เมื่อสักราวๆ 10 ปีก่อนหน้านี้ ซีรีย์ใต้หวันเรื่องหนึ่งที่เข้ามาสร้างกระแสในเมืองไทยได้อย่างคึกโครม (หรืออย่างน้อย ก็มากเพียงพอที่จะแทรกตัวเข้าไปในช่วงเวลาของละครหลังข่าว) ได้เป็นผลสำเร็จ ใช่แล้วครับ ฮารุกิกำลังพูดถึง "Meteor Garden" หรือในชื่อภาษาไทยว่า "รัีกใสๆ หัวใจ 4 ดวงอยู่"
ฮารุกิมั่นใจว่าผู้ชมจำนวนไม่น้อย ทราบว่าเรื่อง Meteor Garden นี้ สร้างขึ้นมาจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า "Hana yori Dango" (แปลตามตัว: "ขนมดังโกะดีกว่าดอกไม้") ซึ่งเป็นสำนวนญี่ปุ่นที่แปลว่า ของที่มีประโยชน์ย่อมดีกว่าของที่สวยงามเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเป็นธีมของการ์ตูนเรื่องนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่ฮิตไม่แพ้ตัวละครเองเลยก็คือเพลงประกอบอย่าง Liu Xing Yu หรือ Meteor Rain ที่ทำให้ลายคนหันมาฝึกวาดนิ้วเป็นวงกันเป็นแถว (ถ้าใครรู้ว่าฮารุกิพูดถึงอะไรอยู่ละก็... ท่าทางจะอายุ... พอควรเลยหละครับ) ซึ่งเพลงดังกล่าวนั้นก็ถูกนำมาร้องใหม่เป็นภาษาไทยในชื่อ "ดอกหญ้ากับพายุ" ของ ย้ง ธรากร
คนส่วนใหญ่ที่รู้จักเพลง "ดอกหญ้ากับพายุ" รู้ว่าเพลงนั้นเป็นเพลงที่นำมาจากเพลง Liu Xing Yu แต่คนจำนวนน้อยกว่าที่รู้ว่าเพลง Liu Xing Yu เอง ก็เป็นเพลงที่ cover มาจากเพลงในภาษาอื่นเช่นกัน
และเพลงนั้นก็คือเพลง Gaining Through Losing ของนักร้องญี่ปุ่น (แท้ๆ) แต่หน้าฝรั่งอย่าง Ken Hirai นั่นเองครับ
ฮารุกิได้ยินชื่อของ Ken Hirai ครั้งแรก ก็ตั้งแต่ตอนที่รักใสๆ หัวใจสี่ดวงกำลังอินเทรนด์อยู่นั่นแหละึครับ ที่มีคอลัมน์บันเทิงคอลัมน์หนึ่งลงว่า เพลง Liu Xing Yu นั่นเป็นเพลงที่แต่งโดย Ken Hirai ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าอะไรเลยครับ นึกว่าเป็น Ken Hirai เป็นแค่นักแต่งเพลงเฉยๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า Ken Hirai จะเคยร้องเพลง Liu Xing Yu ในฉบับของตัวเองมาก่อนแล้ว ในชื่อ Gaining Through Losing
และจากนั้นฮารุกิเองก็ลืมชื่อของ Ken Hirai ไปนานหลายปีจนกระทั่งได้ดูซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่อง Honey and Clover และได้ฟังเพลงตอน credit ท้ายเรื่อง ที่รู้สึกว่าเพราะมาก จึงได้ลองไป search หาเพลงดังกล่าวดู (เพลงนั้นชื่อ Canvas) จึงได้ยินชื่อของ Ken Hirai อีกครัง
Canvas นั้นเป็นเพลงที่เพราะด้วยเสียง ในขณะที่เนื้อหาค่อนข้างเศร้าโศกอยู่มาก แต่ในขณะที่สำหรับฮารุกิแล้ว Gaining through losing เป็นเพลงที่ "เพราะ" ทั้งด้วย "เสียง" และ "เนื้อหา"
เนื้อหาของ Gaining Through Losing ก็ไม่ได้หนีไปจากเนื้อหาของเพลง ดอกหญ้ากับพายุ สักเท่าไหร่หรอกครับ (ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาของ Meteor Garden จะเหมือนกันหรือไม่เพราะไม่เคยหาคำแปลมาก่อน) ฮารุกิพยายามจะถอดความออกมาจากเนื้อหาที่มีคนแปลเป็นภาษาอังกฤษมาแล้วทีหนึ่ง (เพราะความสามารถไม่เพียงพอที่จะถอดความจากภาษาญี่ปุ่นโดยตรงได้่) ก็ได้เนื้อหาประมาณนี้ครับ:-
