ย้อนรอย 51 ปี กับ การคุกคาม 'ไทยรัฐ'
ถึงวันนี้หากจะตั้งคำถามกันว่าทำไม "ไทยรัฐ" จึงมักถูกเชื่อมโยง ดึงดูด เข้าหาความเคลื่อนไหวต่างๆ ในบ้านเมืองที่กำลังเป็นไป โดยเฉพาะเมื่อมีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นในมุมการเมือง ก็คงตอบได้ว่าการเกิดสถานการณ์บางอย่างขึ้นกับสื่อ นสพ. อย่าง "ไทยรัฐ" จะส่งผลกระทบต่อหลายวงการเป็นลูกโซ่...
ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ หรือเพราะความทรงอิทธิพลอะไรอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่หากเป็นเพราะ "ไทยรัฐ" เติบโตและทำหน้าที่สื่อมวลชนในสังคมไทย ควบคู่มากับคนไทยทั้งประเทศเป็นเวลานานนับครึ่งศตวรรษ จนทุกวันนี้มีอายุอานามพอกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายต่อหลายคน หรืออาจจะมากกว่าบางคนเสียด้วยซ้ำไป ความที่เราอยู่คู่กันมานานนี่เองทำให้เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็ต้องติดตาม เฝ้าดู เป็นห่วงเป็นใยกันเป็นธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อเราคือ "สื่อมวลชน"
แต่ในอีกความหมายหนึ่งการเกิดสถานการณ์ขึ้นกับ "ไทยรัฐ" ก็เหมือนการเปิดพื้นที่ข่าวให้หลายต่อหลายเรื่องที่เกี่ยวโยงได้เป็นเดือน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เช่น ถูกข่มขู่ ถูกโจมตี ถูกปองร้าย เหล่านี้พาให้เกิดคลื่นกระทบเป็นวงกว้างตั้งแต่วงการตำรวจ วงการการเมือง วงการสื่อสารมวลชน แม้กระทั่งเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนก็อาจถูกพ่วงโยงเข้าไปด้วยได้ มันเป็นเช่นนี้มานานนับสิบๆ ปี
หากจะย้อนดูเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับ "ไทยรัฐ" ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ในรายละเอียดนั้นมีหลายครั้งมากที่เราได้รับการเยี่ยมเยียนทักทาย แล้วแต่จะใช้กันตามความหมาย แต่เอาที่มาถึงที่จริงๆ นั้นมี 4 ครั้ง ที่ต้องบันทึกไว้ในความทรงจำ...
ครั้งแรก เมื่อดึกวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2519 ก่อนประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์นองเลือด 6 ต.ค.19 เพียง 3 วัน ตีสามครึ่งในซอยเฉยพ่วง หรือ วิภาวดี ซอย 7 ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ด้านข้าง นสพ.ไทยรัฐ ชาวบ้านในซอยต้องตื่นขึ้นกลางดึก หลังได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถไม่ทราบประเภทครางกระหึ่มเข้ามาในซอย ก่อนจะจอดสงบนิ่งริมรั้ว ไม่นานจากนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินลงจากรถพร้อมถืออาวุธสงคราม เครื่องยิงลูกระเบิด M79 ติดมือลงมาด้วย ก่อนจะประทับท่ายิงพร้อมเล็งทิศทางเข้ามาภายใน ที่ทำการ สำนักพิมพ์ไทยรัฐ ลั่นไกมา 1 นัด ลูก M79 ลอยละลิ่วมาตกใส่กันสาดชั้น 3 อาคารกองบรรณาธิการ เสียงดังสนั่น!...แรงระเบิดส่งให้เกิดแรงอัดใส่กระจกที่ตัวอาคารจนแตกร่วงกราว โดยมีบางส่วนของตัวอาคารได้รับความเสียหาย แถมพ่วงด้วยรถโฟล์คตู้ส่งหนังสือพิมพ์อีก 2 คัน ก่อนกลับขึ้นรถขับหลบหนีหายไปในความมืด
11.00 น. วันเดียวกัน กองบรรณาธิการโดย นายสมบูรณ์ วรพงษ์ บรรณาธิการ นสพ.ไทยรัฐ ในขณะนั้นแถลงข่าวเหตุดังกล่าวว่าได้ร้องเรียนต่อสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยแล้วถึงความคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ขณะที่ก็ยืนยันด้วยว่าการเสนอข่าวของ นสพ.ไทยรัฐในทุกข่าวเสนอตามข้อเท็จจริง จึงไม่อาจบอกได้ว่าสาเหตุของการถูกลอบยิงครั้งนี้ มาจากการเสนอข่าวหรือไม่
