นิยาย : ระหว่างน้ำกับฟ้า ตอนที่ ๕

กระทู้สนทนา
ระหว่างน้ำกับฟ้า ตอนที่ ๕

ชีวิตของอรวีในแต่ละวันเหมือนหนังสือเล่มเดิมที่อ่านซ้ำไปมาและเธอก็เคยชินกับวิถีแบบนั้น ไม่คิดเปลี่ยนแปลงสิ่งใด กระทั่งมีชายหนุ่มชื่อจิรวิเข้ามาในชีวิต ดูเหมือนรอยยิ้มของเขาจะรบกวนจิตใจเธออยู่เนืองๆ ระหว่างวาดรูปไปใจก็นึกถึงรอยยิ้มเต็มหน้าของเขา แต่เมื่อนึกได้ว่าเขามีคนรักเป็นผู้ชายแล้วก็ต้องถอนหายใจ เสียดายที่ธรรมชาติต้องขาดสมดุลไป นึกแล้วก็หงุดหงิดใจไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น อรวีวางมือจากงานที่กำลังทำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปข้างนอก เธอรู้ตัวเองดีว่าถ้ายังดันทุรังทำงานต่อด้วยจิตใจอันว้าวุ่นแล้วผลงานที่ออกมาก็จะวุ่นวาย เลอะเทอะไม่ตรงตามเนื้อหาของเรื่อง ดีไม่ดีอาจต้องแก้ไขใหม่ทั้งหมด ดังนั้นการออกไปสูดอากาศ หาของอร่อยๆ ทานและฟังเพลงเบาๆ ให้สมองผ่อนคลายน่าจะเป็นเรื่องที่ดี แล้วก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอก้าวเข้ามาที่ร้านเดิมนี้อีกครั้ง

“ทีรามิสุเค้ก กับชาเขียวร้อนใช่มั้ยครับคุณผู้หญิง”
ชายหนุ่มเสียงนุ่มนวลชวนเงยหน้ามอง เอ่ยถามด้วยประโยคสุภาพ และเมื่อเงยหน้ามองแล้วไม่ใช่แต่เสียงเท่านั้นที่หล่อ หน้าตายังหาที่คนเทียบได้ยากเสียด้วย

“เอ่อ.... จำได้ด้วยเหรอคะ”

“ผมเห็นในรูปน่ะ”
เขาชี้ไปที่ข้างผนัง รูปใหญ่ขนาดแปดคูณสิบนิ้ว เป็นรูปของเธอกับจิรวิ นั่งกันอยู่คนละด้าน ตรงหน้าเป็นทีรามิสุเค้ก กับชาเขียวร้อน ขณะที่ชายหนุ่มตรงข้ามกำลังยกถ้วยชาจิบแบบผู้ดีอังกฤษ

“อุ๊ยตาย อายจัง”

“ไม่เห็นต้องอายเลย คุณดูน่ารักมาก”

“ขอบคุณที่ชมนะคะ ถ้าอย่างนั้นขอรับเมนูเดิมเลยค่ะ”
แล้วชายหนุ่มที่มารับออเดอร์ ก็หันไปสั่งลูกน้องต่ออีกทอดหนึ่ง

“ผมชื่อ กวินท์ ผมเป็นเจ้าของร้าน เราเพิ่งเปิดได้ไม่นานมากนัก และวันนั้นที่คุณกับคนรักมาที่นี่เป็นวันสองของการเปิดร้าน หลังจากที่ดูภาพที่ถ่ายออกมาทั้งหมดแล้ว ภาพของคุณผู้ชายโดนใจมาก ผมอยากจะขอให้เค้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ของเรา ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกมั้ยครับ เรามีค่าตอบแทนให้ตามความเหมาะสมหรือคุณสามารถคิดราคามาได้เลย”
นักธุรกิจที่แท้จริงอาจไม่ต้องอ้อมค้อม แต่จำเป็นต้องตรงไปตรงมาและชัดเจน

