ขวากหนามอันอบอุ่น

กระทู้สนทนา
ท่ารถสองแถวยามสายๆ คนซาลงไป ไม่จอแจ เหมือนยามเช้า ที่มีทั้งพ่อค้า แม่ค้า คนมาจ่ายตลาด และเด็กนักเรียนมาโรงเรียนกันคึกคัก

ชายหนุ่ม มองผู้คนจับจ่ายซื้อของ มองสามล้อที่ยิ้มฟันหลอ ร้องเรียก ต่อรองราคากับลูกค้า มองปลาช่อนที่กระโดดออกจากกาละมังสังกะสี ออกมาหาอิสระภาพบนถนน

ร้านกาแฟ อยู่ติดกับท่ารถ ฝั่งตรงกันข้ามเป็นตลาดสด เขาเรียกเจ้าของร้านกาแฟ เก็บเงินค่าโอเลี้ยง เมื่อมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือซ้ายเป็นเวลา 9.05 น.

อาแปะบอกราคา 5 บาท แล้ว จ้องหน้า ชายหนุ่มอย่างพินิจพิจารณา

"อามานะ หรือปล่าว" แปะ ร้องทักทาย

"ครับแปะ ฉัน มานะ" ชายหนุ่มยิ้มไปพร้อมคำตอบ 8 ปี จากหนุ่มรุ่นกระทง ที่เป็นลูกค้าขาประจำร้านกาแฟของแปะ มาจนเป็นหนุ่มเต็มตัว วันนี้ แม้จะผิดไป เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็มีเค้าหน้าคมสันของหนุ่มน้อยคนนั้นอยู่มาก

"ดีใจ ดีใจ แม่ลื๊อ คงดีใจมากแน่ๆ"  

ชายหนุ่มกะพุ่มมือไหว้ ลุกขึ้นดันม้านั่งสี่เหลี่ยมเก็บเข้าใต้โต๊ะไม้ แปะยิ้มให้เหมือนเคย

ตรอกหลังตลาดดูไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ชายหนุ่ม วิ่งเล่นมาตั้งแต่เล็กๆ  ต้นก้ามปูใหญ่ร่มครึ้มอยู่ริมแม่น้ำสายนั้น แผ่ร่มเงาเข้ามาถึงสวนหน้าบ้านไม้สองชัน  ทิวลั่นทมดอกส้มเหลืองชูช่อ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ มีป้ายเขียนชื่อบ้านว่า บ้านครูมาลี กองใบไม้แห้งถูกกวาดมารวมไว้ และมีควันไฟโชยขึ้นบางๆ ร่างผู้หญิงสูงวัยจับไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดพื้นอยู่ ดูท่าทางกะฉับกระเฉง

มานะวางถุงทะเลสีเขียวขี้มาลงข้างประตู แล้วรี่เข้าไปกอดหญิงสูงวัย

"นะ หรือลูก" ครูมาลี ข้าราชการบำนาญพูดคำแรกจากการสัมพัส แล้วหันหน้ามามองชายหนุ่ม น้ำตาเธอเริ่มไหลปริ่ม

"แม่" ชายหนุ่มกอดเธอแน่นขึ้นไปอีก 8 ปีที่ชายนุ่มหนีออกจากบ้านไป และไม่เคยกลับมาอีกเลยจนวันนี้ ชายหนุ่มร้องให้อย่างถี่ขึ้น

"แม่ หนูขอโทษ"

"ไปกินข้าวไป" หญิงสูงวัยปาดน้ำตา ขณะเธอทำท่าประคองบุตรชายที่สูงกว่าเธอเท่าตัว เข้าไปโต๊ะใหญ่ใต้ถุนบ้าน

"พี่มัทไปโรงเรียนแล้ว รู้ว่านะกลับมาคงดีใจ"

“ครับ”

ครูมาลีเดินเข้าไปในครัว เสียงติดไฟแก๊สดังขึ้น เสียงขยับตู้กับข้าวดังตามมา ชายหนุ่มกวาดสายตามองภาพถ่ายใส่กรอบ เรียงรายอยู่บนผนัง บนสุด มีรูปเขาเมื่อตอนเล็ก ๆ รำฉุยฉายพราหมณ์ คู่กับพี่สาว รำกลองยาว  รำนกยูง ถัดลงมาเป็นภาพเด็กๆ ซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์ของแม่

ถัดลงมาภาพดูใหม่ขึ้นมา มีภาพพี่สาวเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร และรูปลูกศิษย์ของพี่สาว ที่ออกรำแสดงโชว์ตามงานต่างๆ และตรงกลางเป็นรูปพี่สาวกับแม่ถ่ายภาพตรงสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนสักแห่งในต่างประเทศ ไม่มีเด็กชายมานะ

“ทานข้าวลูก” ครูมาลีเรียกชายหนุ่ม

มานะหันกลับไปมองก็เห็นกับข้าวเรียงราย อยู่เต็มโต๊ะ มองเลยโต๊ะทานข้าวใหญ่ไป ก็เห็นศาลาริมน้ำตั้งเศียรพ่อแก่อยู่บนแท่นด้านใน เป็นลานปูนสำหรับซ้อมรำและซ้อมดนตรี

“แม่ยังสอนเด็กอยู่อีกเหรอ” มานะถาม

“นานๆ หน ต่อเพลง ต่อท่ารำ บ่อยๆ ไม่ไหวแล้วล่ะ พี่มัทนาเค้าสอนนักเรียนบ้าง เด็กๆแถวนี้บ้าง”

“แม่ก็ดูแล บ้านช่อง หาน้ำขนม ให้เด็กกิน” ครูมาลีหยุดกลืนก้อนสะอื้น เมื่อเห็นชายหนุ่มน้ำตาคลอ



