บทความพิเศษ(มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ17ข23 พ.ค.2556)
ในยุคที่คนกลุ่มหนึ่งของประเทศกำลังท่องคาถาประชาธิปไตยวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เราได้เห็น
รูปแบบประชาธิปไตยที่พิลึกพิเรนทร์กว่าชาวโลกเขา
เพราะขณะที่ท่องประชาธิปไตยเจื้อยแจ้วนั้นดูเหมือนพวกเขาจะทำหลายอย่างตรงข้ามกับประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยเมืองไทยยุคนี้ แปลกตรงที่เมื่อรัฐบาลทำอะไรล้มเหลวก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะจะมี
เครือข่ายมวลชนของรัฐบาลคอยสร้างข่าวโยนให้เป็นความผิดของอำมาตย์และการรัฐประหาร
เช่น น้ำท่วมก็เป็นฝีมืออำมาตย์ เมื่อถูกติงเตือนเรื่องจำนำข้าวก็หาว่าเป็นพวกอำมาตย์มาคอยขัดขวาง
แม้แต่เด็กสาวเต้นเปลือยอกตอนสงกรานต์ที่สีลมปีที่แล้ว คนพรรคเพื่อไทยบางคน (ผู้หญิง) ยังบอกว่า
เป็นผลพวงจากรัฐประหาร (ตอนมีรัฐประหารทำให้เปลือยอกต่อหน้าสาธารณะไม่ได้ อะไรจะฮาได้ขนาดนั้น)
ประชาธิปไตยพิลึก ยังทำให้เราได้เห็นปรากฏการณ์ที่ผู้นำประเทศไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการประชุม
สำคัญของรัฐสภา เช่น เรื่องงบประมาณหรือเรื่องใหญ่อีกหลายเรื่อง จะเข้าไปฟังบ้างก็แค่พอเป็นพิธี ซึ่งคงหา
ยากที่จะมีผู้นำประเทศไหนทำได้อย่างนี้ ยกเว้นประเทศไทย
ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่มวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลเห็นดีเห็นงามและยอมรับกับการที่ผู้นำประเทศไม่ให้ความสำคัญ
กับงานรัฐสภา ส่วนเรื่องตอบกระทู้ในสภานั้น ไม่ต้องพูดถึงเพราะผู้นำไม่เคยเข้าไปตอบเลย
ถ้าเป็นผู้นำประเทศอื่น ประชาชนอาจถือว่าขาดคุณสมบัติไปแล้วกับการที่ผู้นำไม่ค่อยประชุมสภา หรือไม่เคย
ไปตอบกระทู้
แต่ที่เมืองไทย กลับได้รับการสนับสนุนจากมวลชนที่เป็นฐานเสียงว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
พวกประชาธิปไตยพิลึกยังชอบใช้กำลังไปคุกคามข่มขู่ฝ่ายค้าน ปกติแล้วในประเทศประชาธิปไตยนั้นเรามักจะเห็น
แต่ม็อบที่ไปประท้วงรัฐบาลในปัญหาต่างๆ เช่น เรียกร้องให้แก้ปัญหาค่าครองชีพ แต่ประเทศพิลึกนี้เราได้เห็น
กองกำลังม็อบของรัฐบาลคอยไปคุกคามฝ่ายค้าน และก็ทำหน้าที่รักษาอำนาจรัฐบาล
การคุกคามฝ่ายค้านถือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย และยังสะท้อนถึงการเป็นเผด็จการในตัวเอง 
ระบอบประชาธิปไตยที่ดี มวลชนและสังคมควรต้องสนับสนุนให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาล เพราะฝ่ายที่เป็น
รัฐบาลนั้นมีอำนาจทุกอย่างในมือเหนือฝ่ายค้าน ทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงิน (มีอำนาจในการใช้จ่ายงบประมาณที่
สามารถให้คุณกับฝ่ายตัวเองได้) เปรียบไปแล้ว กรณีประเทศไทยนั้นฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านก็เหมือนยักษ์กับคนแคระ 
