คำเตือน สำหรับผู้ที่ต้องการออมเงิน+การทำประกันชีวิต

ช่วงนี้เห็นข่าวธนาคาร(บังคับ)ให้คนทำบัตรเอทีเอ็มพวงประกัน  เลยอยากเล่าเรื่องของเราเป็นกรณีศึกษาให้ทุกคนฟังบ้าง

เราเป็นคนหนึ่งค่ะ ที่พยายามหาการออมเงินในรูปแบบต่างๆ นอกเหนือจากการเอาเงินไปทิ้ง ให้นอนเล่นในบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีฝากประจำ ซึ่งทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่าดอกเบื้ยของทั้ง2บัญชีนี้ ถูกแสนถูกเพียงไร แถมยังโดนหักภาษีสำหรับบัญชีฝากประจำอีกด้วย

เรื่องของเรามันเริ่มขึ้นเมื่อเกือบหนึ่งปีมาแล้ว เข้าไปที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหนึ่ง ในชลบุรี ตอนนั้นกะเข้าไปหาซื้อพวกตราสารหนี้ และกองทุน แต่ปรากฏว่าพนักงานแนะนำให้ทำบัญชีสะสมทรัพย์ ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าจะเป็นบัญชีสะสมทรัพย์ทั่วๆไป แต่อันนี้มันเป็นแบบพิเศษค่ะ คือบวกประกันชีวิต! ส่งปีละครั้ง ครั้งละ 68 000 บาท จำนวน 6 ปี แต่ระยะคุ้มครอง 15 ปี วงเงินเอาประกัน 200 000 บาท พูดง่ายๆ คือตายปุ๊ป เรารับ 200 000 บาทนี้ปั๊ป คือตอนนั้นที่ตัดสินใจทำ คือ เป็นพนักงานประจำ คิดว่า เงินจำนวนนี้ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นไม่นานมีเหตุต้องออกจากงานประจำ มาเป็นเจ้านายตัวเอง ทำให้รายรับรายจ่ายไม่คงที่ ครบรอบกำหนดจ่ายตัวนี้ก็ใกล้มาถึงแล้ว คิดคำนวณดีแล้วว่าน่าจะอีเงินจำนวนนี้ไปหมุนทำอย่างอื่นดีกว่า

         วันนี้เลยเดินเข้าไปคุยธนาคาร ว่าอยากจะยกเลิกสัญญาตัวนี้ พนักงานก็ถามว่า “ทำไมอยากยกเลิก?” (พนักงานที่ถามคือคนเดียวกับที่แนะนำให้เราทำตัวนี้ด้วย) เราก็ตอบไปว่า “อ๋อ คือช่วงนี้ต้องใช้เงินค่ะ ไม่อยากฝากแล้ว เงินมันจมค่ะ(คิดในใจ มันโค – ตะ – ระ จมเลย)” พนักงานก็บอกว่า ให้ไปติดต่อที่ศูนย์ ไทยพาณิชย์ประกันชีวิตเลย เพราะจะเดินเรื่องได้เร็วกว่า และทราบว่าเหลือเงินเท่าไร เราก็เอะใจแหล่ะ ทำไมพูดอย่างนี้? แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรก็ขับรถไปที่ศูนย์ และแจ้งว่จะยกเลิกตัวประกันที่ทำ พนักงานก็คียข้อมูลไป แล้วก็บอกว่า “ถ้ายกเลิก ณ. วันนี้ จะเหลือเงิน ประมาณ หมื่นหก” ห๊ะ!!! เหลือหมื่นหก เงินต้น หกหมื่นแปด โอ้ว...แม่เจ้า ช็อกมากกก ไปไม่เป็นเลย อึ้งไปพักนึง ที่เราตกใจมากเพราะอะไร?  เพราะวันที่เราทำสัญญาเราถามพนักงานแล้ว ว่ายกเลิกได้ไหม พนักงานบอกว่า “อ๋อ ได้อยู่แล้วค่ะ  และถ้าหากคุณไม่มาชำระ เราก็จะกู้อัตโนมัติจากวงเงินที่คุณมี” พนักงานไม่ได้บอกเราเลยว่าเงินต้นมันจะหายขนาดนี้ เรารู้อยู่แล้วว่าเขาต้องหัก แต่ไม่คิดว่าจะหักไปขนาดนี้ พนักงานที่ศูนย์ก็อธิบายดีค่ะ ว่า “มันเป็นแบบประกัน ถ้าเกิดเราเสียชีวิตระหว่างเดือนที่เราเริ่มทำมาจนถึงวันนี้ เราจะได้ 200 000 เลย มันคือค่าความเสี่ยง”    ใช่ค่ะ ความเสี่ยง ในราคา 50 000 บาท จริงๆ เราก็มีประกันชีวิตอันอื่นด้วย ส่งปีละ หกพันกว่าบาทเอง เราเลยงงว่า นี่ตกลง ฉ้านทำอะไรลงไป???  เราก็พยายามสอบถามพนักงานต่อว่า “ถ้าไม่ส่งต่อ จะเกิดอะไร?”  พนักงาน “ระบบจะกู้อัตโนมัติจากเงินเดิมที่คุณฝากไว้ คือ 68000 บาท จนหมด”(ไม่ช่วยให้ตรูรู้สึกดีขึ้นเล้ย)