Megurikuru kisetsugoto ni kono te kara koboreochiru mono
Tachidomari furikaereba samishige ni boku wo miteru
แต่ละฤดูกาลที่ผ่านพ้นผ่าน
ิทิ้งบางสิ่งบางอย่างจากมา
ทว่าเพียงหันย้อนไป
ทุกสิ่งก็ล้วนมองย้อนมา
Itsumo itsudemo hokoreru mono wo hitotsu shinjitekita hibi
ในวันนั้นที่ฉันเชื่อเสมอ ในสิ่งหนึ่งที่ฉันภูมิใจ
Deai to wakare wo kurikaeshi aruitekita michi wo
Kakegae no nai mono to omou ima no jibun naraba
บนหนทาง ที่ฉันเดินมา เติมเต็มด้วยการพบและการลาจาก
ซึ่งในยามนี้ จึงตระหนักว่าสิ่งเหล่านั้นไม่อาจมีอะไรแทนที่
Gamushara na jounetsu sae natsukashiku omou hi ga kitemo
Shizukanaru tsuyosa himeta tomoshibi wo kakageteiyou
แม้ว่าวันหนึ่งนั้นจะเดินมาถึง เมื่อความหลงไหลดูเหมือนความหลัง
ฉันจะเติมแสงสว่างอีกครั้งจากความเข้มแข็งอันเงียบงันที่อยู่ภายใน
Jiyuu aijou tebanashita toki hajimete sono imi wo shiru
เพราะเราไม่อาจเข้าใจถึงความหมายแห่งอิสระภาพและความรักจนกว่าเราจะได้ปล่อยมันหลุดมือไป
Itami to yorokobi wakachiai kizuna fukameta hito no
Kazaru koto nai kotoba no tsubu ima mo mune ni daite
ฉันจะเก็บไว้ในใจ ทุกเสี้ยวพันของถ้อยคำ จากคนที่ฉันร่วมทุกข์ร่วมสุข ผูกพันลึกซึ้ง
Amagumo kirete hikari ga sasu
Daichi ga utaihajimeru
ยามแสงตะวันลอดผ่านพ้นเมฆฝนมา
ผืนโลกก็เริ่มบรรเลง
We've been gaining one good thing through losing another.
I'm so proud to be with you,my love.
Now you know the meaning of SUNSHINE AFTER RAIN.
Let me tell you LIFE IS GOOD, my friends.
เราได้รับสิ่งดีอย่างหนึ่ง จากการสูญเสียอย่างอื่น
ฉันภูมิใจที่ได้อยู่เคียงเธอ คนดี
และในตอนนี้เธอก็ได้รู้ ฟ้าหลังฝน งามเช่นไร
ขอบอกเธอได้ไหม ชีวิตนั่นดี เพื่อนรัก
ก็จบไปแล้วสำหรับการแปลแบบที่เรียกว่า อาจจะตรงบ้างหรือไม่ตรงบ้าง ตามประสาของฮารุกิ นะครับ
บางทีฮารุกิก็เคยคิดนะครับ ว่าทำไมกันหนอ ตัวของฮารุกิจึงยังคงชอบฟังเพลงญี่ปุ่นอยู่เสมอมา ทั้งที่มันอาจจะเรียกได้ว่าตกกระแสไปนาน
นั่นแลหะ คำว่ากระแส อาจจะไม่ใช่เหตุผลตั้งแต่แรกสำหรับตัวของฮารุกิอยู่แล้ว เพราะตอนที่ฮารุกิเริ่มฟังเพลงญี่ปุ่น กระแสของมันก็อยู่ในระยะที่เริ่มซาลง
แต้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุผลส่วนหนึ่ง มันก็ึึคือ การที่ฮารุกิมี "Background" บางอย่างกับอะไรที่ "เป็นญี่ปุ่นอยู่"
แต่ในอีกส่วนหนึ่ง ก็คือว่า ฮารุกิรู้สึกว่าเพลงญี่ปุ่นนั้นเป็นเพลงที่เนื้อหา "สวย" มาก
เพราะตอนที่ฟังเพลงไทย เพลงฝรั่ง ก็ยังไม่เคยเจอบทพรรณาถึงท้องฟ้า ดวงดาว ธรรมชาติ และึความฝัน มากมายถึงขนาดนี้
และก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ที่รู้สึกว่าเพลงญี่ปุ่นมักมีเนื้อหาที่ positive ค่อนข้างมาก
จะเศร้าแค่ไหน (อย่างเช่น Canvas) เป็นไม่ได้ตีโพยตีพาย
