ลิงค์ตอนที่๑
http://pantip.com/topic/30107518
-------------------------------------------------------
ตอนที่๒
เสียงฟ้าร้องครืนดังมาจากที่ไกล ๆ อีกไม่นานเมฆฝนคงเคลื่อนมาถึงที่นี่ ณภัทรชอบบรรยากาศเมื่อฝนตก มันเย็นสบายและกลบเสียงจราจรอันน่าหนวกหูบนถนนข้างหอพักของเขา ความสงบที่สายฝนนำมาทำให้สมองของเขาเลิกคิดฟุ้งซ่าน นอนหลับยาวตลอดคืนและตื่นมาพร้อมความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ณภัทรแวะซื้อไก่ทอดเจ้าประจำที่ตลาดนัดหน้ามหาวิทยาลัยมาทานเป็นมื้อเย็นที่ห้อง เขาถึงหอพักก่อนฝนจะกระหน่ำลงมาอย่างฉิวเฉียด หอพักที่เขาเช่า อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยนัก เป็นตึกสภาพครึ่งเก่าครึ่งใหม่สูงเจ็ดชั้น ตัวเขาพักอยู่ชั้นหก เขากำลังรอลิฟต์อยู่ที่ชั้นหนึ่ง ตึกนี้มีลิฟต์เก่าแก่ตัวเดียวคั่นกลาง ปีกขวาของชั้นนี้เป็นห้องพักสำหรับเช่า ปีกซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถาม ร้านซักรีด และร้านขายของชำ
เมื่อเผลอหันไปมองทางร้านขายของชำ ณภัทรก็สะดุ้งกับลุงเจ้าของร้าน แกดูซอมซ่อ แต่งตัวเหมือนหมอผีคนมีของ ท่าทางน่ากลัว นี่คือสาเหตุที่เขาไม่อยากมาใช้บริการร้านนี้ นอกจากจะจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น สายตาแกจ้องเขม็งมาทางนี้ แต่เหมือนมองคนอื่นไม่ได้มองเขา พลันเรื่องราวเมื่อตอนบ่ายปรากฏในหัวทำขนลุกซู่ ลิฟต์เดินทางมาส่งเขาถึงชั้นหก เดินจากลิฟต์ไปไม่กี่ก้าวก็มาถึงหน้าห้องที่เขาเช่าอยู่ แม้ห้องจะไม่กว้างขวางนักแต่ข้าวของมากมายก็ถูกเขาจัดไว้เข้าที่อย่างเป็นระเบียบ
ณภัทรเข้ามาถึงก็ปิดประตูลงกลอน กดสวิตซ์เปิดไฟโดยไม่ต้องรอให้ไฟติดก็เดินดุ่ม ๆ ฝ่าความมืด นำถุงไก่ทอดมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวตัวเล็กอย่างชำนาญทาง
ไฟกระพริบติด ๆ ดับๆ เขาไม่ประทับใจหอพักนี้สักเท่าไหร่ หลอดไฟที่นี่ตอบสนองช้ามาก ติดถนนเกินไปรำคาญเสียงสัญจรของรถยามค่ำคืน ห้องข้างบนก็มารยาทเลิศ มักจะปรุงอาหารเสียดังโดยไม่เกรงใจคนห้องข้างล่าง ทั้งสับหมู ตำน้ำพริก บางทีก็เทน้ำทิ้งลงท่อระบายไหลล้นลงมาทางระเบียง โชคร้ายก็ตอนที่ณภัทรตากผ้าแล้วลืมเก็บ จากที่หอมน้ำยาปรับผ้านุ่ม เสื้อผ้าของเขาก็เปลี่ยนไปหอมสดชื่นกลิ่นมะนาวแทน
พอไฟติดณภัทรก็ตกใจแทบบ้า สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะทำเขากรีดร้อง แม่ค้าลืมให้น้ำจิ้มไก่มา แล้วอย่างนี้เขาจะกินไก่ทอดอร่อยได้อย่างไรหากปราศจากน้ำจิ้ม จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนมาเกลียดฝนเสียอย่างนั้น เจ็บใจนักฝนดันมาตกตอนนี้ ถ้าตกช้ากว่านี้เขาจะกลับไปที่ตลาดนัด ใช้สิทธิผู้บริโภคเรียกร้องน้ำจิ้มไก่ที่ควรได้คืนจากแม่ค้า