เอาแค่เงินทุนฝ่ายค้านก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว
แต่ที่ได้เห็นอยู่ทุกวันนี้คือม็อบของฝ่ายรัฐบาลคอยรังควานฝ่ายค้านทุกที่ทุกเวลา โดยอ้างเหตุผลซ้ำซากว่าเจ็บแค้น
เรื่อง 91 ศพ แต่จะเห็นว่าแม้ฝ่ายค้านจะจัดกิจกรรมปกติ (เช่น งานสังสรรค์พรรคหรืองานระดมทุน) ไม่ได้จัดงาน
ปราศรัยทางการเมือง ม็อบเหล่านี้ก็ยังคอยขัดขวางคุกคาม
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าจิตเบื้องลึกของคนเหล่านี้มีความเป็นเผด็จการอยู่ในตัว (แต่ไม่รู้ตัว) อีก
ประการหนึ่งสะท้อนให้เห็นความหวั่นไหวไม่กล้าเผชิญกับข้อเท็จจริงของอีกฝ่าย จึงพยายามสกัดกั้นเต็มกำลัง
จะเห็นว่าเมื่อฝ่ายรัฐบาลปราศรัยหรือทำกิจกรรมทางการเมือง ไม่เคยมีมวลชนจากฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
ไปคุกคามก่อกวน เพราะหากฝ่ายนี้เขาจะอ้างว่าเจ็บแค้นคุณยิ่งลักษณ์และคุณทักษิณเพราะทำร้านค้าย่านราชประสงค์
เจ๊งไปหลายแสนล้านบาท (แบบที่นางลีน่า จัง ออกมาพูด) แล้วนำม็อบไปรังควานคุณยิ่งลักษณ์บ้าง ก็สามารถทำได้
เช่นกัน แต่พวกเขาไม่ทำเพราะมีอารยะมากกว่า
เพียงแค่นี้ก็เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนว่า ใครเป็นประชาธิปไตยแต่ปาก ใครเป็นประชาธิปไตยด้วยจิตวิญญาณและ
ความรู้ความเข้าใจ
อีกพฤติกรรมหนึ่งที่ใครๆ ก็ส่ายหน้า คือการใช้ม็อบไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญให้ลาออก แล้วที่น่าตกใจก็คือ
นายกรัฐมนตรีดันไปกล่าวว่า การที่ม็อบปิดล้อมกดดันศาลรัฐธรรมนูญและประกาศจะจับกุมตุลาการเป็นสิทธิ
ตามรัฐธรรมนูญ (เป็นการให้สัมภาษณ์ก่อนบินไปมองโกเลียเพื่อกล่าวสุนทรพจน์เรื่องประชาธิปไตยที่กลาย
มาเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวผสมเบนซินที่พร้อมติดไฟอยู่ในขณะนี้)
ถ้านายกฯ ของประเทศนี้บอกว่าประชาชนธรรมดาสามารถไปจับกุมตัวใครก็ได้ที่พวกเขาไม่พอใจ ก็แสดงว่า
ประเทศนี้ป่าเถื่อนอย่างยิ่ง คือไม่มีกฎหมาย ไม่มีขื่อแป และน่ากลัวยิ่งกว่ารัฐประหารอีก
แล้วสมมุติว่ามีใครออกมาประกาศเชิญชวนให้ประชาชนที่ไม่พอใจคุณยิ่งลักษณ์ ไปจับกุมตัวคุณยิ่งลักษณ์บ้างล่ะ 
คุณยิ่งลักษณ์จะกล้าบอกว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญไหม
กรณีของพรรคเพื่อไทยที่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การเมืองไทยร้อนฉ่าขึ้นมาอีก นั้นเฉพาะ
การแก้ไขมาตรา 68 โดยจะตัดสิทธิประชาชนไม่ให้สามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงหากพบเห็นการกระทำ
ที่เป็นการล้มล้างการปกครองนั้น ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะอ้างเหตุผลอะไร แต่การตัดสิทธิของประชาชน ก็เป็นการขัด
กับหลักการประชาธิปไตยว่าด้วยสิทธิของประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยมักจะกล่าวอ้างเสมอเรื่องการให้ความ
สำคัญกับอำนาจของประชาชน
