กระทู้นี้ ขอเชิญชวนมาแชร์เรื่องดี ๆ หรือ น้ำใจจากคนแปลกหน้าที่ไม่คิดว่าจะได้รับน่ะค่ะ
ขอเริ่มเรื่องของตัวเองก่อนเลยนะคะ
เราเองมีประสบการณ์ ได้รับน้ำใจ + ความช่วยเหลือ จากคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักอยู่พอสมควร
ที่ประทับใจ เพราะว่า คนเหล่านี้ เรามักจะได้เจอในสถานการณ์คับขัน แล้ว ตอนเค้าช่วยเหลือเรา ก็ช่วยด้วยน้ำใจจริง ๆ ไม่ได้หวังอะไรจากเรา เพราะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับมาเจอกันอีก เหมือนเป็นคนที่เจอกันแค่ครั้งเดียวในชีวิต จำหน้ากันไม่ได้ ไม่ได้ถามชื่อกัน แต่เหลือความประทับใจในน้ำใจของเพื่อนร่วมโลกกัน
วันนี้ มาแชร์สองเรื่องค่ะ
เรื่องแรก เกิดเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้ว ตอนที่เรากำลังทำโครงการ ปลูกต้นไม้ ทำลานพระธรรมจักร ที่วัดตรีวิสุทธิธรรม วันนั้น เราตระเวน รับต้นไม้จากผู้บริจาคในพันทิปโดยเราไปรับที่ศรีราชา ขากลับ ก็กลับมาทางถนน บางนาตราด ไม่ได้ขึ้นถนนลอยฟ้า
ตอนนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ เกือบ ๆ หนึ่งทุ่มแล้วค่ะ เราขับอยู่เลนด้านใน ขับ ๆ อยู่ รถตกหลุมใหญ่มาก กลางถนนบางนา-ตราด ประมาณ กม. 30 ปลาย ๆ ตกโพละ พอตะกายรถขึ้นมาได้ ปรากฏว่า รถเอียงไปข้างหนึ่ง
ขอบหลุมคงจะคมกริบ จนบาดยาง ให้ขาดไปน่ะค่ะ
จริง ๆ คุณสามี ก็เคยสอนให้เราเปลี่ยนยางล้อ แต่แหม ... ถ้าคุณไม่ได้ฝึกหัดทำบ่อย ๆ แล้ว คุณจะรู้ว่า การจะเปิดหลังรถ งัดเอาแม่แรง มางัดดุมล้อสำหรับผู้หญิงแล้วมักยากน้อ
เรานึกได้ว่า เปลี่ยนยาง 4 ล้อ กับ “ปี ปิ๊ก” เค้ามีโปรโมชั่น ช่วยเหลือ ฉุกเฉิน 24 ชม. เราเลยลองโทร.ไป เค้าบอกว่า เราอยู่ไกลเกินไป เจ้าหน้าที่แนะเราว่า “พี่โบก แท็กซี่แถวนั้นให้ช่วยเปลี่ยนยางให้หน่อยละกัน”
แป่ว ... แบตโทรศัพท์ ใกล้หมดลงเรื่อย ๆ เราโทร.หาคุณสามี แจ้งข่าว แต่คิดว่า กว่า สามีเราจะมาถึงที่ที่เราอยู่คงเป็นชั่วโมง
จะโบกแท็กซี่ ก็คงมีอยู่หรอก บางนา-ตราด กม. ปลาย ๆ
พวกรถบรรทุกพ้นช่วงติดเวลา ก็ต้องรีบวิ่งเข้าคลองเตยกันทั้งนั้น เราเข้าใจ ไม่มีใคร จะสละเวลาพอจะมาถามเราว่าเกิดอะไรขึ้นหรอก
ทันใดนั้น มีผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งจากริมถนนบางนา-ตราด กระโดดข้ามขอบกั้นปูนที่สูงประมาณเอว เดินตรงมาหาเรา
นึกภาพบางนา-ตราดออกนะคะ ว่าจะมีเลนนอก และเลนใน ระหว่าง เลนนอก กับเลนใน จะมีขอบกั้นปูน กั้นอยู่
ถามเราว่า เราเป็นอะไร
เราเองก็ยังกลัว ๆ ว่าเป็นมิจฉาชีพ เพราะแถวนั้น ก็ดูมืด ๆ ทำเสียงเข้ม ถามเค้าไปว่า
“อ้าวพี่ ... เป็นไงมาไง ถึงโผล่มานี่ได้ล่ะคะ ?”
