... ก ร ะ ทู้ ส่ ง ผ ล ง า น วิ จ า ร ณ์ ภ า พ ถ่ า ย ... ค รั้ ง ที่ 6.... ข อ เ ชิ ญ ร่ ว ม ส นุ ก ค รั บ ...



สวัสดีอีกครั้งครับสมาชิกชาวห้องกล้องทุกท่าน
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจนอยากเล่นสงกรานต์อีกซักรอบแบบนี้
อย่าลืมมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างๆช่วงนี้นะครับ  ช่วงเปลี่ยนฤดูกาลแบบนี้
ท้องฟ้ามักจะมีเมฆคิวมูลัสรูปทรงสวยๆให้เราใช้เป็นแบบถ่ายภาพได้มากมาย
บางวันอาจจะมีคิวมูโลนิมบัสก้อนโตๆพร้อมฝนฟ้าคะนองให้เราถ่ายฟ้าแลบสวยๆได้ด้วยครับ
หลังฝนตกใหม่ๆไอน้ำในชั้นบรรยากาศจะมีมาก ซึ่งจะสะท้อนแสงทำให้เกิดสีฟ้าสดใส
อย่าลืมออกไปถ่ายภาพฟ้าหลังฝนกันนะครับ

เช่นเดิมเหมือนทุกวันพฤหัสที่ผ่านมา
กระทู้วิเคราะห์วิจารณ์ภาพ มาพร้อมกับสาระเล็กน้อย


วันนี้จะมาคุยกันเรื่อง

Light Trail Photography

ซึ่งก็คือการถ่ายแสงไฟเป็นเส้นๆ อย่างที่เราคงพอจะเคยเห็นกันมาบ้างนั่นแหละครับ

ชี้แจงไว้ตรงนี้ว่า ภาพที่ส่งเข้ากระทู้ให้วิเคราะห์วิจารณ์
ไม่จำเป็นต้องตามหัวข้อที่สนทนาก็ได้ครับ ส่งได้หมด มาโคร ขาวดำ พอตเทรต
ตามสะดวกใจเลยครับ


ก่อนอื่นมาดูอุปกรณ์ที่ต้องใช้กันก่อน

1.กล้อง อันนี้แน่นอน ขอให้เป็นกล้องที่มีโหมด M หรืออย่างน้อยควรมีโหมด TV
ซึ่งจะช่วยให้เราควบคุมการเปิดชัตเตอร์ได้นานๆ กล้อง DSLR ไม่มีปัญหา
เพราะทุกตัวต้องมีโหมดเหล่านี้แน่นอน แต่กล้องคอมแพค ต้องเป็นกล้องระดับสูงกว่ายกแล้วยิง
พอสมควร และมักจะเปิดชัตเตอร์ได้ไม่นานนัก อาจจะซัก 15 วินาที
หรือมากกว่านั้นซักหน่อย ซึ่งก็พียงพอสำหรับการถ่ายภาพแบบนี้แล้วนะครับ

2.ขาตั้งกล้อง หรืออะไรก็ตามแต่ที่ช่วยให้กล้องนิ่งๆได้
เป็นเวลาหลายวินาทีโดยที่ภาพไม่เบลอ

3.เลนส์ฮู้ด อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะฮู้ดของเลนส์นั้น
ช่วยป้องกันแสงที่เข้ามาในทิศทางที่ไม่เป็นมิตรกับภาพได้เป็นอย่างดี

4.สายลั่นชัตเตอร์ หรือรีโมท อันนี้จะช่วยได้ดีมากตอนเราต้องใช้โหมดชัตเตอร์บี
ถ้าไม่ใช้ก็ยังมีประโยชน์อยู่ดี แต่ก็พอใช้การตั้งเวลาถ่ายกล้อมแกล้มเอาได้

5.ฟิลเตอร์ ND บางทีเราต้องใช้มันลดแสง
ในกรณีที่แสงจริงยังสว่างเกินกว่าที่เราจะเปิดชัตเตอร์นานๆโดยเส้นแสงไม่ขาดได้
แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร ถ้าใช้โฟโตชอปเป็น เราเอามาซ้อนเลเยอร์กันได้ครับ

นอกจากนั้นก็อย่าลืมเสื้อกันหนาว ถ้าอากาศหนาว
อย่าลืมทายากันยุงถ้าแถวนั้นยุงเยอะ (แต่ระวังอย่าให้โดนกล้อง
ยากันยุงไม่เป็นมิตรอย่างยิ่งกับวัสดุที่ใช้กล้องถ่ายภาพนะครับ)
พกปืนกลไปด้วยถ้าแถวนั้นเปลี่ยวมาก



หลักการพื้นฐานในการถ่ายแสง

อันดับแรกคือเราต้องมองหาแหล่งกำเนิดแสงที่มันเคลื่อนที่ได้
และกำลังเคลื่อนที่ด้วย ไม่มีอะไรจะง่ายไปกว่าการมองหาถนนสวยๆซักเส้น
ที่มีรถรากำลังวิ่งกันวุ่นวาย

ตั้งกล้องให้มั่น เปิดชัตเตอร์ให้นาน แล้วก็รอ
แน่นอนว่าความจริงมันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น
เช่นการกะจังหวะไฟเขียวไฟแดง การคำนวณความเร็วของรถในช่วงเวลานั้นๆ
เพื่อที่จะกำหนดความเร็วชัตเตอร์ให้พอเหมาะ ตลอดจนการวัดแสง
ว่าเราควรจะวัดแสงตรงไหน?