นี่เขาต้องลงไปซื้อน้ำจิ้มไก่ที่ร้านขายของชำด้านล่างหอพักเหรอเนี่ย ฝนตกอย่างนี้ไม่มีทางเลือกอื่นอีกเลย เขาไม่อยากย่างกรายไปที่ร้านของสองผัวเมียท่าทางลึกลับนั่น นึกถึงสายตาของตาลุงเมื่อครู่นั้นก็เสียวสันหลังวาบ
แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ การกินไก่ทอดกับข้าวเหนียวเปล่า ๆ นั้นจืดชืดสิ้นดี ในเมื่ออาหารมื้อนี้ขาดน้ำจิ้มไก่ไม่ได้จริง ๆ ณภัทรต้องจำใจใช้บริการร้านขายของชำด้านล่างหอพักอย่างเลี่ยงไม่ได้
บรรยากาศตอนนี้วังเวงเสียเหลือเกิน ไม่มีคนพลุกพล่านเพราะคงกำลังติดฝนอยู่ที่ไหนสักแห่ง สองเท้าก้าวออกมาจากลิฟต์ที่มาส่งถึงชั้นหนึ่งอย่างปลอดภัย ตรงไปทางด้านปีกซ้ายของตึกซึ่งเป็นร้านขายของชำ การจัดตกแต่งร้านเข้าขั้นไร้รสนิยมเมื่อให้คนเรียกออกแบบสื่ออย่างณภัทรวิจารณ์ ไม่รู้ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะยุคไหน สายสิญจน์ระโยงระยางอยู่บนเพดาน ตุ๊กตานางกวักกับกุมารทองนับสิบตัววางเรียงกันเป็นขบวนการห้าสีอยู่บนหิ้งเหนือตู้แช่เครื่องดื่ม ยันต์ลวดลายต่าง ๆ แปะไปทั่วผนังเป็นวอลเปเปอร์ ตรงเคาน์เตอร์คิดเงินก็มีหัวกะโหลกสภาพคร่ำครึวางไว้ให้ลูกค้าเกรงขาม กลิ่นธูป-กำยานอบอวลไปทั้งร้านชวนคลื่นเหียน รีบ ๆ ไปหยิบน้ำจิ้มไก่มาจ่ายเงินแล้วกลับเข้าห้องจะดีกว่า
“รับอะไรดีจ๊ะ”
จู่ ๆ เจ๊เจ้าของร้านก็โผล่ออกมาจากเคาน์เตอร์คิดเงิน ทักทายด้วยน้ำเสียงยานคางเหมือนผีในหนังสยองขวัญ รูปร่างหน้าตาของแกเข้าขั้นอัปลักษณ์ไม่น่าอภิรมย์ชวนมอง หัวใจณภัทรหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม เนื้อตัวสั่นเนื่องด้วยสภาพอากาศยามฝนตกหรือบรรยากาศในร้านก็ไม่ทราบ แต่เขาแน่ใจว่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เขาข่มใจเดินเข้าไปหยิบขวดน้ำจิ้มไก่บนชั้น อุ่นใจไปอีกเปราะ มื้ออาหารเย็นนี้ไม่จืดชืดแล้ว
พอหันหลังกลับมา ณภัทรก็สะดุ้งตัวโยน เกือบทำขวดน้ำจิ้มไก่หลุดมือ ตาลุงหมอผี สามีเจ๊เจ้าของร้านโผล่มาจากอากาศธาตุรึไงนะ มายืนขวางทางทำตาเขใส่ อ๋อ ที่เมื่อกี้ณภัทรรู้สึกว่าแกจ้องมาทางเขาแต่เหมือนไม่ได้มองเขา คงจะคิดไปเองทั้งนั้น ก็ลุงคนนี้ตาเขนี่ ที่จริงก็มองเขาอยู่นั้นแหละ เจอเมื่อครู่นี้หลอนมากเลย รู้ความจริงก็อุ่นใจไปอีกเปราะ
ณภัทรกำขวดน้ำจิ้มไก่ไว้ในมือแน่น มืออีกข้างล้วงเงินออกมาจ่ายให้เจ๊เจ้าของร้านที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“ใส่ถุงรึเปล่าจ๊ะ?”