ที่ย้อนแย้งกว่านั้น ก็คือม็อบฝ่ายรัฐบาลที่ไปเย้วๆ หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อบีบไม่ให้ศาลรับวินิจฉัยคำร้องเรื่อง
มาตรา 68 ในประเด็นตัดสิทธิประชาชนที่มี ส.ว.กลุ่มหนึ่งไปร้องไว้นั้น ก็เป็นการสวนทางประชาธิปไตยอย่างจัง 
คือเท่ากับว่าม็อบเหล่านี้สนับสนุนการตัดสิทธิของประชาชน
สมมุติว่าในตอนนี้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และประชาธิปัตย์ขอแก้ไขมาตรา 68 โดยตัดสิทธิไม่ให้ประชาชนมีสิทธิยื่น
คำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถามว่าม็อบแดงจะยอมไหม
ที่พิลึกสุดๆ ก็คือเป็นม็อบของรัฐบาลเองที่สร้างความปั่นป่วนให้กับเศรษฐกิจของบ้านเมือง ตลอดปีตลอดชาติ 
ในพรรคเพื่อไทยเอง หากดูในเชิงโครงสร้าง มีสิ่งใดที่พรรคนี้มีคุณสมบัติเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ตามความหมายของสากล ดูจากพฤติการณ์แล้ว พรรคเพื่อไทยปัจจุบันมีสถานะเสมือนบริษัทเอกชนที่บริหารโดย
เถ้าแก่ใหญ่เพียงคนเดียว มีคนเพียงคนเดียวผูกขาดอำนาจภายในพรรค สมาชิกพรรคดูไปคล้ายลูกจ้างที่ต้องทำ
ตามคำสั่ง
หรือพิศดูอีกทีก็คล้ายกับค่ายทหาร คือสมาชิกส่วนใหญ่ต้องซ้ายหันขวาหันตามที่เจ้าของพรรคสั่งแบบ "ครับนายๆ"
เอาแค่คลิปในยูทูบที่คุณยิ่งลักษณ์ฟังคำถามนักข่าวฝรั่งไม่รู้เรื่อง ต้องเรียกล่ามมาสรุปให้ฟัง ตอนร่วมแถลงข่าวกับ
โอบามา กระทรวงไอซีทียังบล๊อกไม่ให้เข้าดูเลย อุแม่เจ้า! ประชาธิปไตยตรงไหน
ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์นั้นมีโครงสร้างเป็นพรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยในความหมายของสากล
มากกว่า มีลักษณะเป็นสถาบันทางการเมืองมากกว่า เพราะไม่มีใครผูกขาดพรรค การดำเนินงานใช้ระบบ
คณะกรรมการบริหารพรรค คนในพรรคมีสิทธิมีเสียงและส่วนร่วมมากกว่าพรรคเพื่อไทย 
แม้จะมีคนบอกว่าประชาธิปัตย์เลือกตั้งทีไรก็แพ้พรรคเพื่อไทยซ้ำซาก แต่ประเด็นแพ้เลือกตั้ง ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็น
การเป็นประชาธิปไตย เพราะบางทีพรรคที่ชนะเลือกตั้งทุกครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นประชาธิปไตยมากกว่า
พรรคที่แพ้เลือกตั้ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369240684&grpid=01&catid=&subcatid=
อ่านแล้ว  ก็นึกถึง  ที่ อลงกรณ์  พลบุตร  รองหัวหน้าพรรค ปชป.  ต้องการปฏิรูปพรรค
ด้วยหลายๆ สาเหตุ ..... ถ้าเป็นประชาธิปไตย ...จริง  อลงกรณ์  คงไม่ต้องมาพูดถึง
ปฏิรูปพรรคผ่านสื่อ  ผ่าน fb  ...นงนุช  ...ตกข่าวนี้หรือเปล่า  หรือถ้าเป็น  ปชป.  
ชมได้อย่างเดียวอย่างอื่นห้ามแตะ  ...เหมือนเพื่อน ๆ  ที่เกลียด  รัฐบาลในรดน.  
ที่ไม่แตะต้อง ปชป. แต่กระทู้ วิจารณ์  นายกฯ สาวเหลือน้อย  แปะให้อ่านค่ะ  เพราะเรามองรอบด้าน ....
อ้อ ....จะบอกว่า  ถ้ามติชน  มีบทความแบบนี้  วันนี่้  ไม่เป็น "มติชิน"  นะคะ  คุณข้าง .....