ดังนั้นเราควรทดลองครับ ลองถ่ายดูก่อน
ไม่เปลืองตังค์มากมาย นี่แหละข้อดีของดิจิตอล
แต่อย่ามัวแต่ลอง เดี๋ยวแสงสวยๆจะหายไปซะก่อนนะครับ ซักช็อตสองช็อต
ก็น่าจะเอาจริงได้แล้ว






เตรียมการณ์ก่อนถ่าย

การถ่ายภาพเส้นแสงนั้นไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรนัก
อย่างที่บอกข้างต้น หาถนนที่มีรถวิ่ง จากนั้นก็ตั้งกล้องแล้วถ่าย
แต่ก่อนจะถ่าย ลองคำนึงระลึกถึงสิ่งเหล่านี้ซักนิด ภาพที่ได้จะดูดีขึ้น
เหมือนเพิ่งฉีดคอลาเจนมาหมาดๆเลยทีเดียว

1. Timing/Light  
หลายคนอาจจะคิดว่า ยิ่งมืดยิ่งดี ซึ่งจริงๆก็ถ่ายได้เหมือนกัน
แต่เวลาที่เหมาะที่สุดคือช่วงหลังพระอาทิตย์ตกใหม่ๆ
ซึ่งท้องฟ้าจะยังมีสีสัน แถมรถก็เยอะดีพิลึก ตั้งกล้องแค่ไม่กี่วินาที
เส้นแสงก็วิ่งกันเต็มเฟรมแล้วล่ะครับ
หรือจะลองไปก่อนนั้นซักนิด เพื่อจับการเคลื่อนไหวของผู้คน
ที่ผ่านไปมาแถวนั้นด้วยชัตเตอร์ที่ช้า
ก็จะได้ภาพที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อยทีเดียวนะครับ


2. Creative Perspectives
หลีกเลี่ยงมุมมองในระดับสายตา
มองหามุมที่สามารถมองลงมายังพื้นที่เป้าหมายจากมุมสูงได้
หรือไม่ก็ถ่ายในมุมที่ต่ำกว่าระดับสายตา

3. Location มองหาถนนที่ตัดกัน สีแยก สามแยก
ห้าแยก ยี่สิบแยกก็ได้  มองหาวงเวียนเพื่อถ่ายภาพแสงโค้งโง้ง
มองหาถนนซักสายที่มีตึกรามบ้านช่องเรียงรายตามสองข้างทาง
ตกค่ำย่ำมืดก็พากันเปิดไฟวับแวม จะช่วยให้ภาพดูน่าสนใจขึ้นมากทีเดียว

4.Framing
การจัดเฟรมภาพใช้กฎสามส่วนพื้นฐานได้เลยครับ
เลือกฉากหน้าและฉากหลังที่ไม่รบกวนพระเอกของเรา
ซึ่งก็คือเส้นแสงยาวๆที่เราต้องการนั่นเองครับ





ตั้งค่าอุปกรณ์กันอย่างไร?

อันดับแรก พระเอกของเราคือเวลาในการเปิดชัตเตอร์
ดังนั้น ใช้โหมด TV สำหรับค่ายหนอน และโหมด S สำหรับค่ายนิคเหลือง
ตั้งเปิดชัตเตอร์เท่าไหร่ ไม่แน่ไม่นอน แต่เอาให้เส้นสายของแสงไฟ
ไม่ขาดก็แล้วกัน ส่วนมากจะอยู่ที่ 10-30 วินาที

ค่ารูรับแสงตั้งไว้กลางๆที่ F8
ผมมีเคล็ดลับส่วนตัวเล็กน้อยนะครับ กล่าวคือ
ยิ่งเปิดค่า F แคบ เส้นไฟมันจะยิ่งเส้นเล็กเรียวนะครับ ขึ้นอยู่กับชนิดเลนส์
แต่แบบว่า อย่าเปิดแคบมาก อาการฟุ้งพร่าอาจจะบังเกิดขึ้นได้ชัดเจน
สำหรับเลนส์บางชนิด

ตั้งค่า ISO ไว้ต่ำที่สุด ค่ายหนอนค่า ISO ที่เก็บไดนามิคเร้นจ์ได้ดีสุดคือ 100
ส่วนค่ายนิคแนะนำที่  ISO 200กำลังดีนะครับ ค่ายอื่นไม่ทราบ
ตั้ง 100 เดียวไว้ก่อนละกันนะครับ


วัดแสงที่ไหน? ใช้โหมดวัดแสงแบบไหน?

