Star trek Into darkness เพิ่งดูมา สนุกชอบมากกกกกก เป็นหนังดีปีนี้เลย {{เราว่าสนุกกว่า ไอออนแมนอีก
เจอบทวิจารณ์นี้ วิจารณ์ได้น่าสนใจ เอามาฝากจ้า
ข้อมูลบทวิจารณ์ นี้นำมาจาก
เครดิต เพจ สนทนาไซ-ไฟ
https://www.facebook.com/TalkSciFi
# ในภาพรวมก่อน
- ในแง่พล็อตภาพรวมลูกเล่น ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังครับ ชัดเจนว่าภาคนี้ ทีมสร้าง+ผกก. J.J.Abrams สร้างบูชาภาคเก่าก่อนนั้นคือ Star Trek : The Wrath of Khan(1982) (ซึ่งเป็น Trek ภาคขึ้นหึ้ง) โดยการดึงเอาองค์ประกอบหลายๆอย่างมาใช้ ยอมรับเลย JJ ดัดแปลงได้อย่างมีลูกเล่นอัจฉริยะ แต่ถ้าเทียบกับพล็อตต้นฉบับ(พล็อตอย่างเดียวนะ) ต้องบอกเลยว่า The Wrath of Khan สมบูรณ์มากกว่า ซึ้งนั่นก็ไม่แปลกที่ระดับ JJ บูชาถึงขั้นต้องเจาะจงยืม(ก็อบ)ภาคนี้มาเล่น ...
*** สำหรับ The Wrath of Khan สนใจไว้ค่อยลองแวะดูข้อมูล รีวิว-เรื่องย่อที่
http://www.startrek.siligon.com/stmovie.html
- ตัวละคร-นักแสดง Into darkness วางบทบาท ความสัมพันธ์ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ทุกอย่างใช้ได้อย่างคุ้มค่าส่งรับกัน+ดราม่าซาบซึ่งลงตัวมาก โดยเฉพาะ ข่าน (มนุษย์ 300 ปี! ^^) นี้เทพสุดขีด นักแสดง Benedict สีหน้า แววตา ฉลาด+โหดลึก (เล่นได้ดีกว่าข่าน ต้นฉบับ The Wrath of Khan อีก) ใน Into darkness คำพูดของนายพล Marcus บอกประมาณ "คุณก็เห็นนี่ว่าเขาคนเดียวทำอะไรได้บ้าง" อธิบายทุกอย่างของ ข่าน เรียบร้อย และ Benedict ก็ถ่ายทอดออกมาได้ครบครัน ทั้งบุ๋นและบู๊ :>
- การวางพล็อตดัดแปลงจากภาคเก่าแบบนี้ เฉพาะสำหรับแฟน Trek ที่เคยดูมาก่อนแล้ว คงเห็นตรงกันว่า เอามาเล่นได้ยอดมาก ---แต่ปัญหาสำหรับคนที่ไม่ใช่ แฟน Trek โดยตรง อาจไม่อิน+งงได้กับบาง Shot เพราะมีอะไรหลายอย่างที่เป็นเฉพาะทางของ Star Trek (แต่คิดว่าไม่ถึงกับหนักไป จนเสียหาย ดูไม่รู้เรื่อง... หรือเปล่า?)
