เรื่องเล่า เมื่อผมได้คุยกับ คนที่คนอื่น เรียกว่า “ไอ้พวกกระจอก”

กระทู้สนทนา

อันนี้เป็นเรื่องที่เราอ่านแล้วชอบในความคิดของเค้าอยากให้ได้ลองอ่านกันบ้างนะคะ



เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเองที่ปั๊ม น้ำมันแห่งหนึ่งในขอนแก่น วันนั้นผมเองรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก และเซ็งกับการทำงานในตำแหน่งนี้เหลือเกิน และสุดจะหาทางทำให้สำเร็จได้ ผมนั่งสูบบุหรี่ มองดูชีวิตคนอื่นไปเรื่อยๆ จนสะดุด กับชายคนนึง ที่หย่อนตัวนั่งลงข้างๆๆผม ชายคนนี้ ขับมอเตอร์ไซค์ โนวา อาร์เอส เก่าๆ ในรูปแบบของคนส่งเอกสารแบบเต็มยศ เมื่อเขานั่งลง พร้อมกับเอ่ย ปากขอ ยืมไฟเเช็คเพื่อต่อบุหรี่ผมอื่นไปไม่คิดอะไร และผมเริ่มพูดออกไป ถามเขาว่าทำงานที่ไหน เขาตอบและเราเริ่มคุยกัน ผมถามเขาว่า มอเตอร์ไซค์เนี่ย มันขับได้ไกลขนาดไหนท่าทางจะพังอยู่แล้ว จะไปไหวไหมเนี่ย

เขาตอบ มันเคยเป็นรถใหม่เหมือนรถพี่นั้นล่ะ แต่ตอนนี้มันเป็นรถเก่าที่เป็นรถผม ผมดูแลมันดี มันวิ่งได้ไม่ดับแสดงว่ามันปกติ เสียแต่ตรงที่มันเก่า แต่เวลาที่เราไปห้าง พี่ก็ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ ตอนนั้นพี่กับผมก็เท่ากันแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าพี่มีเงินในกระเป๋าเท่าไรล่ะ นั้นล่ะคือระดับการบริการที่พี่จะได้รับจากพนักงาน พวกที่ตัดสินคนที่เปลือก ผมอึ้งไปเลยชอบแนวคิด อยากคุยด้วยแล้ว ดีๆๆ เจอคนคิดแบบนี้อยากเรียนรู้จัง

ผมเลยยิงคำถามต่อว่า เอ้า แล้วพี่ไม่ไอยากได้รถใหม่เหรอเห็นเขาลดราคาแข่งกันโครมๆ พี่ไม่กลัวลูกพี่อายเขาเหรอ นั่งรถเก่าๆ เขาตอบ ผมก็คิดนะแต่ก็ไม่เอา เงินเดือนเท่าผมผ่อนได้นะ แต่ผมจะไม่เหลือเงินทำอะไร พี่จะให้ผมนั่งเลียรถเหรอ ผมบอกลูกผมว่า พ่อซื้อรถใหม่ได้ นะ แต่พ่อ จะพาพวกเธอไปเที่ยวกันไม่ได้ เพราะว่าพ่อต้องผ่อนรถ หกปี ตลอดหกปีพ่อต้องหาเงินใส่ค่างวดรถ และส่งพวกเธอเรียน
และเราก็คงต้องอดๆ ยากๆ กันนิดหน่อย ไหน ยังต้องหาเงินมาซ่อมบำรุงอีก เธอจะเอาไหม เขาบอกว่า พวกลูกๆเขาตอบปฏิเสธ และบอกพ่อว่า ถ้ามันลำบากขนาดนั้น พวกเราไม่เอาหรอก ขอเพียงพ่อรักพวกหนูและดูแลพวกหนูให้ดี ก็พอแล้ว อึ้ง ครับ ผมอึ้ง ครอบครัวนี้ ชอบจริงๆๆๆๆ