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น "ไทยรัฐ" ก็ทำหน้าที่ของตนเองต่อ ควบคู่ไปกับการเติบโตของสังคมประเทศไทย อีกนับสิบปี กระทั่งถึงวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2537 การมาเยี่ยมมาเยียนของกลุ่มคนลึกลับก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเวลา 03.30 น. คนร้าย 4 คน ขับรถมาจอดริมถนนวิภาวดี ด้านเดียวกับรั้วที่ทำการ สำนักพิมพ์ นสพ.ไทยรัฐ ก่อนจะใช้อาวุธสงครามเป็นเครื่องยิงลูกระเบิด M79 ยิงใส่เข้ามาที่ตัวตึกกองบรรณาธิการ ครั้งนั้น ลูกระเบิดพุ่งเข้าชนต้นอินทผลัม ที่ปลูกอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารขาดกระจุย รถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายกระจกแตก สะเก็ดระเบิดบางส่วนเจาะทะลุบานประตูรถยนต์ เสียหาย 2 คัน
โดยการกระทำครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในยุคนั้น เชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการเสนอข่าวบางเรื่องของ นสพ.ไทยรัฐ เช่น เรื่องการพบหัวรถจักรไอน้ำโบราณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไปโผล่ในป่าสงวนฯ จ.ชลบุรี กลางไร่ของนายทหารแกนนำ รสช. และการเสนอข่าวรัฐบาลออกเอกสารสิทธิบนที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ให้แก่นายทุนใน จ.ภูเก็ต รวมไปถึงมือที่ 3 ที่หวังสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากนั้นมา แนวทางการสืบสวนก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคนที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายทหาร และฝ่ายการเมืองต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็น ให้ข่าวความคืบหน้ากันรายวันแต่...ยังไม่มีการจับกุมใครสักคน แม้จนทุกวันนี้...
นี่นับเป็นครั้งที่สองที่ "ไทยรัฐ" ถูกคุกคามภายใต้การทำหน้าที่เสนอข่าว …เวลาผ่านไปอีกเกือบ 20 ปี กระทั่งมาถึงในค่ำคืนวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2556 คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ จอดริมถนนวิภาวดีก่อนโยนประทัดยักษ์ลงคูน้ำริมรั้ว "ไทยรัฐ" 2 ลูก เสียงดังสนั่นก่อนขับหนีหายไป ให้หลังจากนั้น 2 วัน ในคืนวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 03.30 น.คนร้าย 4 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่มาจอดบริเวณใกล้ป้อมยาม "ไทยรัฐ" ก่อนขว้างลูกเปตองและประทัดยักษ์ 2 ลูกเข้าใส่ป้อมยามจนพังเสียหาย ครั้งนี้เหมือนจะมาดูลาดเลาก่อนลงมือเสียด้วย
จะกี่ครั้งก็ตามแต่ ที่ "ไทยรัฐ" ถูกคุกคามไม่ปรากฏว่ามีครั้งไหนที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี หรือสอบถามต้นสายปลายเหตุของการกระทำได้ชัดๆ เลยสักครั้ง ได้แต่ร้องเรียน เรียกร้อง ในฐานะสื่อมวลชนกันต่อไป ซึ่งที่หยิบยกมาเล่าเท้าความกันในครานี้ ก็เป็นเพียง 3 เหตุการณ์ ที่ได้รับการคุกคามกันถึงถิ่นที่ทำกินอย่างรุนแรง แต่ยังมีอีกนับไม่ถ้วนที่ส่งมาในรูปแบบพัสดุ จดหมาย ฯลฯ มันเป็นเช่นนี้มาตลอด
ซึ่งกว่า 51 ปี ของความเป็น "ไทยรัฐ" ที่แม้จะมีการข่มขู่ คุกคามกันเป็นรายปี รายหลายปี แรงบ้าง เบาบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยเปลี่ยนไปตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาคือ
"ไทยรัฐ" ยังทำหน้าที่สื่อมวลชน เสนอความจริงให้สังคมอยู่อย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด...แม้เพียงสักวันเดียว
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
14 พฤษภาคม 2556, 21:00 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/344763
ย้อนรอย 51 ปี กับ การคุกคาม 'ไทยรัฐ'
ย้อนรอย 51 ปี กับ การคุกคาม 'ไทยรัฐ'
ถึงวันนี้หากจะตั้งคำถามกันว่าทำไม "ไทยรัฐ" จึงมักถูกเชื่อมโยง ดึงดูด เข้าหาความเคลื่อนไหวต่างๆ ในบ้านเมืองที่กำลังเป็นไป โดยเฉพาะเมื่อมีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นในมุมการเมือง ก็คงตอบได้ว่าการเกิดสถานการณ์บางอย่างขึ้นกับสื่อ นสพ. อย่าง "ไทยรัฐ" จะส่งผลกระทบต่อหลายวงการเป็นลูกโซ่...
ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ หรือเพราะความทรงอิทธิพลอะไรอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่หากเป็นเพราะ "ไทยรัฐ" เติบโตและทำหน้าที่สื่อมวลชนในสังคมไทย ควบคู่มากับคนไทยทั้งประเทศเป็นเวลานานนับครึ่งศตวรรษ จนทุกวันนี้มีอายุอานามพอกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายต่อหลายคน หรืออาจจะมากกว่าบางคนเสียด้วยซ้ำไป ความที่เราอยู่คู่กันมานานนี่เองทำให้เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็ต้องติดตาม เฝ้าดู เป็นห่วงเป็นใยกันเป็นธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อเราคือ "สื่อมวลชน"
แต่ในอีกความหมายหนึ่งการเกิดสถานการณ์ขึ้นกับ "ไทยรัฐ" ก็เหมือนการเปิดพื้นที่ข่าวให้หลายต่อหลายเรื่องที่เกี่ยวโยงได้เป็นเดือน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เช่น ถูกข่มขู่ ถูกโจมตี ถูกปองร้าย เหล่านี้พาให้เกิดคลื่นกระทบเป็นวงกว้างตั้งแต่วงการตำรวจ วงการการเมือง วงการสื่อสารมวลชน แม้กระทั่งเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนก็อาจถูกพ่วงโยงเข้าไปด้วยได้ มันเป็นเช่นนี้มานานนับสิบๆ ปี
หากจะย้อนดูเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับ "ไทยรัฐ" ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ในรายละเอียดนั้นมีหลายครั้งมากที่เราได้รับการเยี่ยมเยียนทักทาย แล้วแต่จะใช้กันตามความหมาย แต่เอาที่มาถึงที่จริงๆ นั้นมี 4 ครั้ง ที่ต้องบันทึกไว้ในความทรงจำ...
ครั้งแรก เมื่อดึกวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2519 ก่อนประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์นองเลือด 6 ต.ค.19 เพียง 3 วัน ตีสามครึ่งในซอยเฉยพ่วง หรือ วิภาวดี ซอย 7 ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ด้านข้าง นสพ.ไทยรัฐ ชาวบ้านในซอยต้องตื่นขึ้นกลางดึก หลังได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถไม่ทราบประเภทครางกระหึ่มเข้ามาในซอย ก่อนจะจอดสงบนิ่งริมรั้ว ไม่นานจากนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินลงจากรถพร้อมถืออาวุธสงคราม เครื่องยิงลูกระเบิด M79 ติดมือลงมาด้วย ก่อนจะประทับท่ายิงพร้อมเล็งทิศทางเข้ามาภายใน ที่ทำการ สำนักพิมพ์ไทยรัฐ ลั่นไกมา 1 นัด ลูก M79 ลอยละลิ่วมาตกใส่กันสาดชั้น 3 อาคารกองบรรณาธิการ เสียงดังสนั่น!...แรงระเบิดส่งให้เกิดแรงอัดใส่กระจกที่ตัวอาคารจนแตกร่วงกราว โดยมีบางส่วนของตัวอาคารได้รับความเสียหาย แถมพ่วงด้วยรถโฟล์คตู้ส่งหนังสือพิมพ์อีก 2 คัน ก่อนกลับขึ้นรถขับหลบหนีหายไปในความมืด
11.00 น. วันเดียวกัน กองบรรณาธิการโดย นายสมบูรณ์ วรพงษ์ บรรณาธิการ นสพ.ไทยรัฐ ในขณะนั้นแถลงข่าวเหตุดังกล่าวว่าได้ร้องเรียนต่อสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยแล้วถึงความคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ขณะที่ก็ยืนยันด้วยว่าการเสนอข่าวของ นสพ.ไทยรัฐในทุกข่าวเสนอตามข้อเท็จจริง จึงไม่อาจบอกได้ว่าสาเหตุของการถูกลอบยิงครั้งนี้ มาจากการเสนอข่าวหรือไม่