ภาพจำวัยเยาว์ของเค้า ก่อนหนีออกจากบ้าน ก็ คือการเป็นเด็กผู้ชายคนเดียวในบ้าน ที่มีแต่ผู้หญิง การที่ถูกแม่เคียวเข็ญให้เล่นดนตรีไทย และรำไทย ต้องเป็นน้องสาวของพี่สาวคนเดียว ที่แม่เหมือนจะรักพี่คนโตมากกว่าตัวแม่เองเสียอีก

“พี่ไม่ชอบน้องชาย พี่ชอบน้องสาว” พี่มัทบอกกับเขาเสมอๆ

ด้วยความที่อายุมากกว่าน้องชาย 6 ปี จึงเลี้ยงน้องชายแทนแม่มาตั้งแต่น้อย ความคิดของพี่มัท มีอิทธิพลต่อหัวใจที่แสนอ่อนไหวของเด็กชายมานะมาตั้งแต่จำความได้ ยิ่งในสายตาของคนอื่นๆ การแสดงใดๆ ที่เป็นการรำชายหญิง พี่มัทมักจะเลือกรำเป็นชาย และเขาซึ่งตัวเล็กกว่าต้องร่ายรำแต่งหน้าเป็นหญิง ทุกครั้งไป

ครั้งเมื่องานประจำปีของจังหวัดหลายปีก่อน คณะดนตรีไทยครูมาลี ชนะเลิศการแข่งขันดนตรีไทยระดับจังหวัด ด้วยแกนหลักจากสองพี่น้อง นางเอกลิเกชื่อดังวัยสาวสะพรั่งซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของคณะลิเก หลงเสน่ห์มานะ หนุ่มหน้าใส ฝีมือระนาดเกินวัย ท่วงทีร่ายรำก็งามไม่แพ้ผู้หญิง ด้วยการเพียรมาพูดคุยพบหน้ากันทุกวัน มาเปิดโลกใบใหม่ให้หนุ่มน้อยแสวงหา และมอบความอบอุ่นให้อย่างที่มานะไม่เคยได้รับจากที่ไหน

ชาวบ้านเล่าให้ครูมาลีฟังว่ามานะหนุ่มน้อยก็หนีออกจากบ้านไปในดึกคืนหนึ่ง พร้อมกับคณะลิเกเงินล้านที่มาทำการแสดงในงานประจำปีด้วยกัน

คนเป็นแม่ไม่เคยรู้ว่า ในหลายปีที่ผ่านมา พี่กับน้องคลางแคลงใจด้วยเรื่องอะไรกัน ด้วยทั้งมานะ และ มัทนา ไม่เคยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง แต่ มานะก็ตัดสินใจ ออกไปมีครอบครัวกับนางเอกลิกรุ่นพี่ตั้งแต่วัยรุ่น เสียงร่ำลือเรื่องครูมาลีมีลูกสาวสองคนถึงได้เงียบลงไป

ชายหนุ่มดื่มน้ำเปล่าช้าๆ หลังอิ่มข้าวฝีมือแม่ เมื่อหันมองคนเป็นแม่ ครูมาลียังนั่งมองหน้าลูกชายนิ่ง

“หนูปลดประจำการ เมือวานนี้...ก็กลับมาหาแม่ก่อน ฝากเสื้อให้พี่มัทด้วย” ชายหนุ่มส่งของให้

“ส่วนของแม่ เป็น หยูกยา อาหารเสริมหลายอย่าง และผ้าซิ่นทอมือ ห่อนี้นะ หนูแยกไว้แล้ว”

“กลับมาอยู่บ้านเราไหมลูก” ครูมาลีเสียงสั่น

“แม่มี พี่มัทเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนพ่อ ..แล้วไง” มานะบอกพร้อมจับมือแม่

“รอเจอพี่มัทเค้าหน่อยไหม เค้าจะได้ดีใจ สี่โมงเย็นก็ลับจากโรงเรียนแล้ว” ครูมาลีขอร้อง

มานะส่ายหน้าช้าๆ

“หนู มีลูกแล้ว 1 คนนะแม่ คณะทีมงาน หยุดงานคอยหนูระหว่างอยู่กรม ปีครึ่ง พวกเค้ารอหนูกลับไปเป็นหัวหน้าคณะแทนป๊า”

ชายหนุ่มบอกครูมาลีอย่างหมดจด แล้วก้มลงกราบเท้ามารดา

“หนูเป็นลูกผู้ชาย ต้องหาเลี้ยงครอบครัวนะแม่”

“จำเริญๆ นะลูกนะ” ครูมาลีอวยพร อกใจตื้นตัน

ชายหนุ่มก้าวเท้าก้าวข้ามธรณีประตูออกมาจากบ้านที่คุ้นชินมาแต่เล็กๆ ออกไปสู่โลกว้างใหญ่ร่วม 10 ปี ไม่ได้กลับมาเลยสักครั้ง ความหวาดหวั่นทำให้ชายหนุ่มสืบเท้าออกมาเร็วขึ้น เพราะใกล้เวลาสี่โมงเย็นเต็มที

แต่กลับต้องหยุดเหมือนต้องมนต์ เมื่อเสียงระนาด เพลง ลาวครวญ จากฝีมือครูมาลี ดังตามหลังชายหนุ่มออกมาติดๆ ทหารปลดใหม่ หันไปมองรั๊วไม้สีขาวและหลังคาบ้าน ด้วยม่านตาพร่ามัว ชายหนุ่มเดินร้องให้ผ่านผู้คนมากมายในตลาดอย่างไม่อายใครๆ เหมือนโชคชะตาจะเล่นกล พัดพาให้มนุษย์ผู้หนึ่งต้องพบเจอขวากหนามที่อบอุ่นแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่