แต่เขาเล่าต่อนะ ว่า ทีวีที่บ้านเขา เป็น LED นะจอใหญ่พอสมควร ผมเลยบอกว่าไหนว่าจะไม่ฟุ้มเฟ้องันงัยมี LED เขาตอบผมว่า ทีวีสำหรับพวกเขานั้น มันเป็นเพียงความบันเทิงชิ้นเดียวที่บ้านเขาใช้ร่วมกันและเขาบอกว่า มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง และมันเป็นเพียงความสุขเดียวของครอบครัวของเขา อย่างนี้พี่ว่าแพงไหมล่ะ อึ้งงงงงงงงง
เขาถามผลกลับ พี่มีฝันไหม ฝันอยากได้นั้นได้นี้ ผมตอบ มีสิ ผมอยากมีบ้านหลังใหญ่ มีรถ มีเงิน เขาบอกว่า นั้นเรียกว่าฝัน เบสิค ผมเลยถามว่า เอ้า แล้วพี่มีฝันไหม เขาตอบ เขากำลังฝันใหม่ ผมงง และถาม คืออะไรพี่ เขาตอบว่า ฝันที่เคย ฝันไว้ เขาทำหมดแล้ว เช่น เขาฝันว่าเขาจะมีครอบครัวที่น่ารัก เขาก็มีแล้วและรักษามันไว้ให้ดีที่สุดอยู่ตอนนี้ เขาฝันว่าวันนึงเขาจะพาครอบครัวไปเที่ยวทะเล เขาก็พาไปเที่ยวแล้ว แม้ว่ามันจะทุลักทุเล แต่เขาก็สามารถทำมันได้สำเร็จแล้ว เขาฝันว่าเขาจะซื้อโทรทัศน์ดีๆ ให้ลูกเขาเขาก็ทำแล้วซื้อด้วยเงินสดด้วย แล้วเขาถามกลับมาที่ผม แล้วฝันของพี่เสร็จกี่อย่างแล้ว ผมอึ้ง ตอบว่ายังไม่มี เขาบอกว่าพี่กระจอกกว่าผม ถึงฝันของผมมันเป็นฝันง่ายๆ แต่ผมทำได้แล้ว แต่พี่ ฝันซะยิ่งใหญ่ แต่พี่ทำไม่ได้ หากวันนึงพี่ต้องการทำฝันให้เป็นจริง พี่ก็ต้องทำทุกอย่าง แม้กระทั่งโกง จริงไหม ผมตอบ จริง

เขาบอกผมว่า พี่ ครับ คนเรามีทุนทางชีวิตต่างกัน เขามาจากจากลบศูนย์ ทุกวันนี้เขามีบ้านหลังเล็กๆที่อบอุ่น มีครอบครัวที่มีภูมิคุ้มกัน และมีความทรงจำเกี่ยวกับการก้าวผ่านความฝัน เขาบอกว่าเขาก็ถือว่า เขาสำเร็จในชีวิตแล้ว วัตถุ เงิน ทอง ไม่ใช่สิ่งที่แสดงความสำเร็จ การก้าวผ่านความฝันที่เป็นได้ และมีความสุข ด้วนความสุจริตใจ มีความสุขมากกว่า ที่จะอยู่ร่ำรวย แบบระแวงคนอื่นจะมาแย่ง ความจน ความไม่มีสอนให้เขาเข้มแข็ง ความฝันสอนให้เขาทะเยอทะยาน แต่ สองเท้าต้องติดดิน และเป็นสุจริตชน

เขาจากผมไปพร้อมกับ ความถามที่ทิ้งไว้ให้ผมขบคิดว่า เรามีฝันที่เป็นไปได้ไหม และเราก้าวพ้นความฝันแล้วรึยัง เราคิดว่าเราเหนือคนอื่น เราคิดว่าคนอื่นกระจอกกว่าเรา แต่เราไม่เคยรู้เลยว่า ความสุขที่เราต้องการที่แท้จริงอยู่ที่ไหน ทุกวันนี้เราทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไร เราทำทำไมยังตอบยากกว่าว่าทำยังงัย



เครดิต:http://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=17076260.0



แก้ไข
**เว้นวรรคให้แล้วนะคะ ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน **
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่