- ฉาก เผ่าคลิงออน ชอบมากครับ วางพล็อตให้เชื่อมโยงกับ กรณี ข่าน และ นายพล Marcus ได้อย่างมีกึ๋น --- และทั้งยาน ทั้งตัวนักรบคลิงออนก็เท่มาก+ยานศีกก็เท่ระเบิด โดยเฉพาะฉากย่อยคลิงออน ล้อมพวกกัปตันเคิร์ก-สป็อค แล้วประกาศเสียงกระหึ่มในภาษาคลิงออนนี้ มันขลังมาก
- ที่ขอติง (ก็ตั้งแต่ภาคก่อนๆแล้วละ) ไม่ใช่ในแง่วิธีการลูกเล่นสร้างหนังนะ เพราะวิธีการของ ทีมผกก. JJ เทพอยู่แล้ว --- แต่ที่ว่ามันเป็นในระดับแก่น Theme ใหญ่ของความเป็น Star trek คือเหมือน Star trek ภาคหลังๆจะสูญเสียจิตวิญญาณความเป็นไซไฟ ที่หลักเดิมเน้นสำรวจอากาศ-ปมทางปรัชญาวิทยาศาสตร์เป็นหลัก (ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Trek ต่างจาก Star Wars และไซไฟอื่นๆ---ก็ไม่ได้สูญเสียร้ายแรงจนย้ำแย่ แต่ก็ต้องบอกว่าว่าสูญเสียจุดยืนเดิมพอควรทีเดียวนะ) โดยมีแอคชั่นก็มีแต่เป็นส่วนเสริมสีสันให้หนังสนุก (แต่ถ้าอ้างในแง่ตลาดแมสขึ้น ก็พอเข้าใจครับ แต่ส่วนตัวยังมองว่า ถ้ายังคงแนวทางเดิม แนวนี้ก็ขายได้ดีนะ JJ ก็เคยทำซีรี่ยๆอย่าง Lost, Fringe ก็พิสูจน์แล้วว่าก็ขายได้ดีเป็นที่นิยมได้นี่น่า )
--- แต่กลายเป็นว่า Star Trek ฉบับ JJ สลับกัน เป็นหนังไซไฟ+แอคชั่น+ดราม่าเป็นธีมหลักแทน (แต่ก็ยอมรับนะครับทำมาได้ดีมากนะ + เหมือนจะเริ่มกลายๆเข้าใกล้ความเป็น Star Wars เข้าไปพอควร เพียงแต่แฟนตาซีน้อยกว่า) ...ถ้าใครได้มีโอกาสย้อนไปดูภาค The Wrath of Khan ต้นฉบับ ต้องบอกว่าภาคนี้สุดยอดมากในแง่พล็อตการดำเนินเรื่องและความเป็น Trek ถือเป็นกรณีศึกษาของ Star Trek เลย ถึงมันจะมีการเพิ่มแอคชั่น-ดราม่าเพื่อความสนุกแต่ก็ยังคงแก่นธีม ไซไฟจินตนาการวิทยาศาสตร์ โดยจะเห็นว่ามี โครงการลับที่ชื่อ "Genesis" อันเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถสร้างชีวิต-ดาวใหม่ขึ้นมาทั้งดาว! (ซึ่งเป็นนวัตกรรมKnowhow ที่ ข่าน ต้องการมาก)
--- แต่ Into Darkness ไม่มีอะไรทำนองนี้นะ จะมีบ้างก็แค่ช่วงเดียวคือ ช่วงแรก ดาว Nibiru (เผ่าธรรมกายที่ ฮาร์ดคอร์ เอามาล้อกันนั้นแหละ หุๆ) ที่พวกเคิร์ก-สป็อค ไปช่วยดดับภูเขาไฟ แล้วดันเห็นยาน อันนี้เจ๋งครับ มันสะท้อน "ทฤษฏีพระเจ้าจากอวกาศ" แต่กลับปรากฏว่าฉากนี้มันกลายเป็นแค่ฉากแถม ลอยๆ จบแล้วจบเลยแค่นั้น ไม่ได้ไปเชื่อมโยงต่อโครงเรื่องในภายหลังแต่อย่างใด(ซึ่งถ้ามีเชื่อมเกี่ยวข้องในทางใดทางหนึ่ง มันก็จะช่วยเพิ่มความเป็นปรัชญาวิทยาศาสตร์ อีกพอควรเลยนะ) ซึ่งต่างจาก