ทหารในเวลานั้นฉวยโอกาสยับยั้งกองกำลังเถื่อน และหยุดยั้งการใช้อำนาจโดยมิชอบของพรรคไทยรักไทย เป็นเช่นนี้ ยังมีหน้าอ้างว่า
ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกต้องตามกฏหมายได้อย่างไร
เห็นโปรยข่าวในสื่อต่างๆเรื่องทักษิณ ชินวัตรโต้ประชาธิปัตย์ว่า
พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง สะท้อนให้เห็นว่า
ประชาชนชนไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร
อ่านเพียงโปรยข่าวสั้น ไม่ได้ดูรายละเอียด เพราะรู้ว่า การแก้ตัวของทักษิณไม่พ้นเรื่องทหารยึด
อำนาจรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อวันที่ 19 กันยายน 25449 เรื่องนี้ได้เขียนไว้หลายครั้งแล้ว
แต่จำเป็นต้องแจงให้กระจ่างต่อไปว่า วันที่ 19 กันยายน 2549 ทหารไม่ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล
ที่มาจากการเลือกตั้งถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทหารได้ยับยั้งการใช้อำนาจโดยมีชอบ จากรัฐบาล
ที่อยู่ในตำแหน่งไม่ชอบด้วยองค์ประกอบรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
หมดวาระไปแล้วตั้งแต่ทักษิณประกาศยุบสภาเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549
รัฐบาลในเวลานั้นขาดความชอบธรรมหนักเข้าไปอีก เมื่อจัดให้มีการเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2549
เป็นการเลือกตั้งที่ซึ่งศาลฯได้ตัดสินให้เป็นโมฆะนอกจากตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว
ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองยังตัดสินจำคุกคณะกรรมการเลือกตั้งสามคนถึงสี่ปี ในฐานความ
ผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่กระทำผิดกฎหมายเสียเองซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ต่อการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย เพราะคณะกรรมการเลือกตั้งจงใจกระความผิด เพื่อช่วยให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง
โดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย คือ ให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่ผ่านการเลือกตั้งจากอีกเขตหนึ่งมาแล้ว สามารถเวียน
ไปสมัครเลือกตั้งในเขตอื่นๆได้อีก เขตอื่นๆคือ เขตที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย สมัครเพียงคนเดียว แต่ไม่
สามารถทำคะแนนได้ถึง 20%ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องหาผู้สมัครที่แพ้เลือกตั้งในเขตอื่นมา
ลงแข่งขันเป็นตัวประกอบ เพราะเหตุว่าประชาชนจำนวนกว่าสิบเอ็ดล้านเสียงลงคะแนน โนโหวต
เพื่อขัดขวางพรรคไทยรักไทย ไม่ให้ชนะการเลือกตั้งที่ประชาชนเห็นว่า ไม่ชอบธรรม
จึงนับได้ว่าประชาชนได้ล้มล้างรัฐบาลไทยรักไทยตั้งแต่วันที่ลงคะแนนไม่ให้พรรคไทยรักไทย
สามารถหาคะแนนเสียงได้ถึง20%ในหลายสิบเขตศาลตัตสินให้การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ
ตั้งแต่เดือนเมษายน และตัดสินจำคุกคณะกรรมการเลือกตั้งที่เรียกกันว่าสามหนาห้าห่วง
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2549 ลองมองย้อนกลับไปดูว่า ศาลตัดสินให้การเลือกเป็นโมฆะตั้งแต่เดือนเมษยน