ณภัทรส่ายหน้าแทนคำตอบ ก็เห็นอยู่ว่าแค่นี้เขาถือไปเองได้ ไม่จำเป็นต้องใส่ถุงพลาสติก เจ๊แกทอนเงินให้ พลางจ้องด้วยแววตาน่าขนลุก เขารีบเดินออกจากร้าน ลิฟต์จอดอยู่ที่ชั้นหนึ่งตามเดิม เขากดปุ่มให้ประตูเปิด ระหว่างรอก็มีเสียงกรีดร้องดังกึกก้องกัมปนาทไม่แพ้เสียงฟ้าร้อง เขาตกใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้
“อ๊าก ก ก ก”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำณภัทรอ่อนแรงขาแทบรับน้ำหนักร่างกายไม่ไหว แขนอ่อนปวกเปียกเกือบทำขวดน้ำจิ้มไก่ในมือหล่นแตก เขาจำหมอนั่นได้ จำผีตนนั้นที่มาหลอกจนเขาสลบในตึกฝ่ายเอกสารของมหาวิทยาลัย ดูหมอนี่ตอนนี้สิ กำลังถูกกุมารทอง ๔-๕ ตัวรุมอัดอยู่
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮิ ฮิ ฮิ” กุมารทองแหวกว่ายไปในอากาศแล้วพุ่งเข้าอัดผีหนุ่มตนนั้น พวกมันหัวเราะอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงชวนสะอิดสะเอียน
“ช่วยด้วย จัดการผีเด็กพวกนี้ที” ผีหนุ่มร้องขอความช่วยเหลือจากณภัทร
ณภัทรสะดุ้งเฮือก นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย เอาอั้นปัสสาวะได้ก่อนที่มันจะไหลออกมาอายผี รีบเข้าลิฟต์ไปหมายจะหนีกลับห้อง นิ้วชี้ของเขาแตะปุ่มชั้น ๖ ไว้ แต่ยังไม่กด เขาจะกลับไปช่วยผีหนุ่มตนนั้นดีไหมนะ ท่าทางกำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่ผีก็ควรอยู่ส่วนผีนะ คนธรรมดาไม่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษวิโสอย่างเขาจะช่วยจัดการแก๊งกุมารทองเหล่านั้นได้อย่างไร
อีกใจหนึ่งเลือดนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของณภัทรก็เดือดพล่าน เขากำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ก็มานึกขึ้นได้ว่าที่กำลังจะไปช่วยนั้นเป็นผี ไม่ใช่คน โอ๊ย มั่วข้อสอบยังไม่ลำบากใจเท่านี้เลย ขณะกำลังมัวลังเลใจอยู่นั้นผีหนุ่มก็ลอยวูบผ่านลิฟต์ไปทางปีกขวาของตึก แก๊งกุมารทองลอยตามไป มีสองตัวที่เห็นเขาอยู่ในลิฟต์ พวกมันเข้ามาหาเขา แกล้งแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกให้เขากลัว
“จ๊าก ก ก ก”
ณภัทรร้องเสียงหลง มุดลอดใต้ขาซึ่งลอยเหนือพื้นของกุมารทองออกมานอกลิฟต์ ผีเด็กสองตนตามออกมาติด ๆ แต่คราวนี้พวกมันไม่สนใจเขาอีกแล้ว กลับไปรวมกับเพื่อน รุมสะกำผีหนุ่มผู้น่าเวทนา
“ไอ้ผีตนนั้นมันมากับเอ็ง เอ็งรู้จักมันรึเปล่า?”
