่ฉันพูดคือ ไม่ได้เอ่ยถึงเค้า ไม่ได้สอน แต่เป็นการบอกเล่า
เล่าให้เพื่อนรุ่นน้องฟังเหมือนกับไม่มีเค้านั่งอยู่ตรงนั้น
(โดยนิสัยของเด็กไม่ชอบการสั่งสอนตรงๆหรอกค่ะ มันรับไม่ได้)
ฉัน "พี่ว่าที่มือพีเป็นแต่แผลเนี่ย พี่ว่า เกิดจากเวรกรรมแน่ๆเลย"
(มือฉันทั้งสองข้าง ข้างขวาแม่เล่าให้ฟังว่ามันโดนแก๊ปยิงปืนแตกใส่ตั้งแต่ฉันยังจำความไม่ได้ลักษณะมันคือนิ้วชี้จะงอ เป็นแผลเป็น
ส่วนข้างซ้ายโดนเครื่องตัดหญ้าเย็บ33เข็ม เอ็นขาดกระดูกแตก อ้อ...คนที่ตวัดเครื่องตัดหญ้ามาโดนมือฉันคือ คุณสามีค่ะ(มันเป็นอุบัติเหตุ)
เพื่อนรุ่นน้องที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว บอกฉันว่า "ไม่ใช่หรอก พี่คิดมาก..."
ฉันจึงขยิบตาให้เธอ แล้วก็พูดต่อ
"จริงนะ พี่คิดว่า เป็นเรื่องของเวรกรรม ตอนเด็กๆพี่ชอบขโมยเงินแม่ มือพี่ถึงเป็นแบบนี้ นี่ขนาดพี่ขโมยเงินนิดเดียวเองนะ ถ้าขโมยเยอะๆคงมือขาด "
พร้อมๆกับ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นโชว์ ผ่านหน้าลูกชายเพื่อนไปมา ...แล้วก็สาธยายว่า มันโดนอะไรมาบ้าง
ฉันพูดต่อ"ถึงตอนนี้พี่รู้แล้วว่า บาปกรรมมีจริงไม่ต้องรอชาติหน้า พี่เจอชาตินี้เลย
ตอนนั้นพี่ไม่ได้สารภาพกับแม่ ถ้าพี่สารภาพนะ คงไม่เป็นหนักถึงขนาดนี้..."
เพื่อนก็รับสมอ้าง เออ ออ ไปกับฉันด้วย
แล้วหันไปถามลูกชายตัวน้อยเธอว่า "น้องเคยขโมยเงินแม่มั้ย"
เด็กชายตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด พร้อมกับพยักหน้า "เคย...."
หน้าตาเค้าจริงจังมาก(คงกลัว)
(เพื่อนฉันขำจนอดใจไม่อยู่ ต้องหันหน้าไปทางอื่นแล้วหัวเราะเบาๆ)
เค้าก็สารภาพมาหมดเลยว่าเคยขโมยกี่ครั้ง ???
ฉันนั่งฟังแล้วบอกเค้าว่า "ป้าเองก็อยากให้หนักเป็นเบาจึงทำบุญมากๆ
(เค้าเคยเห็นฉันไปทำโรงทาน)น้องเห็นใช่มั้ยที่เราไปทำบุญด้วยกัน(เค้าพยักหน้า)
แต่ถ้าน้องสารภาพและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก บาปมันก็จะไม่รุนแรง"
แล้วทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาจากปากน้อยๆ....
ฉันก็นั่งฟังแล้วทำใบ้บอกให้แม่เค้าว่า อย่าดุ...
พอดีมีโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์พ่อเค้าโทรเข้ามา แม่เค้าจึงบอกให้ลุกไปคุยกับพ่อ
ก่อนที่เค้าจะลุกไปรับโทรศัพท์ เค้ายังบอกแม่เค้าว่า แม่ แล้วมาหาน้องด้วยนะ
พอเค้าลุกไปแล้วฉันจึงบอกเพื่อนรุ่นน้องว่า
ที่ให้ไปหาคงจะสารภาพจะพูดต่อหน้าคนอื่นคงอายอย่าดุเค้านะ ค่อยๆพูด ค่อยๆถาม แล้วบอกว่าคราวหน้าอย่าทำอีก ที่ผ่านมาแม่ให้อภัย...
เธอลุกไปหาลูก สักพัก เธอเดินกลับมาหาฉัน แล้วบอกว่า ถ้างวดนี้ซื้อหวยจะถูกมั้ย...เค้าสารภาพจริงๆค่ะ
เธอบอกว่า พี่ บอกหมดเลย ว่าเอาเงินไปทำอะไร
ฉันจึงบอกเธอว่า เด็กวัยนี้ค่อยๆพูด ค่อยๆถาม อย่าดุและคาดคั้น เพราะถ้าเรายิ่งดุ เราจะไม่รู้ความจริงจากเค้าเลย
เวลาสอนก็อย่าสอนตรงๆ ให้เป้นลักษณะการบอกเล่า เล่าให้ฟัง...
เมื่อเค้าได้พูดได้บอกแล้ว คงจะผ่อนคลาย หน้าตาสดชื่นขึ้น
แต่เค้าหารู้ไม่ว่า นั่นเป็นแผนป้ากับแม่
เฮ้อออออ เพิ่ง ป.5 เอง ยังต้องเหนื่อยอีกนานเลย
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