รัฐบาลยังอยู่ในหน้าที่ ใช้อำนาจอย่างย่ามใจเหมือนเดิม มิหนำซ้ำศาลยังสินให้กรรมการเลือกตั้งจำคุก
เพราะเห็นว่าเป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
รัฐบาลในเวลานั้นยังเดินหน้าทำงานในตำแหน่งหน้าตาเฉย จนถึงวันที่ 19 กันยายน 2549
วันที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤติที่สุดในโลก
วันที่ประชาชนกำลังจะถูกสังหารหมู่กลางเมือง
เมื่อมีคนจัดตั้งกองกำลังเถื่อนจากภาคอีสาน
เข้าถล่มกลุ่มพันธิมิตรประชาชนเพื่อประชาชาธิปไตยที่กำลังประท้วงรัฐบาลอยู่ในใจกลางเมืองหลวง
ทหารในเวลานั้นเลยฉวยโอกาสยับยั้งกองกำลังเถื่อน และหยุดยั้งการใช้อำนาจโดยมิชอบของ
พรรคไทยรักไทย
เป็นเช่นนี้ ยังมีหน้าอ้างว่าทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกต้อง
ตามกฏหมายได้อย่างไรทักษิณอ้างเสมอว่าเป็นคนเกลียดการปฏิวัติ แต่ในวันนั้นเองทักษิณ
ก็เตรียมตัวประกาศภาวะฉุกเฉินก่อนแล้ว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการประกาศยึดอำนาจตัวเอง
จำได้ไหมวันที่ 19 ก.ย. 2549 ทักษิณ เองเป็นผู้ประกาศภาวะฉุกเฉินมาจากวอชิงตันก่อนถึงสองฉบับ
ในคำประกาศนั้นสั่งให้ผู้นำเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่
ปลัดกระทรวงลงมาไปรายงานตัวต่อ พล.อ.เรืองโรจณ์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการสูงสุด ในฐานะ
ผู้อำนวยการภาวะฉุกเฉิน ประกาศนี้มันต่างกับการประกาศของคณะปฏิวัติตรงไหน
แต่บังเอิญคณะปฏิวัติตอนนั้นเข้าไปยึดสถานีโทรทัศช่อง 9 ที่ทักษิณกำลังประกาศภาวะฉุกเฉิน
ได้เสียก่อน พล.อ.เรืองโรจณ์ กับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ซึ่งเป็นคนของพรรคไทยรักไทย และมาร่วม
เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน จำใจต้องมารายงานตัวกับคณะปฏิวัติของพล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน
ผู้นำคณะปฏิวัติน่อมแน่มที่ขออภัยในความไม่สะดวกในวันยึดอำนาจ
สิ่งที่น่าสนใจคือ คำประกาศภาวะฉุกเฉินของทักษิณ ได้เตรียมไปล่วงหน้า
ก่อนออกเดินทางไปจากประเทศไทยแล้ว นอกจากนั้นวันที่ทักษิณเดินทางออกจากประเทศไทย
ใช้เครื่องบินไทยคู่ฟ้าเป็นเครื่องประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เดินทางจากกรุงเทพฯไปฟินแลนด์
ทำภาระกิจในฟินแลนด์อยู่ 3วัน ทักษิณก็เช่าเหมาลำเครื่องบินของสายการบินไทย เป็นเครื่องจัมโบ้
ให้ตามไปที่ฟินแลนด์ โดยมีกระเป๋าเดินทางไปกับเครื่องบินลำนี้ถึง 119 ใบ
และมีผู้โดยสารคุมกระเป๋าไปกับเครื่องเพียงไม่กี่คน เครื่องบินไทยคู่ฟ้าที่บินไปเที่ยกแรก มีกระเดินทาง
ไม่ถึงร้อยใบ ทั้งๆที่มีเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนร่วมคณะด้วย
คำถามมีอยู่ว่าทักษิณมีความจำเป็นอะไรที่ต้องเช่าเหมาลำเครื่องบินของสายการบินไทยให้ตามไป
ฟินแลนด์ ทั้งๆที่มีเครื่องไทยคู่ฟ้าสแตนบายอยู่แล้ว และทำไมทักษิณจึงทิ้งเครื่องไทยคู่ฟ้าไว้
ฟินแลนด์ แล้วเดินทางต่อไปวอชิงตัน ดีซี โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำของการบินไทย
เครื่องไทยคู่ฟ้าติดค้างอยู่ในฟินแลนด์หลายเดือน หลังจากยึดอำนาจ กว่ากองทัพอากาศจะส่งคน
ไปรับกลับ ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่ยังคาใจอยู่ว่า ทักษิณได้เตรียมปฏิวัตตัวเองไว้ก่อนหรือไม่ และ
เตรียมตัวตัวไว้ว่าถ้าถูกยึดอำนาจก็จะเดินทางต่อด้วยเครื่องบินพานิช ถึงได้ทิ้งเครื่องบินไทยคู่ฟ้าไว้
ที่ฟินแลนด์ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้เป็นเช่นนี้ แล้วจะกล่าวได้อย่างไรว่าทักษิณต่อต้านการปฏิวัติ
รัฐประหาร นอกจากยามที่ตัวได้ผลประโชนช์จากการยึดอำนาจในวันที่พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ และ
คณะยึดอำนาจพล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ ทักษิณถึงกับเข้าไปกราบ กอดเอวพล.อ.สุนทรกับวลีที่ว่า
“ถ้าไม่มีพี่ ผมก็ไม่มีวันนี้” และประกาศชาตินี้ไม่มีวันลืมบุญคุณพล.อ.สุนทร เพราะได้สัมปทานดาวเทียม
มาจากคณะปฏิวัติชุดนั้น
มาวันนี้กล่าวอ้างเป็นนกแก้วนกขุนทองว่า เป็นผู้ต่อต้านการปฏิวัติยึดอำนาจข้อกล่าวอ้างที่ว่า
พรรคพลังประชาชนและเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง สะท้อนประชาชนไม่เอาการปฏิวัติรัฐประหาร ลองนึก
ถอยหลังไปดูว่า วันที่พรรคพลังประชาชาชนชนะการเลือกตั้งนั้น หัวหน้าพรรคตอนนั้นเป็นใคร
เป็นคนต่อต้านรัฐประหารหรือเป็นคนได้ดีมาจากปฏิวัติรัฐประหาร เป็นคนที่ส่งเสริมปลุกระดมให้มีการ
สังหารหมู่นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 หรือไม่ หัวหน้าพรรค
พลังประชาชน ยุยงส่งเสริมให้ทหารปฏิวัติในวันนั้นใช่หรือไม่ และได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นเสนาบดี
กระทรวงมหาดไทยจากการสังหารหมู่ในธรรมศาสตร์ใช่หรือไม่
การกล่าวอ้างว่า พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นว่า
ประชาชนไม่เอาการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ใช่ตรรกะที่ถูกต้อง ลองใช้คำว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง
สะท้อนให้เห็นว่า การโกงเลือกตั้งและประชาธิปไตยเงินตรา ใช้ได้ผลในประเทศไทยดูบ้าง
เพราะพรรคไทยรักไทยถูกยุบ ด้วยทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง คือ การโกงเลือกตั้งนั้นเอง
ศาลได้ตัดสินจำคุกผู้ที่ร่วมโกงเลือกตั้ง ไปแล้ว ตั้งแต่อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของพรรคไทยรักไทย
คณะกรรมการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่คณะกรรมการเลือกตั้งที่ช่วยแก้ฐานข้อมูลสมาชิกพรรคให้ในแง่
ประชาธิปไตยเงินตรา
พรรคไทยรักไทยเริ่มต้นการเมือง โดยการกวาดต้อนนักการเมืองจากพรรคชาติไทย พรรคความหวังใหม่
พรรคสามัคคีธรรมและพรรคพลังธรรม นอกจากนั้นบรรดานักการเมืองที่ซุกอยู่ใต้อิทธิพลของเจ้าพ่อ
อีสานและมาเฟียฝั่งตะวันออก รวมถึงเจ้าพ่อวังน้ำเน่าที่โกงที่ดินวัดจากการบริจาคของยายเนื่อมมาทำ
สนามกอล์ฟ มาอยู่ในชายคาด้วยอำนาจเงินตรา หรือด้วยอุดมการณ์ที่แรงกล้า เงินเดือน ส.ส.
นอกจากภาษีประชาชนแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของพรรคที่แท้จริงอีกหรือไหม ส.ส. ส.ว.
ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของโมฆะบุรุษสัมภเวสีหนีศาล เข้าใจลึกซึ่งถึงอุมการณ์ประชาชาธิปไตยถ่องแท้
แล้วหรือไม่ว่า ประชาธิปไตยแบ่งอำนาจ ออกแป็น นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ทั้งสามฝ่ายไม่มีก้าวก่าย
แทรกแซงข่มขู่ซึ่งกันและกัน เพราะถ้าเป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย เป็นนักการเมืองที่
ต่อต้านการปฏิวัติรัฐหารแท้จริง ต้องปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ ไม่ข้องแวะฝักไฝ่คณะปฏิวัติ ไม่ว่าจะ
เป็นที่ตัวเองได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ แต่การที่ได้ผลประโยชน์มหาศาลจากการปฏิวัติและต้อง
หลุดจากอำนาจเพราะผู้ชิงปฏิวัติไปก่อนเพียงไม่กี่นาที แล้วมาอ้างว่า เป็นนักประชาธิปไตยต่อต้าน
เผด็จการ เอาไว้กลับมาบ้าน แล้วพบกับชะตากรรมเมืองแบบมูชาราฟ อดีตผู้นำเผด็จการปากีสถานก่อน
แล้วค่อยตีโพยตีพายเถอะ
http://www.naewna.com/politic/columnist/6681
....เหมือนอ่านพงศาวดาร ...หรือตำนานการเมืองไทย ยุคหนึ่ง ...มีเกร็ดเยอะแยะ ...ทีไม่รู้ว่าเป็น
แบบฟังเขาเล่ามา ...จับแพะชนแกะ..บ้างหรือเปล่า ก็เก็บตก..เอามาให้อ่านกัน...
ถามเหมือนที่ตั้งกระทู้ค่ะ ...จะทำให้เพื่อนๆ เปลี่ยนใจไปเลือกปชป.ไหม หลังอ่านบทความนี้
และรู้สึกอย่างไรบ้าง .... ใครเลว ใครดี ....
อ้อ กระทู้นี้ ...ส่งมลภาวะ ....มาให้อีกแล้ว ... คุณ Sky อย่าร้องเรียน WM นะ .....
ใครกันแน่ ...ฝักใฝ่ปฏิวัติรัฐประหาร ....สุทิน วรรณบวร .....แนวหน้าออนไลน์ ...อ่านแล้วจะเปลี่ยนใจกันไหม ?
ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกต้องตามกฏหมายได้อย่างไร
เห็นโปรยข่าวในสื่อต่างๆเรื่องทักษิณ ชินวัตรโต้ประชาธิปัตย์ว่า
พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง สะท้อนให้เห็นว่า
ประชาชนชนไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร
อ่านเพียงโปรยข่าวสั้น ไม่ได้ดูรายละเอียด เพราะรู้ว่า การแก้ตัวของทักษิณไม่พ้นเรื่องทหารยึด
อำนาจรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อวันที่ 19 กันยายน 25449 เรื่องนี้ได้เขียนไว้หลายครั้งแล้ว
แต่จำเป็นต้องแจงให้กระจ่างต่อไปว่า วันที่ 19 กันยายน 2549 ทหารไม่ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล
ที่มาจากการเลือกตั้งถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทหารได้ยับยั้งการใช้อำนาจโดยมีชอบ จากรัฐบาล
ที่อยู่ในตำแหน่งไม่ชอบด้วยองค์ประกอบรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
หมดวาระไปแล้วตั้งแต่ทักษิณประกาศยุบสภาเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549
รัฐบาลในเวลานั้นขาดความชอบธรรมหนักเข้าไปอีก เมื่อจัดให้มีการเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2549
เป็นการเลือกตั้งที่ซึ่งศาลฯได้ตัดสินให้เป็นโมฆะนอกจากตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว
ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองยังตัดสินจำคุกคณะกรรมการเลือกตั้งสามคนถึงสี่ปี ในฐานความ
ผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่กระทำผิดกฎหมายเสียเองซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ต่อการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย เพราะคณะกรรมการเลือกตั้งจงใจกระความผิด เพื่อช่วยให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง
โดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย คือ ให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่ผ่านการเลือกตั้งจากอีกเขตหนึ่งมาแล้ว สามารถเวียน
ไปสมัครเลือกตั้งในเขตอื่นๆได้อีก เขตอื่นๆคือ เขตที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย สมัครเพียงคนเดียว แต่ไม่
สามารถทำคะแนนได้ถึง 20%ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องหาผู้สมัครที่แพ้เลือกตั้งในเขตอื่นมา
ลงแข่งขันเป็นตัวประกอบ เพราะเหตุว่าประชาชนจำนวนกว่าสิบเอ็ดล้านเสียงลงคะแนน โนโหวต
เพื่อขัดขวางพรรคไทยรักไทย ไม่ให้ชนะการเลือกตั้งที่ประชาชนเห็นว่า ไม่ชอบธรรม
จึงนับได้ว่าประชาชนได้ล้มล้างรัฐบาลไทยรักไทยตั้งแต่วันที่ลงคะแนนไม่ให้พรรคไทยรักไทย
สามารถหาคะแนนเสียงได้ถึง20%ในหลายสิบเขตศาลตัตสินให้การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ
ตั้งแต่เดือนเมษายน และตัดสินจำคุกคณะกรรมการเลือกตั้งที่เรียกกันว่าสามหนาห้าห่วง
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2549 ลองมองย้อนกลับไปดูว่า ศาลตัดสินให้การเลือกเป็นโมฆะตั้งแต่เดือนเมษยน
รัฐบาลยังอยู่ในหน้าที่ ใช้อำนาจอย่างย่ามใจเหมือนเดิม มิหนำซ้ำศาลยังสินให้กรรมการเลือกตั้งจำคุก
เพราะเห็นว่าเป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
รัฐบาลในเวลานั้นยังเดินหน้าทำงานในตำแหน่งหน้าตาเฉย จนถึงวันที่ 19 กันยายน 2549
วันที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤติที่สุดในโลก
วันที่ประชาชนกำลังจะถูกสังหารหมู่กลางเมือง
เมื่อมีคนจัดตั้งกองกำลังเถื่อนจากภาคอีสาน
เข้าถล่มกลุ่มพันธิมิตรประชาชนเพื่อประชาชาธิปไตยที่กำลังประท้วงรัฐบาลอยู่ในใจกลางเมืองหลวง
ทหารในเวลานั้นเลยฉวยโอกาสยับยั้งกองกำลังเถื่อน และหยุดยั้งการใช้อำนาจโดยมิชอบของ
พรรคไทยรักไทย
เป็นเช่นนี้ ยังมีหน้าอ้างว่าทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกต้อง
ตามกฏหมายได้อย่างไรทักษิณอ้างเสมอว่าเป็นคนเกลียดการปฏิวัติ แต่ในวันนั้นเองทักษิณ
ก็เตรียมตัวประกาศภาวะฉุกเฉินก่อนแล้ว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการประกาศยึดอำนาจตัวเอง
จำได้ไหมวันที่ 19 ก.ย. 2549 ทักษิณ เองเป็นผู้ประกาศภาวะฉุกเฉินมาจากวอชิงตันก่อนถึงสองฉบับ
ในคำประกาศนั้นสั่งให้ผู้นำเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่
ปลัดกระทรวงลงมาไปรายงานตัวต่อ พล.อ.เรืองโรจณ์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการสูงสุด ในฐานะ
ผู้อำนวยการภาวะฉุกเฉิน ประกาศนี้มันต่างกับการประกาศของคณะปฏิวัติตรงไหน