เค้าบอกว่า เค้าขับหกล้อ กลับบ้านไปอาบน้ำ แล้วจะรีบออกมาถอยรถ ที่ไปจอดชั่วคราวหน้าร้านคนอื่นเค้า แล้ว
เผอิญ “มาเห็นเจ๊ ... ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ เลยวิ่งมาดู”
พอเค้ารู้ว่า ยางเราแตก พี่คนนั้น บอกให้เราพยายามขับรถ ทนบด ๆ ล้อข้างที่ยางแตกมาจอดริม ๆ หน่อย
แล้วเค้าก็หายไปพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมเครื่องไม้ เครื่องมือ เปลี่ยนยางมาครบชุด มีไม้หมอนรองล้อ แม่แรง ต่าง ๆ แล้วก็เริ่มลงมือเปลี่ยนยางให้เรา คล่องแคล่วประหนึ่ง แม็คไกเวอร์ก็ไม่ปาน
พอเปลี่ยนยางเสร็จเรียบร้อย ก็ทำท่าจะเดินไป
เรารีบเรียกเค้าเลย บอกว่า
“ขอโทษนะคะพี่ อย่าหาว่าดูถูกน้ำใจ ช่วยรับ ‘นี่’ ไว้หน่อยนะคะ”
เรายัด แบงค์พันลงไปในมือเค้า แล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณเค้า ส่วนเค้าก็ยกมือไหว้ขอบคุณเรา โดยไม่ได้ก้มดูว่าเป็นแบงค์อะไรที่ถูกยัดใส่มือเค้าเหมือนกัน
จริง ๆ วันนั้น เราเหลือเงินประมาณ 1,200 บาท อยากเทกระเป๋าให้เลยด้วยซ้ำ แต่คิดว่า เหลือเงินติดกระเป๋าไว้ 200 บาท เผื่อฉุกเฉิน
เค้ามาช่วยเราโดยไม่เรียกร้องแบบนี้ เราซึ้งใจจริง ๆ คือ เราไม่ได้ขับรถแพง ขับ วีออสคันเล็ก ๆ รุ่นเก่า ไม่ได้แต่งตัวคุณนาย จนเค้าอาจจะหวังทิปก้อนโต วันนั้น เรามอมแมมด้วยซ้ำ เพราะไปขนต้นไม้
เพื่อนแอบแซวว่า เราให้มากไปรึเปล่า ?
เราคิดว่า “ไม่” เราว่ามัน win-win
เรารู้สึกซึ้งในน้ำใจเค้ามาก เพราะถ้าเราเรียกรถยกมา เราอาจจะต้องนั่งรอต่อไปอีก 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่น่ากลัวเหลือเกิน กลางถนน แล้วราคารถยก ก็เริ่มที่ 1,500 บาท
เราบอกว่า ถือว่า เป็นโชคดีของเราทั้งคู่
เราถือว่า You made my day and I will make yours.
