การถอยห่างจากทุกข์ในชีวิตได้อย่างเป็นลำดับนั่นละมั้ง คือตัวปฎิกิริยาเร่งความเพียรในการปฎิบัติธรรมของผม ประสปการณ์จากตัวเองที่ เพียรปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง เป็นล้อที่เริ่มหมุน สำหรับผม ล้อดังกล่าว ถ้าเปรียบก็คงมี 4 ก้าน ผมทำซ้ำๆ ทำเรื่อยๆ ทำแบบช่างมัน แต่ทำจริงจัง ทำต่อเนื่อง 4 ก้านที่ว่าคือ 1.ทาน 2.ศีล 3.สมาธิ 4.เจริญปัญญาพิจารณาขัณฑ์ห้า
เมื่อทำไปแรกๆก็ไม่ได้เปรียบเชิงกลทางวัฎฎะสงสารซักเท่าไหร่ ออกจะหนืดๆเหนื่อยๆด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ทั้งทุนทั้งดอกเบี้ยที่ทำ บุญบารมีทั้งหลายชดใช้ ทำตุนผ่อนให้เจ้าหนี้ซะส่วนใหญ่ แต่เมื่อกงล้อหมุนไปได้แต่ละรอบ แต่ละเปลาะ มันเริ่มที่จะได้เปรียบเชิงกลทางวัฎฎะสงสารอยู่บ้างบ่อยๆครับ เพราะเจ้าหนี้เริ่มเบาบาง และมีคน (บางอย่างก็ไม่ใช่คน) รวมถึงเจ้าหนี้ที่กลับมาเป็นผู้ร่วมเดินทาง เขาทั้งหลายได้เริ่มมาอนุโมทนาบุญตามที่ได้ทำไว้ บุญบารมีทั้งหลายเริ่มจะมีตัวคูณ ตัวยกกำลัง ให้ผลลัพท์เยอะขึ้นบ้างพอใจชื้น จึงเริ่มเรียกว่าทำน้อยได้เยอะกับเขาบ้าง แต่เคล็ดลับคือห้ามขี้เกียจปฎิบัติ
ดังเช่นเรื่องนี้ ... งานบวชของเพื่อนผม เขาบวชที่อุโบสถวัดแห่งหนึ่ง ผมเข้าร่วมไปเป็นเจ้าภาพในการบวชนาคเดี่ยวครั้งนี้ เพื่อนผมเปรยกับเพื่อนๆด้วยกัน ว่าอยากบวชนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ถ้าเป็นไปได้จะบวชตลอดชีวิต เพื่อนอย่างเราตื่นแต่เช้าไปช่วยยกของ จัดแจงของ พอเริ่มขลิบผมลงใบบัว ผมเข้าไปจองที่ในอุโบสถได้ตำแหน่งหลังเสา เริ่มนังขัดสมาธิหลับตา อธิษฐานจิต กำหนดจิตเป็นกสิณ ดิน เป็นพรมปูไว้เป็นวงกลม รองรับพื้นที่บริเวณที่มี พิธีกรรมการบวช รองรับพระอุปัชชาย์จารย์ พระกรรมวาจา และพระทั้งหลายในพิธี รวมไปถึงนาคชุดขาวตรงที่นั้น กำหนดจิตเป็นดวงกสิณแผ่อาณาเขต รองรับพื้นที่ไว้ตรงนั้น...... เมื่อพิธีบวชได้เริ่มดำเนิน โดยผ่านไปได้ช่วงหนึ่ง จิตก็เริ่มเป็นสมาธิ กสิณที่แผ่ปริมณฑลอธิษฐานตามกำลังจิตน้อยๆของผมนั้น เริ่มปิ๊งสวยเด่นชัด ในตาใจที่หลับตาเห็นอยู่แบบนั้น ปรากฎว่าในขณะนั้นเองหูผมก็ได้ยินเสียงที่หวานมากมากระซิบผ่านโสตะประสาทหูแบบระบุไม่ได้ว่าเป็นหูซ้ายหรือขวาไม่ทราบ เป็นเสียงสาวมากๆ มาในลักษณะที่ แหลม เพราะพริ้ง จับใจ จนถึงทุกวันนี้เลยว่า
"..............เอาบุญเดียวคนเดียวเลยนะจ๊ะ ......."
เสียงหวานมาก เหมือนเรียกได้ว่ามีแต่ลม แต่มีเสียงสอดแทรกเสริมมากับลม แล้วอยู่ไกลไม่เชิงใกล้ไม่ใช่ เสียงเป็นแบบนั้น ..