หมอผีสามีเจ๊เจ้าของร้านขายของชำเดินมาพูดกับเขาเสียงห้าว คราวนี้เห็นได้ชัดว่าแกจ้องณภัทรเขม็ง แกไม่ได้ตาเข แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านมาแกก็จ้องผีหนุ่มตนนั้นที่ตามเขามาตลอดตั้งแต่ตึกฝ่ายเอกสารอย่างนั้นนะซิ
ขนลุกซู่
เสียวสันหลังวาบ
ณภัทรส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ คนธรรมดาปกติที่ไหนจะคบผีเป็นเพื่อน
“ก็ดี ข้าจะได้จับมันมาเป็นบริวาร” หมอผีพูดดังนั้นก็หยิบลูกประคำมาพนมไว้ในมือ เดินมาหาแก๊งกุมารทองที่ปีกขวาของตึก ส่วนนี้เป็นบริเวณห้องพักให้เช่า แม้พวกผีจะตีกันเสียดังแต่คนในห้องพักก็ไม่มีวันได้ยิน เพราะพวกเขาไม่ได้โชคร้ายเหมือนณภัทร หมอผีขมุบขมิบปากสวดคาถา
“ช่วยฉันด้วยณภัทร ฉันไม่อยากตกอยู่ในอาคมชั่วช้าของมัน ขอร้องละช่วยฉันที” ผีหนุ่มตะโกนเรียกชื่อเขา ณภัทรแปลกใจ หมอนี่รู้จักชื่อเขาได้อย่างไร
“หยุด ผีตนนั้นเป็นเพื่อนผม” ณภัทรรวบรวมความกล้า โผงออกไปเสียงดัง มานึกได้ทีหลังก็ตลกตัวเองว่าพูดอะไรอย่างนั้นออกไปทำไม เกิดผีหนุ่มตนนั้นนึกจริงจังว่าณภัทรยอมรับเป็นเพื่อนด้วยนี่ตายโหงแน่นอน เขาไม่อยากมีเพื่อนเป็นผี
หมอผีชะงัก พักสวดคาถา หันมาพูดกับณภัทรด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“โกหก ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องได้ไอ้ผีเร่ร่อนตนนี้มาเป็นบริวารให้ได้”
แล้วแกก็กลับไปสวดคาถาภาษาไม่คุ้นตามเดิม พอสิ้นเสียงงึมงำหมอผีก็ปล่อยแสงสีฟ้าออกจากฝ่ามือ พุ่งไปรัดคอผีหนุ่มตนนั้น กุมารทองที่รายล้อมอยู่ต่างปลีก หลีกตัวออกมาเพราะรู้ฤทธิ์เดชของลำแสงสีฟ้านี้ดี ใบหน้าของผู้ตกอยู่ในพันธนาการของบ่วงลำแสงแสดงอาการเจ็บปวดอย่างสุดแสนทรมาน
ณภัทรทนดูต่อไปไม่ไหว หมอผีตนนั้นเห็นแก่ตัวเกินไป แม้แต่วิญญาณที่สิ้นบุญสิ้นกรรมก็ยังเบียดเบียน แก๊งกุมารทองพวกนั้นหมอผีคงได้มาด้วยวิธีไม่ต่างจากที่ทำอยู่นี้ ถ้าเราเป็นคนดีจริงผีก็ย่อมคุ้มครองอยู่แล้ว ไม่ต้องพึงไสยมืด บังคับขู่เข็ญเขามาอยู่ภายใต้อำนาจ ณภัทรหมุนเปิดฝาขวดน้ำจิ้มไก่แล้วแทนใส่มือ วิ่งเอาของเหลวหนืดนี้ไปโบกหน้าหยาบกระด้างกร้านแดดของหมอผี
“โอ้ย

แกทำอะไรของแกวะเนี่ย” หมอผีร้องเสียงดัง แข่งเสียงฝนกระหน่ำด้านนนอก แกหยุดปล่อยลำแสงแล้วเอามือลูบหน้าขจัดความเหนียวหนืดที่ติดอยู่
“รีบหนีไป ฉันถ่วงเวลาไว้ให้แล้ว” ณภัทรตะโกนบอกผีหนุ่มให้รีบหนี
ผีหนุ่มมองมาที่ณภัทรด้วยแววตาสิ้นหวัง
“ไม่มีประโยชน์ ยังไงฉันก็หนีตาแก่นี่ไม่พ้น”
“แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไง?”