เล่าแล้ว เครื่องเริ่มติด ขอเล่าต่ออีกเรื่อง
วันนี้ สามีเรามีประชุมที่ รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งแถว ๆ สำเพ็ง เราก็พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ขอไปช้อปปิ้งแถว ๆ นั้นรอ
ทีนี้ ใกล้เที่ยง เราเดินกลับไปที่รถ พบว่า เราจอดรถในที่สงวนสำหรับรถหกล้อขององค์กรนั้นอยู่
เราก็เลยงม ๆ ขับวนหาที่จอด คนแถวนั้น ก็ชี้มือไปทางอาคารที่จอดรถ ระหว่างที่เราค่อย ๆ ขับขึ้นไปทีละชั้น ๆ
ก็สังเกตว่า อาคารที่จอดรถนี้ มีลูกศรสองทาง ทั้งรถ ขาเข้า และออก แต่ ระยะเว้นที่เป็นช่องว่างนั้น รถผ่านได้ทีละคันเท่านั้น เพราะรถจอดกันเต็มทุกซองจอดรถ แถม จอดขวางซองทั้งสองฝั่งอีกต่างหาก
ขับไป ก็ชักเสียว ๆ ว่า ถ้ามีรถสวนมาจะทำยังไง แต่ก็อุตส่าห์คิดไปว่า ไม่เป็นไร ขับไปเรื่อย ๆ ถึงชั้นบน ๆ คงมีที่ว่าง หรือ มีทางอีกทางให้วนรถลงมาได้เอง
ขับไปจนถึงชั้น 3B
แป่ว... เจอภาพดังว่าคับ ...

คือ ช่องกลาง ที่พอให้รถผ่านได้นั้น มีรถคันอื่น ๆ จอดอยู่เต็มไปหมด ประหนึ่งว่า ทางเดินรถ เป็นลานจอดรถซะงั้น ...
เราก็จอดรถคาแหงก อยู่ตรงแถว ๆ ทางลาดขึ้นชั้น 3B ไม่รู้จะทำไงต่อ
ต้องออกตัว ก่อนว่า เราขับรถไม่ค่อยเก่ง คือ ปกติ จะขับวน ๆ อยู่แถวชานเมือง ที่มีที่จอดรถอันมหาศาลบานเบิก เวลาไปเจอที่จอดรถแคบ ๆ ในเมือง แล้วเราจะเครียดทุกที
แล้วนี่ถ้าให้ต้องถอยหลังลงทางลาด แล้วมาตั้งลำ เพื่อลงไปชั้นล่าง ... ฝันไปเลย ...
สองจิต สองใจว่า จะทำไงดี จะโทร.หาคุณสามี ก็ไม่กล้า เพราะรู้ว่า ประชุมงานอยู่
ทันใดนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งขององค์กรนั้น เดินมาที่ที่จอดรถพอดี ท่าทางกำลังจะรีบออกไปไหน
เราเดินเข้าไปถามว่า จะวนลงได้ยังไง
เค้าก็บอกว่า ให้ถอยหลังลงทางลาด แล้วมาตั้งลำตรงฝั่งนี้ พร้อมชี้ไปที่มุมแคบ ๆ (สำหรับเราแล้ว มันแคบมาก)
เราได้แต่ยิ้ม คิดว่า “คงได้อยู่หรอก”
เจ้าหน้าที่ท่านนั้น คงเห็นท่าทางเซื่อง ๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะทำได้ ก็มาอาสา ถอยรถให้ ตั้งลำให้เรียบร้อย
บอกตรง ๆ เราอายมาก ที่ทะเล่อทะล่า เข้าไปที่ที่จอดรถแล้วไม่มีปัญญาลง แถม ... มารู้ทีหลังว่า นั่นเป็นที่ที่สงวนสำหรับพนักงานเท่านั้น (พนักงานที่นี่ก็เทพมาก จอดกันทุกตารางนิ้วกันเลยทีเดียว) แล้วคนที่มาช่วยเราก็กำลังจะไปประชุมอยู่ด้วย
น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคนแปลกหน้าที่เราจำหน้าไม่ได้ ไม่รู้ชื่อ และรู้ว่า จะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย ทำให้เรารู้สึกประทับใจ จนอยากมาแชร์เล่าให้ฟังน่ะค่ะ