บางที่นั่นอาจจะเป็น เสน่ห์ อย่างหนึ่งของเพลงญี่ปุ่นที่ทำให้ฮารุกิหลงรักมาจนถึงทุกวันนี้
Ken Hirai's "Gaining Through Losing" - ได้อย่างเสียอย่าง
ฮารุกิมั่นใจว่าผู้ชมจำนวนไม่น้อย ทราบว่าเรื่อง Meteor Garden นี้ สร้างขึ้นมาจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า "Hana yori Dango" (แปลตามตัว: "ขนมดังโกะดีกว่าดอกไม้") ซึ่งเป็นสำนวนญี่ปุ่นที่แปลว่า ของที่มีประโยชน์ย่อมดีกว่าของที่สวยงามเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเป็นธีมของการ์ตูนเรื่องนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่ฮิตไม่แพ้ตัวละครเองเลยก็คือเพลงประกอบอย่าง Liu Xing Yu หรือ Meteor Rain ที่ทำให้ลายคนหันมาฝึกวาดนิ้วเป็นวงกันเป็นแถว (ถ้าใครรู้ว่าฮารุกิพูดถึงอะไรอยู่ละก็... ท่าทางจะอายุ... พอควรเลยหละครับ) ซึ่งเพลงดังกล่าวนั้นก็ถูกนำมาร้องใหม่เป็นภาษาไทยในชื่อ "ดอกหญ้ากับพายุ" ของ ย้ง ธรากร
คนส่วนใหญ่ที่รู้จักเพลง "ดอกหญ้ากับพายุ" รู้ว่าเพลงนั้นเป็นเพลงที่นำมาจากเพลง Liu Xing Yu แต่คนจำนวนน้อยกว่าที่รู้ว่าเพลง Liu Xing Yu เอง ก็เป็นเพลงที่ cover มาจากเพลงในภาษาอื่นเช่นกัน
และเพลงนั้นก็คือเพลง Gaining Through Losing ของนักร้องญี่ปุ่น (แท้ๆ) แต่หน้าฝรั่งอย่าง Ken Hirai นั่นเองครับ
ฮารุกิได้ยินชื่อของ Ken Hirai ครั้งแรก ก็ตั้งแต่ตอนที่รักใสๆ หัวใจสี่ดวงกำลังอินเทรนด์อยู่นั่นแหละึครับ ที่มีคอลัมน์บันเทิงคอลัมน์หนึ่งลงว่า เพลง Liu Xing Yu นั่นเป็นเพลงที่แต่งโดย Ken Hirai ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าอะไรเลยครับ นึกว่าเป็น Ken Hirai เป็นแค่นักแต่งเพลงเฉยๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า Ken Hirai จะเคยร้องเพลง Liu Xing Yu ในฉบับของตัวเองมาก่อนแล้ว ในชื่อ Gaining Through Losing
และจากนั้นฮารุกิเองก็ลืมชื่อของ Ken Hirai ไปนานหลายปีจนกระทั่งได้ดูซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่อง Honey and Clover และได้ฟังเพลงตอน credit ท้ายเรื่อง ที่รู้สึกว่าเพราะมาก จึงได้ลองไป search หาเพลงดังกล่าวดู (เพลงนั้นชื่อ Canvas) จึงได้ยินชื่อของ Ken Hirai อีกครัง
Canvas นั้นเป็นเพลงที่เพราะด้วยเสียง ในขณะที่เนื้อหาค่อนข้างเศร้าโศกอยู่มาก แต่ในขณะที่สำหรับฮารุกิแล้ว Gaining through losing เป็นเพลงที่ "เพราะ" ทั้งด้วย "เสียง" และ "เนื้อหา"
เนื้อหาของ Gaining Through Losing ก็ไม่ได้หนีไปจากเนื้อหาของเพลง ดอกหญ้ากับพายุ สักเท่าไหร่หรอกครับ (ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาของ Meteor Garden จะเหมือนกันหรือไม่เพราะไม่เคยหาคำแปลมาก่อน) ฮารุกิพยายามจะถอดความออกมาจากเนื้อหาที่มีคนแปลเป็นภาษาอังกฤษมาแล้วทีหนึ่ง (เพราะความสามารถไม่เพียงพอที่จะถอดความจากภาษาญี่ปุ่นโดยตรงได้่) ก็ได้เนื้อหาประมาณนี้ครับ:-
Megurikuru kisetsugoto ni kono te kara koboreochiru mono