ขอร้องพื่อน ๆ  อย่าแซว...เรื่อง "คุณข้าง..."  ในกระทู้ "สาวเหลือน้อย"  ไม่อยากเห็น  การลบคคห.ค่ะ   
																															 
						
ประชาธิปไตย "พิลึก" โดย นงนุช สิงหเดชะ ...มติชนออนไลน์
ในยุคที่คนกลุ่มหนึ่งของประเทศกำลังท่องคาถาประชาธิปไตยวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เราได้เห็น
รูปแบบประชาธิปไตยที่พิลึกพิเรนทร์กว่าชาวโลกเขา
เพราะขณะที่ท่องประชาธิปไตยเจื้อยแจ้วนั้นดูเหมือนพวกเขาจะทำหลายอย่างตรงข้ามกับประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยเมืองไทยยุคนี้ แปลกตรงที่เมื่อรัฐบาลทำอะไรล้มเหลวก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะจะมี
เครือข่ายมวลชนของรัฐบาลคอยสร้างข่าวโยนให้เป็นความผิดของอำมาตย์และการรัฐประหาร
เช่น น้ำท่วมก็เป็นฝีมืออำมาตย์ เมื่อถูกติงเตือนเรื่องจำนำข้าวก็หาว่าเป็นพวกอำมาตย์มาคอยขัดขวาง
แม้แต่เด็กสาวเต้นเปลือยอกตอนสงกรานต์ที่สีลมปีที่แล้ว คนพรรคเพื่อไทยบางคน (ผู้หญิง) ยังบอกว่า
เป็นผลพวงจากรัฐประหาร (ตอนมีรัฐประหารทำให้เปลือยอกต่อหน้าสาธารณะไม่ได้ อะไรจะฮาได้ขนาดนั้น)
ประชาธิปไตยพิลึก ยังทำให้เราได้เห็นปรากฏการณ์ที่ผู้นำประเทศไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการประชุม
สำคัญของรัฐสภา เช่น เรื่องงบประมาณหรือเรื่องใหญ่อีกหลายเรื่อง จะเข้าไปฟังบ้างก็แค่พอเป็นพิธี ซึ่งคงหา
ยากที่จะมีผู้นำประเทศไหนทำได้อย่างนี้ ยกเว้นประเทศไทย
ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่มวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลเห็นดีเห็นงามและยอมรับกับการที่ผู้นำประเทศไม่ให้ความสำคัญ
กับงานรัฐสภา ส่วนเรื่องตอบกระทู้ในสภานั้น ไม่ต้องพูดถึงเพราะผู้นำไม่เคยเข้าไปตอบเลย
ถ้าเป็นผู้นำประเทศอื่น ประชาชนอาจถือว่าขาดคุณสมบัติไปแล้วกับการที่ผู้นำไม่ค่อยประชุมสภา หรือไม่เคย
ไปตอบกระทู้
แต่ที่เมืองไทย กลับได้รับการสนับสนุนจากมวลชนที่เป็นฐานเสียงว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
พวกประชาธิปไตยพิลึกยังชอบใช้กำลังไปคุกคามข่มขู่ฝ่ายค้าน ปกติแล้วในประเทศประชาธิปไตยนั้นเรามักจะเห็น
แต่ม็อบที่ไปประท้วงรัฐบาลในปัญหาต่างๆ เช่น เรียกร้องให้แก้ปัญหาค่าครองชีพ แต่ประเทศพิลึกนี้เราได้เห็น
กองกำลังม็อบของรัฐบาลคอยไปคุกคามฝ่ายค้าน และก็ทำหน้าที่รักษาอำนาจรัฐบาล
การคุกคามฝ่ายค้านถือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย และยังสะท้อนถึงการเป็นเผด็จการในตัวเอง
ระบอบประชาธิปไตยที่ดี มวลชนและสังคมควรต้องสนับสนุนให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาล เพราะฝ่ายที่เป็น
รัฐบาลนั้นมีอำนาจทุกอย่างในมือเหนือฝ่ายค้าน ทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงิน (มีอำนาจในการใช้จ่ายงบประมาณที่
สามารถให้คุณกับฝ่ายตัวเองได้) เปรียบไปแล้ว กรณีประเทศไทยนั้นฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านก็เหมือนยักษ์กับคนแคระ