***น้ำใจจากคนแปลกหน้า***
ขอเริ่มเรื่องของตัวเองก่อนเลยนะคะ
เราเองมีประสบการณ์ ได้รับน้ำใจ + ความช่วยเหลือ จากคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักอยู่พอสมควร
ที่ประทับใจ เพราะว่า คนเหล่านี้ เรามักจะได้เจอในสถานการณ์คับขัน แล้ว ตอนเค้าช่วยเหลือเรา ก็ช่วยด้วยน้ำใจจริง ๆ ไม่ได้หวังอะไรจากเรา เพราะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับมาเจอกันอีก เหมือนเป็นคนที่เจอกันแค่ครั้งเดียวในชีวิต จำหน้ากันไม่ได้ ไม่ได้ถามชื่อกัน แต่เหลือความประทับใจในน้ำใจของเพื่อนร่วมโลกกัน
วันนี้ มาแชร์สองเรื่องค่ะ
เรื่องแรก เกิดเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้ว ตอนที่เรากำลังทำโครงการ ปลูกต้นไม้ ทำลานพระธรรมจักร ที่วัดตรีวิสุทธิธรรม วันนั้น เราตระเวน รับต้นไม้จากผู้บริจาคในพันทิปโดยเราไปรับที่ศรีราชา ขากลับ ก็กลับมาทางถนน บางนาตราด ไม่ได้ขึ้นถนนลอยฟ้า
ตอนนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ เกือบ ๆ หนึ่งทุ่มแล้วค่ะ เราขับอยู่เลนด้านใน ขับ ๆ อยู่ รถตกหลุมใหญ่มาก กลางถนนบางนา-ตราด ประมาณ กม. 30 ปลาย ๆ ตกโพละ พอตะกายรถขึ้นมาได้ ปรากฏว่า รถเอียงไปข้างหนึ่ง
ขอบหลุมคงจะคมกริบ จนบาดยาง ให้ขาดไปน่ะค่ะ
จริง ๆ คุณสามี ก็เคยสอนให้เราเปลี่ยนยางล้อ แต่แหม ... ถ้าคุณไม่ได้ฝึกหัดทำบ่อย ๆ แล้ว คุณจะรู้ว่า การจะเปิดหลังรถ งัดเอาแม่แรง มางัดดุมล้อสำหรับผู้หญิงแล้วมักยากน้อ
เรานึกได้ว่า เปลี่ยนยาง 4 ล้อ กับ “ปี ปิ๊ก” เค้ามีโปรโมชั่น ช่วยเหลือ ฉุกเฉิน 24 ชม. เราเลยลองโทร.ไป เค้าบอกว่า เราอยู่ไกลเกินไป เจ้าหน้าที่แนะเราว่า “พี่โบก แท็กซี่แถวนั้นให้ช่วยเปลี่ยนยางให้หน่อยละกัน”
แป่ว ... แบตโทรศัพท์ ใกล้หมดลงเรื่อย ๆ เราโทร.หาคุณสามี แจ้งข่าว แต่คิดว่า กว่า สามีเราจะมาถึงที่ที่เราอยู่คงเป็นชั่วโมง
จะโบกแท็กซี่ ก็คงมีอยู่หรอก บางนา-ตราด กม. ปลาย ๆ
พวกรถบรรทุกพ้นช่วงติดเวลา ก็ต้องรีบวิ่งเข้าคลองเตยกันทั้งนั้น เราเข้าใจ ไม่มีใคร จะสละเวลาพอจะมาถามเราว่าเกิดอะไรขึ้นหรอก
ทันใดนั้น มีผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งจากริมถนนบางนา-ตราด กระโดดข้ามขอบกั้นปูนที่สูงประมาณเอว เดินตรงมาหาเรา
นึกภาพบางนา-ตราดออกนะคะ ว่าจะมีเลนนอก และเลนใน ระหว่าง เลนนอก กับเลนใน จะมีขอบกั้นปูน กั้นอยู่
ถามเราว่า เราเป็นอะไร
เราเองก็ยังกลัว ๆ ว่าเป็นมิจฉาชีพ เพราะแถวนั้น ก็ดูมืด ๆ ทำเสียงเข้ม ถามเค้าไปว่า
“อ้าวพี่ ... เป็นไงมาไง ถึงโผล่มานี่ได้ล่ะคะ ?”