Tachidomari furikaereba samishige ni boku wo miteru
แต่ละฤดูกาลที่ผ่านพ้นผ่าน
ิทิ้งบางสิ่งบางอย่างจากมา
ทว่าเพียงหันย้อนไป
ทุกสิ่งก็ล้วนมองย้อนมา
Itsumo itsudemo hokoreru mono wo hitotsu shinjitekita hibi
ในวันนั้นที่ฉันเชื่อเสมอ ในสิ่งหนึ่งที่ฉันภูมิใจ
Deai to wakare wo kurikaeshi aruitekita michi wo
Kakegae no nai mono to omou ima no jibun naraba
บนหนทาง ที่ฉันเดินมา เติมเต็มด้วยการพบและการลาจาก
ซึ่งในยามนี้ จึงตระหนักว่าสิ่งเหล่านั้นไม่อาจมีอะไรแทนที่
Gamushara na jounetsu sae natsukashiku omou hi ga kitemo
Shizukanaru tsuyosa himeta tomoshibi wo kakageteiyou
แม้ว่าวันหนึ่งนั้นจะเดินมาถึง เมื่อความหลงไหลดูเหมือนความหลัง
ฉันจะเติมแสงสว่างอีกครั้งจากความเข้มแข็งอันเงียบงันที่อยู่ภายใน
Jiyuu aijou tebanashita toki hajimete sono imi wo shiru
เพราะเราไม่อาจเข้าใจถึงความหมายแห่งอิสระภาพและความรักจนกว่าเราจะได้ปล่อยมันหลุดมือไป
Itami to yorokobi wakachiai kizuna fukameta hito no
Kazaru koto nai kotoba no tsubu ima mo mune ni daite
ฉันจะเก็บไว้ในใจ ทุกเสี้ยวพันของถ้อยคำ จากคนที่ฉันร่วมทุกข์ร่วมสุข ผูกพันลึกซึ้ง
Amagumo kirete hikari ga sasu
Daichi ga utaihajimeru
ยามแสงตะวันลอดผ่านพ้นเมฆฝนมา
ผืนโลกก็เริ่มบรรเลง
We've been gaining one good thing through losing another.
I'm so proud to be with you,my love.
Now you know the meaning of SUNSHINE AFTER RAIN.
Let me tell you LIFE IS GOOD, my friends.
เราได้รับสิ่งดีอย่างหนึ่ง จากการสูญเสียอย่างอื่น
ฉันภูมิใจที่ได้อยู่เคียงเธอ คนดี
และในตอนนี้เธอก็ได้รู้ ฟ้าหลังฝน งามเช่นไร
ขอบอกเธอได้ไหม ชีวิตนั่นดี เพื่อนรัก
ก็จบไปแล้วสำหรับการแปลแบบที่เรียกว่า อาจจะตรงบ้างหรือไม่ตรงบ้าง ตามประสาของฮารุกิ นะครับ
บางทีฮารุกิก็เคยคิดนะครับ ว่าทำไมกันหนอ ตัวของฮารุกิจึงยังคงชอบฟังเพลงญี่ปุ่นอยู่เสมอมา ทั้งที่มันอาจจะเรียกได้ว่าตกกระแสไปนาน
นั่นแลหะ คำว่ากระแส อาจจะไม่ใช่เหตุผลตั้งแต่แรกสำหรับตัวของฮารุกิอยู่แล้ว เพราะตอนที่ฮารุกิเริ่มฟังเพลงญี่ปุ่น กระแสของมันก็อยู่ในระยะที่เริ่มซาลง
แต้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุผลส่วนหนึ่ง มันก็ึึคือ การที่ฮารุกิมี "Background" บางอย่างกับอะไรที่ "เป็นญี่ปุ่นอยู่"
แต่ในอีกส่วนหนึ่ง ก็คือว่า ฮารุกิรู้สึกว่าเพลงญี่ปุ่นนั้นเป็นเพลงที่เนื้อหา "สวย" มาก
เพราะตอนที่ฟังเพลงไทย เพลงฝรั่ง ก็ยังไม่เคยเจอบทพรรณาถึงท้องฟ้า ดวงดาว ธรรมชาติ และึความฝัน มากมายถึงขนาดนี้
และก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ที่รู้สึกว่าเพลงญี่ปุ่นมักมีเนื้อหาที่ positive ค่อนข้างมาก
จะเศร้าแค่ไหน (อย่างเช่น Canvas) เป็นไม่ได้ตีโพยตีพาย
บางที่นั่นอาจจะเป็น เสน่ห์ อย่างหนึ่งของเพลงญี่ปุ่นที่ทำให้ฮารุกิหลงรักมาจนถึงทุกวันนี้