พ่อหมออลเวง ตอนที่๒
-------------------------------------------------------
ตอนที่๒
เสียงฟ้าร้องครืนดังมาจากที่ไกล ๆ อีกไม่นานเมฆฝนคงเคลื่อนมาถึงที่นี่ ณภัทรชอบบรรยากาศเมื่อฝนตก มันเย็นสบายและกลบเสียงจราจรอันน่าหนวกหูบนถนนข้างหอพักของเขา ความสงบที่สายฝนนำมาทำให้สมองของเขาเลิกคิดฟุ้งซ่าน นอนหลับยาวตลอดคืนและตื่นมาพร้อมความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ณภัทรแวะซื้อไก่ทอดเจ้าประจำที่ตลาดนัดหน้ามหาวิทยาลัยมาทานเป็นมื้อเย็นที่ห้อง เขาถึงหอพักก่อนฝนจะกระหน่ำลงมาอย่างฉิวเฉียด หอพักที่เขาเช่า อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยนัก เป็นตึกสภาพครึ่งเก่าครึ่งใหม่สูงเจ็ดชั้น ตัวเขาพักอยู่ชั้นหก เขากำลังรอลิฟต์อยู่ที่ชั้นหนึ่ง ตึกนี้มีลิฟต์เก่าแก่ตัวเดียวคั่นกลาง ปีกขวาของชั้นนี้เป็นห้องพักสำหรับเช่า ปีกซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถาม ร้านซักรีด และร้านขายของชำ
เมื่อเผลอหันไปมองทางร้านขายของชำ ณภัทรก็สะดุ้งกับลุงเจ้าของร้าน แกดูซอมซ่อ แต่งตัวเหมือนหมอผีคนมีของ ท่าทางน่ากลัว นี่คือสาเหตุที่เขาไม่อยากมาใช้บริการร้านนี้ นอกจากจะจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น สายตาแกจ้องเขม็งมาทางนี้ แต่เหมือนมองคนอื่นไม่ได้มองเขา พลันเรื่องราวเมื่อตอนบ่ายปรากฏในหัวทำขนลุกซู่ ลิฟต์เดินทางมาส่งเขาถึงชั้นหก เดินจากลิฟต์ไปไม่กี่ก้าวก็มาถึงหน้าห้องที่เขาเช่าอยู่ แม้ห้องจะไม่กว้างขวางนักแต่ข้าวของมากมายก็ถูกเขาจัดไว้เข้าที่อย่างเป็นระเบียบ
ณภัทรเข้ามาถึงก็ปิดประตูลงกลอน กดสวิตซ์เปิดไฟโดยไม่ต้องรอให้ไฟติดก็เดินดุ่ม ๆ ฝ่าความมืด นำถุงไก่ทอดมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวตัวเล็กอย่างชำนาญทาง
ไฟกระพริบติด ๆ ดับๆ เขาไม่ประทับใจหอพักนี้สักเท่าไหร่ หลอดไฟที่นี่ตอบสนองช้ามาก ติดถนนเกินไปรำคาญเสียงสัญจรของรถยามค่ำคืน ห้องข้างบนก็มารยาทเลิศ มักจะปรุงอาหารเสียดังโดยไม่เกรงใจคนห้องข้างล่าง ทั้งสับหมู ตำน้ำพริก บางทีก็เทน้ำทิ้งลงท่อระบายไหลล้นลงมาทางระเบียง โชคร้ายก็ตอนที่ณภัทรตากผ้าแล้วลืมเก็บ จากที่หอมน้ำยาปรับผ้านุ่ม เสื้อผ้าของเขาก็เปลี่ยนไปหอมสดชื่นกลิ่นมะนาวแทน
พอไฟติดณภัทรก็ตกใจแทบบ้า สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะทำเขากรีดร้อง แม่ค้าลืมให้น้ำจิ้มไก่มา แล้วอย่างนี้เขาจะกินไก่ทอดอร่อยได้อย่างไรหากปราศจากน้ำจิ้ม จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนมาเกลียดฝนเสียอย่างนั้น เจ็บใจนักฝนดันมาตกตอนนี้ ถ้าตกช้ากว่านี้เขาจะกลับไปที่ตลาดนัด ใช้สิทธิผู้บริโภคเรียกร้องน้ำจิ้มไก่ที่ควรได้คืนจากแม่ค้า