เอาแค่เงินทุนฝ่ายค้านก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว
แต่ที่ได้เห็นอยู่ทุกวันนี้คือม็อบของฝ่ายรัฐบาลคอยรังควานฝ่ายค้านทุกที่ทุกเวลา โดยอ้างเหตุผลซ้ำซากว่าเจ็บแค้น
เรื่อง 91 ศพ แต่จะเห็นว่าแม้ฝ่ายค้านจะจัดกิจกรรมปกติ (เช่น งานสังสรรค์พรรคหรืองานระดมทุน) ไม่ได้จัดงาน
ปราศรัยทางการเมือง ม็อบเหล่านี้ก็ยังคอยขัดขวางคุกคาม
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าจิตเบื้องลึกของคนเหล่านี้มีความเป็นเผด็จการอยู่ในตัว (แต่ไม่รู้ตัว) อีก
ประการหนึ่งสะท้อนให้เห็นความหวั่นไหวไม่กล้าเผชิญกับข้อเท็จจริงของอีกฝ่าย จึงพยายามสกัดกั้นเต็มกำลัง
จะเห็นว่าเมื่อฝ่ายรัฐบาลปราศรัยหรือทำกิจกรรมทางการเมือง ไม่เคยมีมวลชนจากฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
ไปคุกคามก่อกวน เพราะหากฝ่ายนี้เขาจะอ้างว่าเจ็บแค้นคุณยิ่งลักษณ์และคุณทักษิณเพราะทำร้านค้าย่านราชประสงค์
เจ๊งไปหลายแสนล้านบาท (แบบที่นางลีน่า จัง ออกมาพูด) แล้วนำม็อบไปรังควานคุณยิ่งลักษณ์บ้าง ก็สามารถทำได้
เช่นกัน แต่พวกเขาไม่ทำเพราะมีอารยะมากกว่า
เพียงแค่นี้ก็เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนว่า ใครเป็นประชาธิปไตยแต่ปาก ใครเป็นประชาธิปไตยด้วยจิตวิญญาณและ
ความรู้ความเข้าใจ
อีกพฤติกรรมหนึ่งที่ใครๆ ก็ส่ายหน้า คือการใช้ม็อบไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญให้ลาออก แล้วที่น่าตกใจก็คือ
นายกรัฐมนตรีดันไปกล่าวว่า การที่ม็อบปิดล้อมกดดันศาลรัฐธรรมนูญและประกาศจะจับกุมตุลาการเป็นสิทธิ
ตามรัฐธรรมนูญ (เป็นการให้สัมภาษณ์ก่อนบินไปมองโกเลียเพื่อกล่าวสุนทรพจน์เรื่องประชาธิปไตยที่กลาย
มาเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวผสมเบนซินที่พร้อมติดไฟอยู่ในขณะนี้)
ถ้านายกฯ ของประเทศนี้บอกว่าประชาชนธรรมดาสามารถไปจับกุมตัวใครก็ได้ที่พวกเขาไม่พอใจ ก็แสดงว่า
ประเทศนี้ป่าเถื่อนอย่างยิ่ง คือไม่มีกฎหมาย ไม่มีขื่อแป และน่ากลัวยิ่งกว่ารัฐประหารอีก
แล้วสมมุติว่ามีใครออกมาประกาศเชิญชวนให้ประชาชนที่ไม่พอใจคุณยิ่งลักษณ์ ไปจับกุมตัวคุณยิ่งลักษณ์บ้างล่ะ
คุณยิ่งลักษณ์จะกล้าบอกว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญไหม
กรณีของพรรคเพื่อไทยที่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การเมืองไทยร้อนฉ่าขึ้นมาอีก นั้นเฉพาะ
การแก้ไขมาตรา 68 โดยจะตัดสิทธิประชาชนไม่ให้สามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงหากพบเห็นการกระทำ
ที่เป็นการล้มล้างการปกครองนั้น ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะอ้างเหตุผลอะไร แต่การตัดสิทธิของประชาชน ก็เป็นการขัด
กับหลักการประชาธิปไตยว่าด้วยสิทธิของประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยมักจะกล่าวอ้างเสมอเรื่องการให้ความ
สำคัญกับอำนาจของประชาชน