โดยส่วนตัวผมใช้มาหมดแล้วครับ แล้วแต่สภาพแสง
วัดแสงทั้งภาพก็วัดได้ดี เก็บแสงได้ครบครัน สมัยนี้มันแม่นพอตัวแล้วครับ

โดยส่วนตัวผมอีกน่ะแหละ ผมวัดแสงเน้นตรงกลางภาพ
แล้ววัดไปที่พื้นถนนที่มีไฟส่องตอนรถวิ่งครับ

แต่ทางที่ถูกที่ควรคือ ให้มองหา
ส่วนที่เป็นสีเทากลางในแถวๆนั้น อาจจะเป็นแม่สี แดง เหลือง น้ำเงิน
ซักสีใดสีหนึ่งก็ได้ครับ วัดปั๊บ ล็อกไว้ แล้วค่อยจัดองค์ประกอบ

อย่าลืมดูกราฟฮิสโตรแกรม ถ้าอยากทราบว่าภาพมืดหรือสว่างไป
อย่าลืมถ่ายด้วยไฟล์ RAW เพื่อการปรับแต่งที่ยืดหยุ่นกว่าในภายหลัง
และบางเวลา เราอาจจะต้องใช้การโฟกัสด้วยมือเปล่า
หรือแมนนวลโฟกัสในการโฟกัสภาพ เพราะแสงที่น้อย
อาจจะทำให้ออโต้โฟกัสของกล้องวัดวืดได้ง่ายๆ



มาเพิ่มเติมตรงนี้หน่อยนะครับ

ใครใช้เลนส์ที่มีระบบกันสั่น ปิดระแบบกันสั่นด้วยนะครับ ไม่งั้นภาพจะเบลอแทน
ฟิลเตอร์หน้าเลนส์ให้ถอดออกก่อน เพื่อป้องกันการสะท้อนของแสงกับฟิลเตอร์
แถมถ้าเป็นฟิลเตอร์ยูวี ภาพที่ได้จากการไม่ถอดฟิลเตอร์ สีสันจะซีดลงอีกด้วย

การตั้งขาตั้งกล้อง ถ้าเลนส์เราน้ำหนักมาก อย่าลืมให้ขา
ข้างใดข้างหนึ่งของขาตั้งกล้อง อยู่ในแนวเดียวกันกับกระบอกเลนส์นะครับ
มันจะช่วยรับน้ำหนักตัวเลนส์ได้ตรงๆ ป้องกันการสั่นไหวได้ดีทีเดียว

Using Bulb Mode:

สุดท้ายปลายสุด
หากยังไม่หนำใจ เราขอแนะนำโหมดเปิดชัตเตอร์ตามใจท่าน
กล่าวคือ Bulb Mode หรือ ชัตเตอร์ B นั่นเอง
เปิดไปเถิด นานแค่ไหนก็ตามใจพระคุณท่าน

กล้องคอมแพค อาจจะไม่มีโหมดนี้นะครับ ไม่ต้องตกใจไป
กล้อง DSLR บางตัว ถ้าหมุนชัตเตอร์ให้เกิน 30 วิแล้ว
กล้องมันก็จะงอนครับ มันจะขึ้นชัตเตอร์ Bมาเลย
ประมาณว่า เอาเหอะ นานแค่ไหนก็เปิดเอาเองว่างั้น


ปอลิงกัง จากการสืบสาวราวเรื่องด้วยความสงสัย
ว่าทำไมเรียกว่าโหมด Bulb ?

ที่มาที่ไปของมันก็คือสมัยก่อนนั้น เวลาเราจะเปิดชัตเตอร์เป็นเวลานาน
เขาจะมีวิธีการใช้ลูกยางอัดลม อัดแรงดันอากาศเข้าไป
เพื่อให้ชัตเตอร์เปิดค้างอยู่ได้เป็นเวลานานๆ
Bulb ก็คือชื่อเรียกลูกยางอันนั้น นั่นเอง

กระบวนการทำงานของมันเป็นอย่างไร ไม่ได้อ่านละเอียด คร่าวๆคือประมาณนี้



***********

แหล่งข้อมูลแอบอ้าง
http://digital-photography-school.com/how-to-shoot-light-trails

http://en.wikipedia.org/wiki/Bulb_%28photography%29





***********

ก่อนเริ่มวิเคราะห์วิจารณ์ภาพ
ลองกดอ่านกติกาเล็กๆซัก 3 ข้อ ตรงข้อความที่ซ่อนไว้ครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




กดคำว่าตอบกลับใต้ภาพนั้นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน
เขาเปลี่ยนระบบการตอบกลับแล้วนะครับ
ตามกระทู้นี้เลย

http://pantip.com/topic/30479654

เชิญครับ


ลงนาม

เป็ดสวรรค์






พาพันขอบคุณพาพันขอบคุณพาพันขอบคุณพาพันขอบคุณ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่