เค้าบอกว่า เค้าขับหกล้อ กลับบ้านไปอาบน้ำ แล้วจะรีบออกมาถอยรถ ที่ไปจอดชั่วคราวหน้าร้านคนอื่นเค้า แล้ว
เผอิญ “มาเห็นเจ๊ ... ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ เลยวิ่งมาดู”
พอเค้ารู้ว่า ยางเราแตก พี่คนนั้น บอกให้เราพยายามขับรถ ทนบด ๆ ล้อข้างที่ยางแตกมาจอดริม ๆ หน่อย
แล้วเค้าก็หายไปพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมเครื่องไม้ เครื่องมือ เปลี่ยนยางมาครบชุด มีไม้หมอนรองล้อ แม่แรง ต่าง ๆ แล้วก็เริ่มลงมือเปลี่ยนยางให้เรา คล่องแคล่วประหนึ่ง แม็คไกเวอร์ก็ไม่ปาน
พอเปลี่ยนยางเสร็จเรียบร้อย ก็ทำท่าจะเดินไป
เรารีบเรียกเค้าเลย บอกว่า
“ขอโทษนะคะพี่ อย่าหาว่าดูถูกน้ำใจ ช่วยรับ ‘นี่’ ไว้หน่อยนะคะ”
เรายัด แบงค์พันลงไปในมือเค้า แล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณเค้า ส่วนเค้าก็ยกมือไหว้ขอบคุณเรา โดยไม่ได้ก้มดูว่าเป็นแบงค์อะไรที่ถูกยัดใส่มือเค้าเหมือนกัน
จริง ๆ วันนั้น เราเหลือเงินประมาณ 1,200 บาท อยากเทกระเป๋าให้เลยด้วยซ้ำ แต่คิดว่า เหลือเงินติดกระเป๋าไว้ 200 บาท เผื่อฉุกเฉิน
เค้ามาช่วยเราโดยไม่เรียกร้องแบบนี้ เราซึ้งใจจริง ๆ คือ เราไม่ได้ขับรถแพง ขับ วีออสคันเล็ก ๆ รุ่นเก่า ไม่ได้แต่งตัวคุณนาย จนเค้าอาจจะหวังทิปก้อนโต วันนั้น เรามอมแมมด้วยซ้ำ เพราะไปขนต้นไม้
เพื่อนแอบแซวว่า เราให้มากไปรึเปล่า ?
เราคิดว่า “ไม่” เราว่ามัน win-win
เรารู้สึกซึ้งในน้ำใจเค้ามาก เพราะถ้าเราเรียกรถยกมา เราอาจจะต้องนั่งรอต่อไปอีก 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่น่ากลัวเหลือเกิน กลางถนน แล้วราคารถยก ก็เริ่มที่ 1,500 บาท
เราบอกว่า ถือว่า เป็นโชคดีของเราทั้งคู่
เราถือว่า You made my day and I will make yours.