นี่เขาต้องลงไปซื้อน้ำจิ้มไก่ที่ร้านขายของชำด้านล่างหอพักเหรอเนี่ย ฝนตกอย่างนี้ไม่มีทางเลือกอื่นอีกเลย เขาไม่อยากย่างกรายไปที่ร้านของสองผัวเมียท่าทางลึกลับนั่น นึกถึงสายตาของตาลุงเมื่อครู่นั้นก็เสียวสันหลังวาบ
แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ การกินไก่ทอดกับข้าวเหนียวเปล่า ๆ นั้นจืดชืดสิ้นดี ในเมื่ออาหารมื้อนี้ขาดน้ำจิ้มไก่ไม่ได้จริง ๆ ณภัทรต้องจำใจใช้บริการร้านขายของชำด้านล่างหอพักอย่างเลี่ยงไม่ได้
บรรยากาศตอนนี้วังเวงเสียเหลือเกิน ไม่มีคนพลุกพล่านเพราะคงกำลังติดฝนอยู่ที่ไหนสักแห่ง สองเท้าก้าวออกมาจากลิฟต์ที่มาส่งถึงชั้นหนึ่งอย่างปลอดภัย ตรงไปทางด้านปีกซ้ายของตึกซึ่งเป็นร้านขายของชำ การจัดตกแต่งร้านเข้าขั้นไร้รสนิยมเมื่อให้คนเรียกออกแบบสื่ออย่างณภัทรวิจารณ์ ไม่รู้ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะยุคไหน สายสิญจน์ระโยงระยางอยู่บนเพดาน ตุ๊กตานางกวักกับกุมารทองนับสิบตัววางเรียงกันเป็นขบวนการห้าสีอยู่บนหิ้งเหนือตู้แช่เครื่องดื่ม ยันต์ลวดลายต่าง ๆ แปะไปทั่วผนังเป็นวอลเปเปอร์ ตรงเคาน์เตอร์คิดเงินก็มีหัวกะโหลกสภาพคร่ำครึวางไว้ให้ลูกค้าเกรงขาม กลิ่นธูป-กำยานอบอวลไปทั้งร้านชวนคลื่นเหียน รีบ ๆ ไปหยิบน้ำจิ้มไก่มาจ่ายเงินแล้วกลับเข้าห้องจะดีกว่า
“รับอะไรดีจ๊ะ”
จู่ ๆ เจ๊เจ้าของร้านก็โผล่ออกมาจากเคาน์เตอร์คิดเงิน ทักทายด้วยน้ำเสียงยานคางเหมือนผีในหนังสยองขวัญ รูปร่างหน้าตาของแกเข้าขั้นอัปลักษณ์ไม่น่าอภิรมย์ชวนมอง หัวใจณภัทรหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม เนื้อตัวสั่นเนื่องด้วยสภาพอากาศยามฝนตกหรือบรรยากาศในร้านก็ไม่ทราบ แต่เขาแน่ใจว่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เขาข่มใจเดินเข้าไปหยิบขวดน้ำจิ้มไก่บนชั้น อุ่นใจไปอีกเปราะ มื้ออาหารเย็นนี้ไม่จืดชืดแล้ว
พอหันหลังกลับมา ณภัทรก็สะดุ้งตัวโยน เกือบทำขวดน้ำจิ้มไก่หลุดมือ ตาลุงหมอผี สามีเจ๊เจ้าของร้านโผล่มาจากอากาศธาตุรึไงนะ มายืนขวางทางทำตาเขใส่ อ๋อ ที่เมื่อกี้ณภัทรรู้สึกว่าแกจ้องมาทางเขาแต่เหมือนไม่ได้มองเขา คงจะคิดไปเองทั้งนั้น ก็ลุงคนนี้ตาเขนี่ ที่จริงก็มองเขาอยู่นั้นแหละ เจอเมื่อครู่นี้หลอนมากเลย รู้ความจริงก็อุ่นใจไปอีกเปราะ
ณภัทรกำขวดน้ำจิ้มไก่ไว้ในมือแน่น มืออีกข้างล้วงเงินออกมาจ่ายให้เจ๊เจ้าของร้านที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“ใส่ถุงรึเปล่าจ๊ะ?”