แต่บังเอิญคณะปฏิวัติตอนนั้นเข้าไปยึดสถานีโทรทัศช่อง 9 ที่ทักษิณกำลังประกาศภาวะฉุกเฉิน
ได้เสียก่อน พล.อ.เรืองโรจณ์ กับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ซึ่งเป็นคนของพรรคไทยรักไทย และมาร่วม
เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน จำใจต้องมารายงานตัวกับคณะปฏิวัติของพล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน
ผู้นำคณะปฏิวัติน่อมแน่มที่ขออภัยในความไม่สะดวกในวันยึดอำนาจ
สิ่งที่น่าสนใจคือ คำประกาศภาวะฉุกเฉินของทักษิณ ได้เตรียมไปล่วงหน้า
ก่อนออกเดินทางไปจากประเทศไทยแล้ว นอกจากนั้นวันที่ทักษิณเดินทางออกจากประเทศไทย
ใช้เครื่องบินไทยคู่ฟ้าเป็นเครื่องประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เดินทางจากกรุงเทพฯไปฟินแลนด์
ทำภาระกิจในฟินแลนด์อยู่ 3วัน ทักษิณก็เช่าเหมาลำเครื่องบินของสายการบินไทย เป็นเครื่องจัมโบ้
ให้ตามไปที่ฟินแลนด์ โดยมีกระเป๋าเดินทางไปกับเครื่องบินลำนี้ถึง 119 ใบ
และมีผู้โดยสารคุมกระเป๋าไปกับเครื่องเพียงไม่กี่คน เครื่องบินไทยคู่ฟ้าที่บินไปเที่ยกแรก มีกระเดินทาง
ไม่ถึงร้อยใบ ทั้งๆที่มีเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนร่วมคณะด้วย
คำถามมีอยู่ว่าทักษิณมีความจำเป็นอะไรที่ต้องเช่าเหมาลำเครื่องบินของสายการบินไทยให้ตามไป
ฟินแลนด์ ทั้งๆที่มีเครื่องไทยคู่ฟ้าสแตนบายอยู่แล้ว และทำไมทักษิณจึงทิ้งเครื่องไทยคู่ฟ้าไว้
ฟินแลนด์ แล้วเดินทางต่อไปวอชิงตัน ดีซี โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำของการบินไทย
เครื่องไทยคู่ฟ้าติดค้างอยู่ในฟินแลนด์หลายเดือน หลังจากยึดอำนาจ กว่ากองทัพอากาศจะส่งคน
ไปรับกลับ ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่ยังคาใจอยู่ว่า ทักษิณได้เตรียมปฏิวัตตัวเองไว้ก่อนหรือไม่ และ
เตรียมตัวตัวไว้ว่าถ้าถูกยึดอำนาจก็จะเดินทางต่อด้วยเครื่องบินพานิช ถึงได้ทิ้งเครื่องบินไทยคู่ฟ้าไว้
ที่ฟินแลนด์ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้เป็นเช่นนี้ แล้วจะกล่าวได้อย่างไรว่าทักษิณต่อต้านการปฏิวัติ
รัฐประหาร นอกจากยามที่ตัวได้ผลประโชนช์จากการยึดอำนาจในวันที่พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ และ
คณะยึดอำนาจพล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ ทักษิณถึงกับเข้าไปกราบ กอดเอวพล.อ.สุนทรกับวลีที่ว่า
“ถ้าไม่มีพี่ ผมก็ไม่มีวันนี้” และประกาศชาตินี้ไม่มีวันลืมบุญคุณพล.อ.สุนทร เพราะได้สัมปทานดาวเทียม
มาจากคณะปฏิวัติชุดนั้น
มาวันนี้กล่าวอ้างเป็นนกแก้วนกขุนทองว่า เป็นผู้ต่อต้านการปฏิวัติยึดอำนาจข้อกล่าวอ้างที่ว่า
พรรคพลังประชาชนและเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง สะท้อนประชาชนไม่เอาการปฏิวัติรัฐประหาร ลองนึก
ถอยหลังไปดูว่า วันที่พรรคพลังประชาชาชนชนะการเลือกตั้งนั้น หัวหน้าพรรคตอนนั้นเป็นใคร
เป็นคนต่อต้านรัฐประหารหรือเป็นคนได้ดีมาจากปฏิวัติรัฐประหาร เป็นคนที่ส่งเสริมปลุกระดมให้มีการ
สังหารหมู่นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 หรือไม่ หัวหน้าพรรค