โครงการ Genesis ในภาคเดิมที่เป็นแก่นประเด็นทั้งหมดของเรื่องตั้งแต่ต้นยันจบ (แต่ใน Into darkness ธีม มันเป็นการล้างแค้น-แองชั่นไล่ล่าล้วนๆ ส่วน วิทยาศาสตร์+อวกาศ กลายแค่ตัวประกอบ) --- ใน Wrath of Khan โครงการ Genesis ยังย้อนตอบโจทย์การชุปชีวิตด้วยอีกต่างๆหาก ในขณะที่ Into Darkness เอาเลือดข่าน มาเป็นประเด็นแทน ซึ่งเทียบกันแล้วถือว่ามีมิติน้อยกว่าการใช้ Genesis ซุปชีวิต มากทีเดียว (เสนอเล่นๆนะ กรณีการชุปชีวิต ถ้าปรับวางพล็อตโดย ย้อนกลับไปเชื่อมโยงบางอย่างกับอารยธรรมชาว Nibiru แทนเลือดข่าน ล่ะ :>)
# ในส่วนรายละเอียด ในแง่ยิบย่อย (ที่ก็ได้ไม่กระทบภาพรวมอะไรของหนังนะ )
- ฉาก Carol Marcus เปลื้องผ้าสั้นๆ ^^ ---คงตั้งใจให้เป็นของแถม แฟนบอย ? ^^ (อันนี้จริงๆไม่มีก็ได้นะ แต่ในเมื่อมีแล้วเปลื่้องแล้ว น่าจะใช้ประโยชน์มากกว่านี้ในแง่กระทบต่อความเป็นไปของเรื่อง เพราะว่า Marcusเป็นตัวละครบทบาทสำคัญ ไม่ใช่ผุ้หญิงอื่นๆทั่วไปที่นอนเล่นกับ กัปตันเคิร์ก 55 )
- ฉาก ลูกตบหน้าพ่อ สำหรับ แอดมินคนไทย ซ็อค! ครับ (แต่ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมฝรั่งมองยังไง)
-Len Flares ที่แฟนบอยชอบแซว 55 ภาคนี้ก็พอควร แต่ไม่ถึงกับเยอะเวอร์จนแสบตาเท่าไหรหรอก ก็พอเป็นเอกลักษณ์ ให้รู้ว่างานนี้ของ JJ
- อีกอย่างส่วนตัวกรณีมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปลักษณ์ไม่เหมือนมนุษย์(ถึงแม้จะเป็นตัวประกอบเล็กๆก็ตาม) อยากให้มีเผ่าอื่นๆที่เป็นสมาชิก Starfleet มากกว่านี้อีกหน่อย ให้พื้นที่บทบาทสำคัญอีกนิสส์ ให้เขาได้พูดความเห็นคมๆด้วยบ้าง มากกว่านั้งเงียบๆ 55 อย่างตอนประชุมก็แทบเป็นมนุษย์ล้วนๆ ที่มีก็เหมือนจงใจให้ดูเป็นของแถม หน้าตาขำๆมากกว่า (เขาเป็นถึงสามาชิกระดับสูงมาจากต่างดาว น่าจะภูมิฐานกว่านี้ :>) + ส่วนที่โผล่ในยาน Enterprise ฉากอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน ที่มีดูเป็นตัวประกอบแค่นั่งเล่นๆ หรือเป็นเพียงแรงงานต่างดาว ผ่านๆให้เห็นไกลๆ
- ส่วนกรณี ฉากCG-VFX คงไม่ต้องพูดถึงนะครับ หนังระดับนี้ ยุคนี้นะ อลังการ งดงาม สมบูรณ์แบบครับ
- สุดท้าย เข้าใจว่ามี ภาค 3 ---เหมือนเป็นนัยๆ ข่าน จะกลับมา ?---ถ้ามาจริง มันคงต้องดุเดือดมาก ภาคนี้ก็เห็นชัดว่าขนาด ข่าน คนเดียวยังร้ายขนาดนี้ (ที่แพ้ ก็เพราะโดนรุม) แล้วถ้าเขากลับมาแบบมี กองกำลังละ! ? ปมของเรื่องจะมันส์ขนาดใน