ณภัทรส่ายหน้าแทนคำตอบ ก็เห็นอยู่ว่าแค่นี้เขาถือไปเองได้ ไม่จำเป็นต้องใส่ถุงพลาสติก เจ๊แกทอนเงินให้ พลางจ้องด้วยแววตาน่าขนลุก เขารีบเดินออกจากร้าน ลิฟต์จอดอยู่ที่ชั้นหนึ่งตามเดิม เขากดปุ่มให้ประตูเปิด ระหว่างรอก็มีเสียงกรีดร้องดังกึกก้องกัมปนาทไม่แพ้เสียงฟ้าร้อง เขาตกใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้
“อ๊าก ก ก ก”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำณภัทรอ่อนแรงขาแทบรับน้ำหนักร่างกายไม่ไหว แขนอ่อนปวกเปียกเกือบทำขวดน้ำจิ้มไก่ในมือหล่นแตก เขาจำหมอนั่นได้ จำผีตนนั้นที่มาหลอกจนเขาสลบในตึกฝ่ายเอกสารของมหาวิทยาลัย ดูหมอนี่ตอนนี้สิ กำลังถูกกุมารทอง ๔-๕ ตัวรุมอัดอยู่
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮิ ฮิ ฮิ” กุมารทองแหวกว่ายไปในอากาศแล้วพุ่งเข้าอัดผีหนุ่มตนนั้น พวกมันหัวเราะอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงชวนสะอิดสะเอียน
“ช่วยด้วย จัดการผีเด็กพวกนี้ที” ผีหนุ่มร้องขอความช่วยเหลือจากณภัทร
ณภัทรสะดุ้งเฮือก นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย เอาอั้นปัสสาวะได้ก่อนที่มันจะไหลออกมาอายผี รีบเข้าลิฟต์ไปหมายจะหนีกลับห้อง นิ้วชี้ของเขาแตะปุ่มชั้น ๖ ไว้ แต่ยังไม่กด เขาจะกลับไปช่วยผีหนุ่มตนนั้นดีไหมนะ ท่าทางกำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่ผีก็ควรอยู่ส่วนผีนะ คนธรรมดาไม่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษวิโสอย่างเขาจะช่วยจัดการแก๊งกุมารทองเหล่านั้นได้อย่างไร
อีกใจหนึ่งเลือดนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของณภัทรก็เดือดพล่าน เขากำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ก็มานึกขึ้นได้ว่าที่กำลังจะไปช่วยนั้นเป็นผี ไม่ใช่คน โอ๊ย มั่วข้อสอบยังไม่ลำบากใจเท่านี้เลย ขณะกำลังมัวลังเลใจอยู่นั้นผีหนุ่มก็ลอยวูบผ่านลิฟต์ไปทางปีกขวาของตึก แก๊งกุมารทองลอยตามไป มีสองตัวที่เห็นเขาอยู่ในลิฟต์ พวกมันเข้ามาหาเขา แกล้งแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกให้เขากลัว
“จ๊าก ก ก ก”
ณภัทรร้องเสียงหลง มุดลอดใต้ขาซึ่งลอยเหนือพื้นของกุมารทองออกมานอกลิฟต์ ผีเด็กสองตนตามออกมาติด ๆ แต่คราวนี้พวกมันไม่สนใจเขาอีกแล้ว กลับไปรวมกับเพื่อน รุมสะกำผีหนุ่มผู้น่าเวทนา
“ไอ้ผีตนนั้นมันมากับเอ็ง เอ็งรู้จักมันรึเปล่า?”