ท่านคือ พระแม่ธรณี ในเขตที่รับผิดชอบอุโบสถวัดนั้นนั่นเอง..ใจผมบอกอัตโนมัติตามเสียงนั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการรับอ่านนะครับ ปัจจัตตังนะครับตรงนี้) จากนั้นด้วยความเกรงใจปนละอายใจ ผมจึงอธิษฐานหดขนาดกสิณดิน ขนาดเท่ากระด้ง แล้วประคองรักษาดวงกสิณเป็น กระเป้าเป้สะพายหลังรักษาอารมณ์กสิณเอาไว้ คล้ายรูปแบบของกระดองเต่า จากนั้นก็อยู่ร่วมงานบวชจนสิ้นสุดและอนุโมทนาบุญกับพระใหม่ รวมถึงอนุโมทนาบุญกับพระแม่ธรณีในที่นั้นที่ร่วมงานบวชมานับไม่ถ้วนในสถานที่แห่งนี้เช่นกัน
ใครมีประสปการณ์ในการพบเจอหรือสัมผัส เรื่อง พระแม่ธรณีในเขตต่างๆมาแชร์ให้ฟังกันนะครับ ผมชอบฟังครับ อนุโมทนาบุญท่านทั้งหลายด้วยล่วงหน้า กับบุญท่านทั้งหลายในธรรมทานที่นำมาแชร์กันนะครับ
แชร์ประสปการณ์กันครับ "พระแม่ธรณีร่วมอนุโมทนาบุญในงานบวชเพื่อนครับ"
เมื่อทำไปแรกๆก็ไม่ได้เปรียบเชิงกลทางวัฎฎะสงสารซักเท่าไหร่ ออกจะหนืดๆเหนื่อยๆด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ทั้งทุนทั้งดอกเบี้ยที่ทำ บุญบารมีทั้งหลายชดใช้ ทำตุนผ่อนให้เจ้าหนี้ซะส่วนใหญ่ แต่เมื่อกงล้อหมุนไปได้แต่ละรอบ แต่ละเปลาะ มันเริ่มที่จะได้เปรียบเชิงกลทางวัฎฎะสงสารอยู่บ้างบ่อยๆครับ เพราะเจ้าหนี้เริ่มเบาบาง และมีคน (บางอย่างก็ไม่ใช่คน) รวมถึงเจ้าหนี้ที่กลับมาเป็นผู้ร่วมเดินทาง เขาทั้งหลายได้เริ่มมาอนุโมทนาบุญตามที่ได้ทำไว้ บุญบารมีทั้งหลายเริ่มจะมีตัวคูณ ตัวยกกำลัง ให้ผลลัพท์เยอะขึ้นบ้างพอใจชื้น จึงเริ่มเรียกว่าทำน้อยได้เยอะกับเขาบ้าง แต่เคล็ดลับคือห้ามขี้เกียจปฎิบัติ
ดังเช่นเรื่องนี้ ... งานบวชของเพื่อนผม เขาบวชที่อุโบสถวัดแห่งหนึ่ง ผมเข้าร่วมไปเป็นเจ้าภาพในการบวชนาคเดี่ยวครั้งนี้ เพื่อนผมเปรยกับเพื่อนๆด้วยกัน ว่าอยากบวชนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ถ้าเป็นไปได้จะบวชตลอดชีวิต เพื่อนอย่างเราตื่นแต่เช้าไปช่วยยกของ จัดแจงของ พอเริ่มขลิบผมลงใบบัว ผมเข้าไปจองที่ในอุโบสถได้ตำแหน่งหลังเสา เริ่มนังขัดสมาธิหลับตา อธิษฐานจิต กำหนดจิตเป็นกสิณ ดิน เป็นพรมปูไว้เป็นวงกลม รองรับพื้นที่บริเวณที่มี พิธีกรรมการบวช รองรับพระอุปัชชาย์จารย์ พระกรรมวาจา และพระทั้งหลายในพิธี รวมไปถึงนาคชุดขาวตรงที่นั้น กำหนดจิตเป็นดวงกสิณแผ่อาณาเขต รองรับพื้นที่ไว้ตรงนั้น...... เมื่อพิธีบวชได้เริ่มดำเนิน โดยผ่านไปได้ช่วงหนึ่ง จิตก็เริ่มเป็นสมาธิ กสิณที่แผ่ปริมณฑลอธิษฐานตามกำลังจิตน้อยๆของผมนั้น เริ่มปิ๊งสวยเด่นชัด ในตาใจที่หลับตาเห็นอยู่แบบนั้น ปรากฎว่าในขณะนั้นเองหูผมก็ได้ยินเสียงที่หวานมากมากระซิบผ่านโสตะประสาทหูแบบระบุไม่ได้ว่าเป็นหูซ้ายหรือขวาไม่ทราบ เป็นเสียงสาวมากๆ มาในลักษณะที่ แหลม เพราะพริ้ง จับใจ จนถึงทุกวันนี้เลยว่า
"..............เอาบุญเดียวคนเดียวเลยนะจ๊ะ ......."
เสียงหวานมาก เหมือนเรียกได้ว่ามีแต่ลม แต่มีเสียงสอดแทรกเสริมมากับลม แล้วอยู่ไกลไม่เชิงใกล้ไม่ใช่ เสียงเป็นแบบนั้น .. ท่านคือ พระแม่ธรณี ในเขตที่รับผิดชอบอุโบสถวัดนั้นนั่นเอง..ใจผมบอกอัตโนมัติตามเสียงนั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการรับอ่านนะครับ ปัจจัตตังนะครับตรงนี้) จากนั้นด้วยความเกรงใจปนละอายใจ ผมจึงอธิษฐานหดขนาดกสิณดิน ขนาดเท่ากระด้ง แล้วประคองรักษาดวงกสิณเป็น กระเป้าเป้สะพายหลังรักษาอารมณ์กสิณเอาไว้ คล้ายรูปแบบของกระดองเต่า จากนั้นก็อยู่ร่วมงานบวชจนสิ้นสุดและอนุโมทนาบุญกับพระใหม่ รวมถึงอนุโมทนาบุญกับพระแม่ธรณีในที่นั้นที่ร่วมงานบวชมานับไม่ถ้วนในสถานที่แห่งนี้เช่นกัน
ใครมีประสปการณ์ในการพบเจอหรือสัมผัส เรื่อง พระแม่ธรณีในเขตต่างๆมาแชร์ให้ฟังกันนะครับ ผมชอบฟังครับ อนุโมทนาบุญท่านทั้งหลายด้วยล่วงหน้า กับบุญท่านทั้งหลายในธรรมทานที่นำมาแชร์กันนะครับ