เล่าแล้ว เครื่องเริ่มติด ขอเล่าต่ออีกเรื่อง
วันนี้ สามีเรามีประชุมที่ รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งแถว ๆ สำเพ็ง เราก็พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ขอไปช้อปปิ้งแถว ๆ นั้นรอ
ทีนี้ ใกล้เที่ยง เราเดินกลับไปที่รถ พบว่า เราจอดรถในที่สงวนสำหรับรถหกล้อขององค์กรนั้นอยู่
เราก็เลยงม ๆ ขับวนหาที่จอด คนแถวนั้น ก็ชี้มือไปทางอาคารที่จอดรถ ระหว่างที่เราค่อย ๆ ขับขึ้นไปทีละชั้น ๆ
ก็สังเกตว่า อาคารที่จอดรถนี้ มีลูกศรสองทาง ทั้งรถ ขาเข้า และออก แต่ ระยะเว้นที่เป็นช่องว่างนั้น รถผ่านได้ทีละคันเท่านั้น เพราะรถจอดกันเต็มทุกซองจอดรถ แถม จอดขวางซองทั้งสองฝั่งอีกต่างหาก
ขับไป ก็ชักเสียว ๆ ว่า ถ้ามีรถสวนมาจะทำยังไง แต่ก็อุตส่าห์คิดไปว่า ไม่เป็นไร ขับไปเรื่อย ๆ ถึงชั้นบน ๆ คงมีที่ว่าง หรือ มีทางอีกทางให้วนรถลงมาได้เอง
ขับไปจนถึงชั้น 3B
แป่ว... เจอภาพดังว่าคับ ...
คือ ช่องกลาง ที่พอให้รถผ่านได้นั้น มีรถคันอื่น ๆ จอดอยู่เต็มไปหมด ประหนึ่งว่า ทางเดินรถ เป็นลานจอดรถซะงั้น ...
เราก็จอดรถคาแหงก อยู่ตรงแถว ๆ ทางลาดขึ้นชั้น 3B ไม่รู้จะทำไงต่อ
ต้องออกตัว ก่อนว่า เราขับรถไม่ค่อยเก่ง คือ ปกติ จะขับวน ๆ อยู่แถวชานเมือง ที่มีที่จอดรถอันมหาศาลบานเบิก เวลาไปเจอที่จอดรถแคบ ๆ ในเมือง แล้วเราจะเครียดทุกที
แล้วนี่ถ้าให้ต้องถอยหลังลงทางลาด แล้วมาตั้งลำ เพื่อลงไปชั้นล่าง ... ฝันไปเลย ...
สองจิต สองใจว่า จะทำไงดี จะโทร.หาคุณสามี ก็ไม่กล้า เพราะรู้ว่า ประชุมงานอยู่
ทันใดนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งขององค์กรนั้น เดินมาที่ที่จอดรถพอดี ท่าทางกำลังจะรีบออกไปไหน
เราเดินเข้าไปถามว่า จะวนลงได้ยังไง
เค้าก็บอกว่า ให้ถอยหลังลงทางลาด แล้วมาตั้งลำตรงฝั่งนี้ พร้อมชี้ไปที่มุมแคบ ๆ (สำหรับเราแล้ว มันแคบมาก)
เราได้แต่ยิ้ม คิดว่า “คงได้อยู่หรอก”
เจ้าหน้าที่ท่านนั้น คงเห็นท่าทางเซื่อง ๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะทำได้ ก็มาอาสา ถอยรถให้ ตั้งลำให้เรียบร้อย
บอกตรง ๆ เราอายมาก ที่ทะเล่อทะล่า เข้าไปที่ที่จอดรถแล้วไม่มีปัญญาลง แถม ... มารู้ทีหลังว่า นั่นเป็นที่ที่สงวนสำหรับพนักงานเท่านั้น (พนักงานที่นี่ก็เทพมาก จอดกันทุกตารางนิ้วกันเลยทีเดียว) แล้วคนที่มาช่วยเราก็กำลังจะไปประชุมอยู่ด้วย
น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคนแปลกหน้าที่เราจำหน้าไม่ได้ ไม่รู้ชื่อ และรู้ว่า จะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย ทำให้เรารู้สึกประทับใจ จนอยากมาแชร์เล่าให้ฟังน่ะค่ะ