หมอผีสามีเจ๊เจ้าของร้านขายของชำเดินมาพูดกับเขาเสียงห้าว คราวนี้เห็นได้ชัดว่าแกจ้องณภัทรเขม็ง แกไม่ได้ตาเข แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านมาแกก็จ้องผีหนุ่มตนนั้นที่ตามเขามาตลอดตั้งแต่ตึกฝ่ายเอกสารอย่างนั้นนะซิ
ขนลุกซู่
เสียวสันหลังวาบ
ณภัทรส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ คนธรรมดาปกติที่ไหนจะคบผีเป็นเพื่อน
“ก็ดี ข้าจะได้จับมันมาเป็นบริวาร” หมอผีพูดดังนั้นก็หยิบลูกประคำมาพนมไว้ในมือ เดินมาหาแก๊งกุมารทองที่ปีกขวาของตึก ส่วนนี้เป็นบริเวณห้องพักให้เช่า แม้พวกผีจะตีกันเสียดังแต่คนในห้องพักก็ไม่มีวันได้ยิน เพราะพวกเขาไม่ได้โชคร้ายเหมือนณภัทร หมอผีขมุบขมิบปากสวดคาถา
“ช่วยฉันด้วยณภัทร ฉันไม่อยากตกอยู่ในอาคมชั่วช้าของมัน ขอร้องละช่วยฉันที” ผีหนุ่มตะโกนเรียกชื่อเขา ณภัทรแปลกใจ หมอนี่รู้จักชื่อเขาได้อย่างไร
“หยุด ผีตนนั้นเป็นเพื่อนผม” ณภัทรรวบรวมความกล้า โผงออกไปเสียงดัง มานึกได้ทีหลังก็ตลกตัวเองว่าพูดอะไรอย่างนั้นออกไปทำไม เกิดผีหนุ่มตนนั้นนึกจริงจังว่าณภัทรยอมรับเป็นเพื่อนด้วยนี่ตายโหงแน่นอน เขาไม่อยากมีเพื่อนเป็นผี
หมอผีชะงัก พักสวดคาถา หันมาพูดกับณภัทรด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“โกหก ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องได้ไอ้ผีเร่ร่อนตนนี้มาเป็นบริวารให้ได้”
แล้วแกก็กลับไปสวดคาถาภาษาไม่คุ้นตามเดิม พอสิ้นเสียงงึมงำหมอผีก็ปล่อยแสงสีฟ้าออกจากฝ่ามือ พุ่งไปรัดคอผีหนุ่มตนนั้น กุมารทองที่รายล้อมอยู่ต่างปลีก หลีกตัวออกมาเพราะรู้ฤทธิ์เดชของลำแสงสีฟ้านี้ดี ใบหน้าของผู้ตกอยู่ในพันธนาการของบ่วงลำแสงแสดงอาการเจ็บปวดอย่างสุดแสนทรมาน
ณภัทรทนดูต่อไปไม่ไหว หมอผีตนนั้นเห็นแก่ตัวเกินไป แม้แต่วิญญาณที่สิ้นบุญสิ้นกรรมก็ยังเบียดเบียน แก๊งกุมารทองพวกนั้นหมอผีคงได้มาด้วยวิธีไม่ต่างจากที่ทำอยู่นี้ ถ้าเราเป็นคนดีจริงผีก็ย่อมคุ้มครองอยู่แล้ว ไม่ต้องพึงไสยมืด บังคับขู่เข็ญเขามาอยู่ภายใต้อำนาจ ณภัทรหมุนเปิดฝาขวดน้ำจิ้มไก่แล้วแทนใส่มือ วิ่งเอาของเหลวหนืดนี้ไปโบกหน้าหยาบกระด้างกร้านแดดของหมอผี
“โอ้ย
“รีบหนีไป ฉันถ่วงเวลาไว้ให้แล้ว” ณภัทรตะโกนบอกผีหนุ่มให้รีบหนี
ผีหนุ่มมองมาที่ณภัทรด้วยแววตาสิ้นหวัง
“ไม่มีประโยชน์ ยังไงฉันก็หนีตาแก่นี่ไม่พ้น”
“แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไง?”