# สรุปว่า Into darkness ไม่ผิดหวังเลยครับ ทั้ง Like+Love ซูฮก+ชื่นชม ผกก. jj และทีมสร้างครับ -- คะแนน 8.1 (ส่วนภาค 2009 ที่แล้วให้ 8.0 นะครับ)
ปล. และในอนาคตการที่ JJ ได้กำกับ Star Wars ถือเหมาะเข้าทางมากครับ ถ้ายังรักษาคุณภาพ พล็อต การวางโครงเรื่อง ดำเนินเรื่อง ในระดับ Into darkness ไว้ได้ --- ขออวยล่วงหน้าเลยละกัน 55 ว่า Star Wars 7-8-9 จะกลายเป็นอีกตำนานขึ้นหึ่งแน่นอน (ลองวาดภาพดูประมาณว่าเป็น Into darkness ที่มี Force+Lightsaber + ซิธร้ายแบบ ข่าน + แฟนตาซีมนุษย์ต่างดาว/อวกาศเต็มสตรีมมากกว่า มันจะยอดเยี่ยมขนาดไหน ลุ้นระทึก)
Star trek Into darkness บทวิจารณ์
เจอบทวิจารณ์นี้ วิจารณ์ได้น่าสนใจ เอามาฝากจ้า
ข้อมูลบทวิจารณ์ นี้นำมาจาก
เครดิต เพจ สนทนาไซ-ไฟ https://www.facebook.com/TalkSciFi
# ในภาพรวมก่อน
- ในแง่พล็อตภาพรวมลูกเล่น ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังครับ ชัดเจนว่าภาคนี้ ทีมสร้าง+ผกก. J.J.Abrams สร้างบูชาภาคเก่าก่อนนั้นคือ Star Trek : The Wrath of Khan(1982) (ซึ่งเป็น Trek ภาคขึ้นหึ้ง) โดยการดึงเอาองค์ประกอบหลายๆอย่างมาใช้ ยอมรับเลย JJ ดัดแปลงได้อย่างมีลูกเล่นอัจฉริยะ แต่ถ้าเทียบกับพล็อตต้นฉบับ(พล็อตอย่างเดียวนะ) ต้องบอกเลยว่า The Wrath of Khan สมบูรณ์มากกว่า ซึ้งนั่นก็ไม่แปลกที่ระดับ JJ บูชาถึงขั้นต้องเจาะจงยืม(ก็อบ)ภาคนี้มาเล่น ...
*** สำหรับ The Wrath of Khan สนใจไว้ค่อยลองแวะดูข้อมูล รีวิว-เรื่องย่อที่ http://www.startrek.siligon.com/stmovie.html
- ตัวละคร-นักแสดง Into darkness วางบทบาท ความสัมพันธ์ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ทุกอย่างใช้ได้อย่างคุ้มค่าส่งรับกัน+ดราม่าซาบซึ่งลงตัวมาก โดยเฉพาะ ข่าน (มนุษย์ 300 ปี! ^^) นี้เทพสุดขีด นักแสดง Benedict สีหน้า แววตา ฉลาด+โหดลึก (เล่นได้ดีกว่าข่าน ต้นฉบับ The Wrath of Khan อีก) ใน Into darkness คำพูดของนายพล Marcus บอกประมาณ "คุณก็เห็นนี่ว่าเขาคนเดียวทำอะไรได้บ้าง" อธิบายทุกอย่างของ ข่าน เรียบร้อย และ Benedict ก็ถ่ายทอดออกมาได้ครบครัน ทั้งบุ๋นและบู๊ :>
- การวางพล็อตดัดแปลงจากภาคเก่าแบบนี้ เฉพาะสำหรับแฟน Trek ที่เคยดูมาก่อนแล้ว คงเห็นตรงกันว่า เอามาเล่นได้ยอดมาก ---แต่ปัญหาสำหรับคนที่ไม่ใช่ แฟน Trek โดยตรง อาจไม่อิน+งงได้กับบาง Shot เพราะมีอะไรหลายอย่างที่เป็นเฉพาะทางของ Star Trek (แต่คิดว่าไม่ถึงกับหนักไป จนเสียหาย ดูไม่รู้เรื่อง... หรือเปล่า?)