“ถ้าฉันเจอเขาฉันจะบอกเขาให้นะคะ”

“ไม่ทราบว่าจะรบกวนเกินไปมั้ยถ้าหากผมจะขอเบอร์โทร. เขาเพื่อติดต่อ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอบอกเขาก่อนได้มั้ยคะ ว่าคุณจะโทร.ไป”

“ยินดีครับ”
แล้วอรวีก็โทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มซึ่งขณะ นั้นกำลังรู้สึกว่าตัวเองเหมือนลูกโป่งที่กำลังถูกอัดแก๊สเข้าไปเต็มที่พร้อมจะระเบิด และถ้าไม่มีเสียงของอรวีมาช่วยไว้ พนันได้ว่าเขาต้องระเบิดลงเป็นแน่ เขาเบื่องานของแม่จะแย่แล้ว

การประพฤติตัวเป็นลูกที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเป็นลูกที่ต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างนั้นขัดความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก จิรวิอยากออกไปทำธุรกิจของตัวเองตามสาขาที่แอบเรียนมานั่นคือออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่ต้องมานั่งทำงานในออฟฟิศ ซึ่งจำกัดพื้นที่สำหรับจินตนาการอย่างยิ่ง และขณะที่คุณหญิงแม่กำลังเดินเข้าห้องทำงานเขาอย่างถือวิสาสะ พร้อมกับหญิงสาวหน้าตาดี ซึ่งอาจจะเป็นลูกผู้ดีมีชาติตระกูลสักคนหนึ่ง ตามแบบฉบับละครไทย เขาก็บอกขอตัวและเผ่นออกมาทันทีก่อนที่จะถูกคว้าคอเสื้อเอาไว้ และการติดกระดุมเสื้อจนถึงเม็ดบนสุดนี่เองคือตัวช่วยที่ทำให้การคว้าคอเสื้อของคุณหญิงแม่ยากขึ้น

โฟล์คสวาเก้นคันโปรดพาเขาโลดแล่นมายังเป้าหมาย ซิกตี้คาเฟ่ ร้านกาแฟย้อนยุกที่กล้าหาญมาเปิดเทียบรัศมีสตาร์บัคในห้างสรรพสินค้าใหญ่โต ถ้าไม่เพราะเงินทุนหนามาก ก็ต้องเป็นเพราะรสชาติเครื่องดื่มดีมากนั่นแหละถึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ท่ามกลางคู่แข่งเป็นร้อยได้

“ขอบคุณที่มานะครับ ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกด้วยซ้ำ ที่ขยายภาพใหญ่ติดข้างฝาก็เผื่อว่าถ้าหากมีคนรู้จักคุณมาร้านนี้เขาจะได้ไปบอกคุณได้ โชคดีที่ผมเจอคุณผู้หญิง”
กวินท์อธิบายถึงความเป็นไป เป็นมา

“ฉันชื่ออรวีค่ะ”

“ครับ โชคดีมากที่คุณอรวีมาทานขนมร้านเราอีก”

“ผมก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับเธออีกเหมือนกัน”

“อ้าวคุณสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกเหรอครับ”

“ไม่ได้เป็นครับ เพราะเธอเข้าใจว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย”
ประโยคนั้นพูดกับกวินท์ แต่หันหน้าไปหาอรวี เน้นให้ได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“เหรอครับ ดีใจจัง”
ประโยคแปลกๆ ของเจ้าของร้านซิกตี้คาเฟ่ ฟังดูแปลก แต่ก็ไม่มีใครคิดไกลนัก อาจเป็นประโยคธรรมดา

“ตกลงผมเป็นพรีเซนเตอร์ให้คุณ รายละเอียดอื่นๆ ก็คุยกับคุณอรวีก็แล้วกัน เธอเป็นเลขาของผม”
ถูกมัดมือชกดื้อๆ แบบนี้ อรวีก็แทบจะปฏิเสธไม่ทัน ได้แต่เออออห่อหมกไปด้วย เอานะไหนๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่

“ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าพรุ่งนี้คุณพอจะมีเวลาว่างสักสองสามชั่วโมงมาถ่ายแบบให้เราได้มั้ยครับ”

“โอ้ ยินดี เอ๊ะแต่เดี๋ยวก่อน คุณติดต่อที่เลขาผมได้เลยเธอทราบว่าจะติดต่อผมได้ที่ไหน อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องติดต่อโดยตรงนะครับ ผมไม่รับงาน”

“แน่นอนจริงๆ สมเป็นนักธุรกิจ”
กวินท์หัวเราะร่า รู้สึกถูกคอ และถูกชะตากับสองหนุ่มสาวนี้

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ”
และเมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว จิรวิก็ขับรถไปส่งอรวีที่บ้าน ระหว่างทางเธอยิงคำถามใส่เขาจนไม่รู้จะเลือกตอบข้อไหนก่อน หากคำถามเป็นปืนอาก้าเขาคงตายไปแล้ว

“ฉันตกลงตอนไหนว่าจะเป็นเลขาให้คุณ”

“ตอนอยู่ในร้านไง เอาน่าห้าสิบห้าสิบ ผมไม่กินเปอร์เซ็นเยอะหรอก ให้คุณครึ่งนึงเลยนะ ไม่ดีเหรอ”

“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่คุณมัดมือชกแบบนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คราวหน้าคราวหลังก็ช่วยถามก่อนได้มั้ย”

“คุณโกรธเหรอ ผมขอโทษนะ ขอโทษพันครั้งหายมั้ย”
น้ำเสียงฟังดูแล้วอ้อนจนขนลุก และแน่นอนอรวีเปลี่ยนเรื่องคุย

“ไหนล่ะคะซีดี”

“อ้อ นี่เลยอยู่นี่ ถ้าคุณไม่ถาม ผมคงลืมไปแล้ว” เขาก้มหยิบซีดี

“ตกลงฉันเป็นแล้วสินะ”

“ใช่แล้ว คิดดูสิถ้าผมดังขึ้นมาจะเป็นยังไง น่าสนุกจะตายไปนะ”

“ฉันมีงานอื่นต้องทำเหมือนกันนะคะ”

“ผมก็มีเหมือนกัน น่า...ถือว่าหาอะไรทำเล่นๆ สนุกๆ ดีกว่าทำงานประจำอย่างเดียวเครียดตายเลย”

“ฉันมีเรื่องสงสัยนิดหน่อย ที่คุณบอกว่า ฉันเข้าใจผิดคิดว่าคุณมีคนรักเป็นผู้ชาย ความจริงแล้วมัน ยังไงคะ”

“ผมไม่ได้คนรักเป็นผู้ชาย และผมก็ไม่มีคนรักด้วย โสดน่ะ คุณรู้จักมั้ย โสด ไม่งั้นผมจะเดินตามคุณทำไมที่ร้านซีดี”

“นั่นสินะ ฉันนึกว่าคุณโรคจิต”

“บ้าเหรอ หล่อขนาดนี้”

“อ่อ ที่แท้ก็เป็นผู้ชายจริงๆ นี่เอง”

“ว่าแต่บ้านคุณอยู่ซอยไหนเนี่ย ผมจะได้เลี้ยวถูก”

“ซอยหน้านี่แหละค่ะ จอดปากซอยก็ได้เดี๋ยวเดินเข้าไปเอง”
อรวีลงจากรถ เขาเปิดกระจกตะโกนบอก

“โอเค แล้วเจอกันใหม่นะ ทีนี้เราคงเจอกันบ่อยขึ้นแล้วนะ”
แน่นอนว่าชายหนุ่มกลับบ้านอย่างมีความสุข เขาเปิดเพลงโปรดของริชแมน ทอย, ฟักกลิ้งฮีโร่, พาราดอกซ์

สำคัญกว่านั้น
อย่างน้อยก็ได้บอกความจริงออกไป สบายใจขึ้นตั้งหลายกอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่