ที่ย้อนแย้งกว่านั้น ก็คือม็อบฝ่ายรัฐบาลที่ไปเย้วๆ หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อบีบไม่ให้ศาลรับวินิจฉัยคำร้องเรื่อง
มาตรา 68 ในประเด็นตัดสิทธิประชาชนที่มี ส.ว.กลุ่มหนึ่งไปร้องไว้นั้น ก็เป็นการสวนทางประชาธิปไตยอย่างจัง
คือเท่ากับว่าม็อบเหล่านี้สนับสนุนการตัดสิทธิของประชาชน
สมมุติว่าในตอนนี้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และประชาธิปัตย์ขอแก้ไขมาตรา 68 โดยตัดสิทธิไม่ให้ประชาชนมีสิทธิยื่น
คำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถามว่าม็อบแดงจะยอมไหม
ที่พิลึกสุดๆ ก็คือเป็นม็อบของรัฐบาลเองที่สร้างความปั่นป่วนให้กับเศรษฐกิจของบ้านเมือง ตลอดปีตลอดชาติ
ในพรรคเพื่อไทยเอง หากดูในเชิงโครงสร้าง มีสิ่งใดที่พรรคนี้มีคุณสมบัติเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ตามความหมายของสากล ดูจากพฤติการณ์แล้ว พรรคเพื่อไทยปัจจุบันมีสถานะเสมือนบริษัทเอกชนที่บริหารโดย
เถ้าแก่ใหญ่เพียงคนเดียว มีคนเพียงคนเดียวผูกขาดอำนาจภายในพรรค สมาชิกพรรคดูไปคล้ายลูกจ้างที่ต้องทำ
ตามคำสั่ง
หรือพิศดูอีกทีก็คล้ายกับค่ายทหาร คือสมาชิกส่วนใหญ่ต้องซ้ายหันขวาหันตามที่เจ้าของพรรคสั่งแบบ "ครับนายๆ"
เอาแค่คลิปในยูทูบที่คุณยิ่งลักษณ์ฟังคำถามนักข่าวฝรั่งไม่รู้เรื่อง ต้องเรียกล่ามมาสรุปให้ฟัง ตอนร่วมแถลงข่าวกับ
โอบามา กระทรวงไอซีทียังบล๊อกไม่ให้เข้าดูเลย อุแม่เจ้า! ประชาธิปไตยตรงไหน
ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์นั้นมีโครงสร้างเป็นพรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยในความหมายของสากล
มากกว่า มีลักษณะเป็นสถาบันทางการเมืองมากกว่า เพราะไม่มีใครผูกขาดพรรค การดำเนินงานใช้ระบบ
คณะกรรมการบริหารพรรค คนในพรรคมีสิทธิมีเสียงและส่วนร่วมมากกว่าพรรคเพื่อไทย
แม้จะมีคนบอกว่าประชาธิปัตย์เลือกตั้งทีไรก็แพ้พรรคเพื่อไทยซ้ำซาก แต่ประเด็นแพ้เลือกตั้ง ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็น
การเป็นประชาธิปไตย เพราะบางทีพรรคที่ชนะเลือกตั้งทุกครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นประชาธิปไตยมากกว่า
พรรคที่แพ้เลือกตั้ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369240684&grpid=01&catid=&subcatid=
อ่านแล้ว ก็นึกถึง ที่ อลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ปชป. ต้องการปฏิรูปพรรค
ด้วยหลายๆ สาเหตุ ..... ถ้าเป็นประชาธิปไตย ...จริง อลงกรณ์ คงไม่ต้องมาพูดถึง
ปฏิรูปพรรคผ่านสื่อ ผ่าน fb ...นงนุช ...ตกข่าวนี้หรือเปล่า หรือถ้าเป็น ปชป.
ชมได้อย่างเดียวอย่างอื่นห้ามแตะ ...เหมือนเพื่อน ๆ ที่เกลียด รัฐบาลในรดน.
ที่ไม่แตะต้อง ปชป. แต่กระทู้ วิจารณ์ นายกฯ สาวเหลือน้อย แปะให้อ่านค่ะ เพราะเรามองรอบด้าน ....
อ้อ ....จะบอกว่า ถ้ามติชน มีบทความแบบนี้ วันนี่้ ไม่เป็น "มติชิน" นะคะ คุณข้าง .....
ขอร้องพื่อน ๆ อย่าแซว...เรื่อง "คุณข้าง..." ในกระทู้ "สาวเหลือน้อย" ไม่อยากเห็น การลบคคห.ค่ะ