- ฉาก เผ่าคลิงออน ชอบมากครับ วางพล็อตให้เชื่อมโยงกับ กรณี ข่าน และ นายพล Marcus ได้อย่างมีกึ๋น --- และทั้งยาน ทั้งตัวนักรบคลิงออนก็เท่มาก+ยานศีกก็เท่ระเบิด โดยเฉพาะฉากย่อยคลิงออน ล้อมพวกกัปตันเคิร์ก-สป็อค แล้วประกาศเสียงกระหึ่มในภาษาคลิงออนนี้ มันขลังมาก
- ที่ขอติง (ก็ตั้งแต่ภาคก่อนๆแล้วละ) ไม่ใช่ในแง่วิธีการลูกเล่นสร้างหนังนะ เพราะวิธีการของ ทีมผกก. JJ เทพอยู่แล้ว --- แต่ที่ว่ามันเป็นในระดับแก่น Theme ใหญ่ของความเป็น Star trek คือเหมือน Star trek ภาคหลังๆจะสูญเสียจิตวิญญาณความเป็นไซไฟ ที่หลักเดิมเน้นสำรวจอากาศ-ปมทางปรัชญาวิทยาศาสตร์เป็นหลัก (ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Trek ต่างจาก Star Wars และไซไฟอื่นๆ---ก็ไม่ได้สูญเสียร้ายแรงจนย้ำแย่ แต่ก็ต้องบอกว่าว่าสูญเสียจุดยืนเดิมพอควรทีเดียวนะ) โดยมีแอคชั่นก็มีแต่เป็นส่วนเสริมสีสันให้หนังสนุก (แต่ถ้าอ้างในแง่ตลาดแมสขึ้น ก็พอเข้าใจครับ แต่ส่วนตัวยังมองว่า ถ้ายังคงแนวทางเดิม แนวนี้ก็ขายได้ดีนะ JJ ก็เคยทำซีรี่ยๆอย่าง Lost, Fringe ก็พิสูจน์แล้วว่าก็ขายได้ดีเป็นที่นิยมได้นี่น่า )
--- แต่กลายเป็นว่า Star Trek ฉบับ JJ สลับกัน เป็นหนังไซไฟ+แอคชั่น+ดราม่าเป็นธีมหลักแทน (แต่ก็ยอมรับนะครับทำมาได้ดีมากนะ + เหมือนจะเริ่มกลายๆเข้าใกล้ความเป็น Star Wars เข้าไปพอควร เพียงแต่แฟนตาซีน้อยกว่า) ...ถ้าใครได้มีโอกาสย้อนไปดูภาค The Wrath of Khan ต้นฉบับ ต้องบอกว่าภาคนี้สุดยอดมากในแง่พล็อตการดำเนินเรื่องและความเป็น Trek ถือเป็นกรณีศึกษาของ Star Trek เลย ถึงมันจะมีการเพิ่มแอคชั่น-ดราม่าเพื่อความสนุกแต่ก็ยังคงแก่นธีม ไซไฟจินตนาการวิทยาศาสตร์ โดยจะเห็นว่ามี โครงการลับที่ชื่อ "Genesis" อันเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถสร้างชีวิต-ดาวใหม่ขึ้นมาทั้งดาว! (ซึ่งเป็นนวัตกรรมKnowhow ที่ ข่าน ต้องการมาก)
--- แต่ Into Darkness ไม่มีอะไรทำนองนี้นะ จะมีบ้างก็แค่ช่วงเดียวคือ ช่วงแรก ดาว Nibiru (เผ่าธรรมกายที่ ฮาร์ดคอร์ เอามาล้อกันนั้นแหละ หุๆ) ที่พวกเคิร์ก-สป็อค ไปช่วยดดับภูเขาไฟ แล้วดันเห็นยาน อันนี้เจ๋งครับ มันสะท้อน "ทฤษฏีพระเจ้าจากอวกาศ" แต่กลับปรากฏว่าฉากนี้มันกลายเป็นแค่ฉากแถม ลอยๆ จบแล้วจบเลยแค่นั้น ไม่ได้ไปเชื่อมโยงต่อโครงเรื่องในภายหลังแต่อย่างใด(ซึ่งถ้ามีเชื่อมเกี่ยวข้องในทางใดทางหนึ่ง มันก็จะช่วยเพิ่มความเป็นปรัชญาวิทยาศาสตร์ อีกพอควรเลยนะ) ซึ่งต่างจาก โครงการ Genesis ในภาคเดิมที่เป็นแก่นประเด็นทั้งหมดของเรื่องตั้งแต่ต้นยันจบ (แต่ใน Into darkness ธีม มันเป็นการล้างแค้น-แองชั่นไล่ล่าล้วนๆ ส่วน วิทยาศาสตร์+อวกาศ กลายแค่ตัวประกอบ) --- ใน Wrath of Khan โครงการ Genesis ยังย้อนตอบโจทย์การชุปชีวิตด้วยอีกต่างๆหาก ในขณะที่ Into Darkness เอาเลือดข่าน มาเป็นประเด็นแทน ซึ่งเทียบกันแล้วถือว่ามีมิติน้อยกว่าการใช้ Genesis ซุปชีวิต มากทีเดียว (เสนอเล่นๆนะ กรณีการชุปชีวิต ถ้าปรับวางพล็อตโดย ย้อนกลับไปเชื่อมโยงบางอย่างกับอารยธรรมชาว Nibiru แทนเลือดข่าน ล่ะ :>)
