เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายพายัพ โอสถเจริญ นักประชาสัมพันธ์ เขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดระนอง (สพท.ระนอง) เปิดเผยว่า ขณะนี้พบ
ข้อมูลโรงเรียนในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาระนองจำนวนกว่า 10 โรง แทบจะไม่มีเด็กนักเรียนไทยเข้าศึกษา แต่กลับพบมีเด็กรหัส G หรือเด็กต่างด้าว เด็กไร้สัญชาติเข้ามาศึกษาแทน
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าขณะนี้มีโรงเรียนอย่างน้อย 4-5 โรง ที่มีข้อมูลชัดเจนว่าเข้าข่ายจะต้องยุบ หากพิจารณาตามกฏเกณฑ์ที่ทางกระทรวงศึกษากำหนดไว้ว่า หากพบว่าโรงเรียนใดมีเด็กนักเรียนไทยทั้งโรงเรียนไม่ถึง 50 คน เข้าข่ายที่จะต้องถูกยุบรวมกับโรงเรียนใกล้เคียง แต่จากนโยบายการเปิดกว้างทางการศึกษาให้กับเด็กต่างด้าว เด็กไร้สัญชาติกลับส่งผลให้เป็นการเปิดช่องที่เอื้อให้เด็กต่างด้าว และเด็กไร้สัญชาติทะลักเข้ามาเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ตามพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.ระนอง-เกาะสอง ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนักเรียนเคลื่อนย้ายตามผู้ปกครองเข้ามาทำงานใน จ.ระนอง อาทิในส่วนของจังหวัดระนอง คือ
โรงเรียนบ้านสวัสดิ์ เขตพื้นที่อ.กระบุรี ซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 แต่ขณะนี้กลับพบมีเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนจำนวน 22 คน พบเป็นเด็กต่างด้าว เด็กไร้สัญชาติ 18 คน ที่เหลืออีก 4 คนเป็นเด็กไทย ในขณะที่มีครูผู้สอนเพียง 3 คน
นายพายัพกล่าวต่อว่า
ทางสำนักงานเขตพื้นที่ระนองไม่ได้รังเกียจเด็กต่างด้าว หรือเด็กไร้สัญชาติ แต่การที่แต่ละโรงเรียนที่แทบจะไม่มีเด็กนักเรียนไทยหลงเหลืออยู่นั้น จึงเกิดมีคำถามว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไรที่จะเปิดดำเนินการต่อไป กับทางเลือกยุบรวมกับโรงเรียนใกล้เคียงน่าจะเป็นทางออกที่คุ้มค่ากว่าในแง่การจัดการศึกษา ซึ่งขณะนี้ทาง สพท.ระนองได้สั่งให้ผู้บริหารโรงเรียนในสังกัด สพท.ระนองซึ่งมีจำนวน 86 โรง เร่งสำรวจข้อมูลนักเรียนอีกครั้ง เพื่อนำมาประเมินว่าโรงเรียนใดเข้าข่ายที่จะต้องยุบรวมหรือไม่
ส่วนขั้นตอนการยุบโรงเรียนนั้นอำนาจอยู่ที่โรงเรียนนั้นๆ ที่จะต้องมีการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา จากนั้นให้ทำความเห็นส่งมายัง สพท.ระนอง เพื่อส่งต่อความเห็นไปยัง สพฐ. และกระทรวงศึกษาธิการเพื่อดำเนินการยุบโรงเรียนนั้นๆ ต่อไป
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา จ.ระนอง มีการยุบโรงเรียนในสังกัด สพท.ระนองไปแล้วจำนวน 4 โรง ซึ่งปัญหาสำคัญคือ ไม่มีเด็กนักเรียนไทยเข้าเรียน
สพท.ระนอง เล็งยุบ รร.เล็ก เหตุมีแต่เด็กไร้สัญชาติและเด็กต่างด้าว ทั้ง รร. มีเด็กไทยแค่ 4 คนเท่านั้นเอง
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าขณะนี้มีโรงเรียนอย่างน้อย 4-5 โรง ที่มีข้อมูลชัดเจนว่าเข้าข่ายจะต้องยุบ หากพิจารณาตามกฏเกณฑ์ที่ทางกระทรวงศึกษากำหนดไว้ว่า หากพบว่าโรงเรียนใดมีเด็กนักเรียนไทยทั้งโรงเรียนไม่ถึง 50 คน เข้าข่ายที่จะต้องถูกยุบรวมกับโรงเรียนใกล้เคียง แต่จากนโยบายการเปิดกว้างทางการศึกษาให้กับเด็กต่างด้าว เด็กไร้สัญชาติกลับส่งผลให้เป็นการเปิดช่องที่เอื้อให้เด็กต่างด้าว และเด็กไร้สัญชาติทะลักเข้ามาเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ตามพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.ระนอง-เกาะสอง ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนักเรียนเคลื่อนย้ายตามผู้ปกครองเข้ามาทำงานใน จ.ระนอง อาทิในส่วนของจังหวัดระนอง คือ โรงเรียนบ้านสวัสดิ์ เขตพื้นที่อ.กระบุรี ซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 แต่ขณะนี้กลับพบมีเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนจำนวน 22 คน พบเป็นเด็กต่างด้าว เด็กไร้สัญชาติ 18 คน ที่เหลืออีก 4 คนเป็นเด็กไทย ในขณะที่มีครูผู้สอนเพียง 3 คน
นายพายัพกล่าวต่อว่า ทางสำนักงานเขตพื้นที่ระนองไม่ได้รังเกียจเด็กต่างด้าว หรือเด็กไร้สัญชาติ แต่การที่แต่ละโรงเรียนที่แทบจะไม่มีเด็กนักเรียนไทยหลงเหลืออยู่นั้น จึงเกิดมีคำถามว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไรที่จะเปิดดำเนินการต่อไป กับทางเลือกยุบรวมกับโรงเรียนใกล้เคียงน่าจะเป็นทางออกที่คุ้มค่ากว่าในแง่การจัดการศึกษา ซึ่งขณะนี้ทาง สพท.ระนองได้สั่งให้ผู้บริหารโรงเรียนในสังกัด สพท.ระนองซึ่งมีจำนวน 86 โรง เร่งสำรวจข้อมูลนักเรียนอีกครั้ง เพื่อนำมาประเมินว่าโรงเรียนใดเข้าข่ายที่จะต้องยุบรวมหรือไม่
ส่วนขั้นตอนการยุบโรงเรียนนั้นอำนาจอยู่ที่โรงเรียนนั้นๆ ที่จะต้องมีการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา จากนั้นให้ทำความเห็นส่งมายัง สพท.ระนอง เพื่อส่งต่อความเห็นไปยัง สพฐ. และกระทรวงศึกษาธิการเพื่อดำเนินการยุบโรงเรียนนั้นๆ ต่อไป ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา จ.ระนอง มีการยุบโรงเรียนในสังกัด สพท.ระนองไปแล้วจำนวน 4 โรง ซึ่งปัญหาสำคัญคือ ไม่มีเด็กนักเรียนไทยเข้าเรียน