พลังประชาชน ยุยงส่งเสริมให้ทหารปฏิวัติในวันนั้นใช่หรือไม่ และได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นเสนาบดี
กระทรวงมหาดไทยจากการสังหารหมู่ในธรรมศาสตร์ใช่หรือไม่
การกล่าวอ้างว่า พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นว่า
ประชาชนไม่เอาการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ใช่ตรรกะที่ถูกต้อง ลองใช้คำว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง
สะท้อนให้เห็นว่า การโกงเลือกตั้งและประชาธิปไตยเงินตรา ใช้ได้ผลในประเทศไทยดูบ้าง
เพราะพรรคไทยรักไทยถูกยุบ ด้วยทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง คือ การโกงเลือกตั้งนั้นเอง
ศาลได้ตัดสินจำคุกผู้ที่ร่วมโกงเลือกตั้ง ไปแล้ว ตั้งแต่อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของพรรคไทยรักไทย
คณะกรรมการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่คณะกรรมการเลือกตั้งที่ช่วยแก้ฐานข้อมูลสมาชิกพรรคให้ในแง่
ประชาธิปไตยเงินตรา
พรรคไทยรักไทยเริ่มต้นการเมือง โดยการกวาดต้อนนักการเมืองจากพรรคชาติไทย พรรคความหวังใหม่
พรรคสามัคคีธรรมและพรรคพลังธรรม นอกจากนั้นบรรดานักการเมืองที่ซุกอยู่ใต้อิทธิพลของเจ้าพ่อ
อีสานและมาเฟียฝั่งตะวันออก รวมถึงเจ้าพ่อวังน้ำเน่าที่โกงที่ดินวัดจากการบริจาคของยายเนื่อมมาทำ
สนามกอล์ฟ มาอยู่ในชายคาด้วยอำนาจเงินตรา หรือด้วยอุดมการณ์ที่แรงกล้า เงินเดือน ส.ส.
นอกจากภาษีประชาชนแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของพรรคที่แท้จริงอีกหรือไหม ส.ส. ส.ว.
ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของโมฆะบุรุษสัมภเวสีหนีศาล เข้าใจลึกซึ่งถึงอุมการณ์ประชาชาธิปไตยถ่องแท้
แล้วหรือไม่ว่า ประชาธิปไตยแบ่งอำนาจ ออกแป็น นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ทั้งสามฝ่ายไม่มีก้าวก่าย
แทรกแซงข่มขู่ซึ่งกันและกัน เพราะถ้าเป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย เป็นนักการเมืองที่
ต่อต้านการปฏิวัติรัฐหารแท้จริง ต้องปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ ไม่ข้องแวะฝักไฝ่คณะปฏิวัติ ไม่ว่าจะ
เป็นที่ตัวเองได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ แต่การที่ได้ผลประโยชน์มหาศาลจากการปฏิวัติและต้อง
หลุดจากอำนาจเพราะผู้ชิงปฏิวัติไปก่อนเพียงไม่กี่นาที แล้วมาอ้างว่า เป็นนักประชาธิปไตยต่อต้าน
เผด็จการ เอาไว้กลับมาบ้าน แล้วพบกับชะตากรรมเมืองแบบมูชาราฟ อดีตผู้นำเผด็จการปากีสถานก่อน
แล้วค่อยตีโพยตีพายเถอะ
http://www.naewna.com/politic/columnist/6681
....เหมือนอ่านพงศาวดาร ...หรือตำนานการเมืองไทย ยุคหนึ่ง ...มีเกร็ดเยอะแยะ ...ทีไม่รู้ว่าเป็น
แบบฟังเขาเล่ามา ...จับแพะชนแกะ..บ้างหรือเปล่า ก็เก็บตก..เอามาให้อ่านกัน...
ถามเหมือนที่ตั้งกระทู้ค่ะ ...จะทำให้เพื่อนๆ เปลี่ยนใจไปเลือกปชป.ไหม หลังอ่านบทความนี้
และรู้สึกอย่างไรบ้าง .... ใครเลว ใครดี ....
อ้อ กระทู้นี้ ...ส่งมลภาวะ ....มาให้อีกแล้ว ... คุณ Sky อย่าร้องเรียน WM นะ .....