# ในส่วนรายละเอียด ในแง่ยิบย่อย (ที่ก็ได้ไม่กระทบภาพรวมอะไรของหนังนะ )
- ฉาก Carol Marcus เปลื้องผ้าสั้นๆ ^^ ---คงตั้งใจให้เป็นของแถม แฟนบอย ? ^^ (อันนี้จริงๆไม่มีก็ได้นะ แต่ในเมื่อมีแล้วเปลื่้องแล้ว น่าจะใช้ประโยชน์มากกว่านี้ในแง่กระทบต่อความเป็นไปของเรื่อง เพราะว่า Marcusเป็นตัวละครบทบาทสำคัญ ไม่ใช่ผุ้หญิงอื่นๆทั่วไปที่นอนเล่นกับ กัปตันเคิร์ก 55 )
- ฉาก ลูกตบหน้าพ่อ สำหรับ แอดมินคนไทย ซ็อค! ครับ (แต่ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมฝรั่งมองยังไง)
-Len Flares ที่แฟนบอยชอบแซว 55 ภาคนี้ก็พอควร แต่ไม่ถึงกับเยอะเวอร์จนแสบตาเท่าไหรหรอก ก็พอเป็นเอกลักษณ์ ให้รู้ว่างานนี้ของ JJ
- อีกอย่างส่วนตัวกรณีมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปลักษณ์ไม่เหมือนมนุษย์(ถึงแม้จะเป็นตัวประกอบเล็กๆก็ตาม) อยากให้มีเผ่าอื่นๆที่เป็นสมาชิก Starfleet มากกว่านี้อีกหน่อย ให้พื้นที่บทบาทสำคัญอีกนิสส์ ให้เขาได้พูดความเห็นคมๆด้วยบ้าง มากกว่านั้งเงียบๆ 55 อย่างตอนประชุมก็แทบเป็นมนุษย์ล้วนๆ ที่มีก็เหมือนจงใจให้ดูเป็นของแถม หน้าตาขำๆมากกว่า (เขาเป็นถึงสามาชิกระดับสูงมาจากต่างดาว น่าจะภูมิฐานกว่านี้ :>) + ส่วนที่โผล่ในยาน Enterprise ฉากอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน ที่มีดูเป็นตัวประกอบแค่นั่งเล่นๆ หรือเป็นเพียงแรงงานต่างดาว ผ่านๆให้เห็นไกลๆ
- ส่วนกรณี ฉากCG-VFX คงไม่ต้องพูดถึงนะครับ หนังระดับนี้ ยุคนี้นะ อลังการ งดงาม สมบูรณ์แบบครับ
- สุดท้าย เข้าใจว่ามี ภาค 3 ---เหมือนเป็นนัยๆ ข่าน จะกลับมา ?---ถ้ามาจริง มันคงต้องดุเดือดมาก ภาคนี้ก็เห็นชัดว่าขนาด ข่าน คนเดียวยังร้ายขนาดนี้ (ที่แพ้ ก็เพราะโดนรุม) แล้วถ้าเขากลับมาแบบมี กองกำลังละ! ? ปมของเรื่องจะมันส์ขนาดใน
# สรุปว่า Into darkness ไม่ผิดหวังเลยครับ ทั้ง Like+Love ซูฮก+ชื่นชม ผกก. jj และทีมสร้างครับ -- คะแนน 8.1 (ส่วนภาค 2009 ที่แล้วให้ 8.0 นะครับ)
ปล. และในอนาคตการที่ JJ ได้กำกับ Star Wars ถือเหมาะเข้าทางมากครับ ถ้ายังรักษาคุณภาพ พล็อต การวางโครงเรื่อง ดำเนินเรื่อง ในระดับ Into darkness ไว้ได้ --- ขออวยล่วงหน้าเลยละกัน 55 ว่า Star Wars 7-8-9 จะกลายเป็นอีกตำนานขึ้นหึ่งแน่นอน (ลองวาดภาพดูประมาณว่าเป็น Into darkness ที่มี Force+Lightsaber + ซิธร้ายแบบ ข่าน + แฟนตาซีมนุษย์ต่างดาว/อวกาศเต็มสตรีมมากกว่า มันจะยอดเยี่ยมขนาดไหน ลุ้นระทึก)