    สรุป เราก็ไม่ได้ยกเลิกหรอก เพราะทำใจไม่ได้จริงๆ ที่จะสูญเงินไปเกือบ 50000 บาท เงินจำนวนครึ่งแสนสำหรับถือว่าเยอะมากทีเดียว เราคงกัดฟันส่งไปอีก 5 ปี และก็รอไปอีก 9 ปี เพื่อครบกำหนดสัญญา (สัญญานี้ ห้าม ถอนเงินก่อนครบ 15ปี - -")  ข้อดีของสัญญานี้มันอยู่ตรง เมื่อครบสัญญาเราจะได้ทั้งเงินต้น บวก เงินคืน(ดอกเบี้ย) รวมกันเฉียดล้าน ประมาณ 9 แสนห้าได้ทั้งมั้ง ลดหย่อนภาษีได้ด้วย

        ถามว่า ถ้ารู้ว่ามันเป็นแบบนี้ เราคงไม่ทำหรอก ถึงแม้ว่าจะยังทำงานประจำอยู่ก็ตามที เราว่ามันไม่คุ้ม มันเหมาะกับคนมีเงินเก็บก้อนนึง และมั่นใจว่าจะไม่แตะเงินก้อนนี้แน่ๆ แนะนำให้ทำเลย แต่คนที่ไม่ชัวร์ไม่แนะนำอย่างแรง!!! ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น วงเงินเอาประกันก็ไม่ได้เยอะอะไรเลย ส่งก็แพง ประกันของเราอีกตัว คุ้มครองเยอะกว่า จ่ายน้อยกว่าอีก

---> เหตุการณ์นี้เราเจ็บใจอยู่อย่างเดียว คือ เราถามพนักงานแล้วนะ ว่าถอนคืนได้ไหม? พนักงาน "ได้ค่ะๆ"  แต่ช่วยบอกได้ไหมว่า จะได้เงินคืนน้อยมากกกกก (แอบแค้น)  ในความรู้สึกเรา เราว่าเค้าอธิบายไม่เคลีย พยายามตอบกำกวม ซึ่งเราว่ามันเข้าข่ายหลอกลวง แต่จะทำไงได้ ในเมื่อเราทำไปแล้ว ถามว่ายังอยากยกเลิกไหม? ตอบเลยว่า ว่าอยาก!  แต่เงินมันหายเยอะอ่ะ T__T  ยังไงรบกวนผู้รู้แนะนำที ว่าควรทำอย่างไรดี?

ย้ำ! อีกครั้งต่อไปนี้ แนะนำว่าเวลาไปธนาคารควรหนักแน่น ตั้งใจจะทำธุรกรรมอะไร ก็ทำอย่างนั้น อย่าหลงเชื่อการแอบขายของจากธนาคารไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิต หรือ บัตรเครคิต มิเช่นนั้นคุณอาจจะได้อะไรกลับมาอย่างงงๆ โลกนี่อยู่ยากแท้เม่าในกองไฟ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่