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น "ไทยรัฐ" ก็ทำหน้าที่ของตนเองต่อ ควบคู่ไปกับการเติบโตของสังคมประเทศไทย อีกนับสิบปี กระทั่งถึงวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2537 การมาเยี่ยมมาเยียนของกลุ่มคนลึกลับก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเวลา 03.30 น. คนร้าย 4 คน ขับรถมาจอดริมถนนวิภาวดี ด้านเดียวกับรั้วที่ทำการ สำนักพิมพ์ นสพ.ไทยรัฐ ก่อนจะใช้อาวุธสงครามเป็นเครื่องยิงลูกระเบิด M79 ยิงใส่เข้ามาที่ตัวตึกกองบรรณาธิการ ครั้งนั้น ลูกระเบิดพุ่งเข้าชนต้นอินทผลัม ที่ปลูกอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารขาดกระจุย รถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายกระจกแตก สะเก็ดระเบิดบางส่วนเจาะทะลุบานประตูรถยนต์ เสียหาย 2 คัน
โดยการกระทำครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในยุคนั้น เชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการเสนอข่าวบางเรื่องของ นสพ.ไทยรัฐ เช่น เรื่องการพบหัวรถจักรไอน้ำโบราณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไปโผล่ในป่าสงวนฯ จ.ชลบุรี กลางไร่ของนายทหารแกนนำ รสช. และการเสนอข่าวรัฐบาลออกเอกสารสิทธิบนที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ให้แก่นายทุนใน จ.ภูเก็ต รวมไปถึงมือที่ 3 ที่หวังสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากนั้นมา แนวทางการสืบสวนก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคนที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายทหาร และฝ่ายการเมืองต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็น ให้ข่าวความคืบหน้ากันรายวันแต่...ยังไม่มีการจับกุมใครสักคน แม้จนทุกวันนี้...
นี่นับเป็นครั้งที่สองที่ "ไทยรัฐ" ถูกคุกคามภายใต้การทำหน้าที่เสนอข่าว …เวลาผ่านไปอีกเกือบ 20 ปี กระทั่งมาถึงในค่ำคืนวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2556 คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ จอดริมถนนวิภาวดีก่อนโยนประทัดยักษ์ลงคูน้ำริมรั้ว "ไทยรัฐ" 2 ลูก เสียงดังสนั่นก่อนขับหนีหายไป ให้หลังจากนั้น 2 วัน ในคืนวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 03.30 น.คนร้าย 4 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่มาจอดบริเวณใกล้ป้อมยาม "ไทยรัฐ" ก่อนขว้างลูกเปตองและประทัดยักษ์ 2 ลูกเข้าใส่ป้อมยามจนพังเสียหาย ครั้งนี้เหมือนจะมาดูลาดเลาก่อนลงมือเสียด้วย
จะกี่ครั้งก็ตามแต่ ที่ "ไทยรัฐ" ถูกคุกคามไม่ปรากฏว่ามีครั้งไหนที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี หรือสอบถามต้นสายปลายเหตุของการกระทำได้ชัดๆ เลยสักครั้ง ได้แต่ร้องเรียน เรียกร้อง ในฐานะสื่อมวลชนกันต่อไป ซึ่งที่หยิบยกมาเล่าเท้าความกันในครานี้ ก็เป็นเพียง 3 เหตุการณ์ ที่ได้รับการคุกคามกันถึงถิ่นที่ทำกินอย่างรุนแรง แต่ยังมีอีกนับไม่ถ้วนที่ส่งมาในรูปแบบพัสดุ จดหมาย ฯลฯ มันเป็นเช่นนี้มาตลอด
ซึ่งกว่า 51 ปี ของความเป็น "ไทยรัฐ" ที่แม้จะมีการข่มขู่ คุกคามกันเป็นรายปี รายหลายปี แรงบ้าง เบาบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยเปลี่ยนไปตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาคือ
"ไทยรัฐ" ยังทำหน้าที่สื่อมวลชน เสนอความจริงให้สังคมอยู่อย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด...แม้เพียงสักวันเดียว
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
14 พฤษภาคม 2556, 21:00 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/344763