เชียงราย--13 พ.ค.--รอยเตอร์
บมจ.สายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ ที่บมจ.การบินไทย
ถือหุ้น 49% คาดจะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)
ในช่วงกลางเดือนมิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะระดมทุนได้ประมาณ 5 พันล้านบาท
นายวิทัย รัตนากร ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน สายการบินนกแอร์
คาดว่าหุ้นของบริษัทน่าจะเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ราวปลายเดือนมิ.ย.
"บริษัทจะขายหุ้น IPO จำนวน 187.5 ล้านหุ้น คร่าวๆ คาดว่า
จะได้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ บวกลบประมาณ 5 พันล้านบาท ฟรีโฟลต
ประมาณ 30%" นายวิทัย กล่าวกับผู้สื่อข่าว
เมื่อเดือนมี.ค.สายการบินนกแอร์ ยื่นแบบเสนอขายหุ้น(ไฟลิ่ง)ต่อ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดย
จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 187.5 ล้านหุ้น
แบ่งเป็นหุ้นพิ่มทุนใหม่ 125 ล้านหุ้น และหุ้นของบริษัท Aviation
Investment International จำกัด จำนวน 62.5 ล้านหุ้น โดยมี
ธ.ไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายวิทัย กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ทั้งในด้านการเปิดเส้นทางใหม่ภายในประเทศ และ
การเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในอนาคต และส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะ
นำไปซื้อเครื่องบิน เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
หลังจากการขายหุ้น IPO แล้ว สัดส่วนการถือหุ้นของ THAI จะ
เหลือ 39.2% จาก 49.0% ,Aviation Investment International
จะถือหุ้น 10% จากเดิม 25% ,นายพาที สารสิน คงเหลือถือหุ้น 4% จากเดิม 5%
CPB Equity เหลือ 4.8% จากเดิม 6% ,SCB เหลือ 4% จากเดิม
5% ,King Power เหลือ 4% จากเดิม 5% และ Asvinvichit เหลือ 4%
จากเดิม 5% และรายย่อย ถือหุ้น 30%
นายวิทัย กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนฝูงบินรวม 17 ลำ ประกอบด้วย
โบอิ้ง 737-400 จำนวน 3 ลำ ซึ่งจะทยอยครบอายุสัญญาเช่าในปี 56, โบอิ้ง
737-800 จำนวน 10 ลำ และเครื่องบินเอทีอาร์ 72-200/500 จำนวน 4 ลำ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีฝูงบินทั้งหมดเหลือ 16 ลำ หลังครบอายุ
สัญญาเช่า ซึ่งจะทำให้อายุเครื่องบินเฉลี่ยลดลงเหลือกว่า 7 ปี จากเดิม 18-20 ปี
สำหรับแผน 3 ปี (ปี 56-58) บริษัทวางเป้าหมายว่าปี 56 จะมี
ฝูงบิน 16 ลำ และปี 57 มีฝูงบิน 23 ลำ ส่วนปี 58 จะมีฝูงบินทัั้งหมด 30
ลำ ซึ่งจะเป็นในรูปแบบของการเช่าทั้งหมด
**เครื่องบินใหม่ หนุนผลประกอบการ
นายวิทัย กล่าวอีกว่า เมื่อมีเครื่องบินใหม่เข้ามาจะทำให้จำนวนที่นั่งเพิ่ม
ขึ้น
ประมาณ 60% ในปีนี้ และต้นทุนปรับปรุงลดจากการนำเครื่องบินใหม่มาใช้ ซึ่งจะ
ประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 12.8% ของค่าใช้จ่ายน้ำมันที่มีสัดส่วนประมาณ 35%
ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือ 65% มาจากค่าเช่าเครื่องบิน ค่าบำรุงรักษาและอื่นๆ
เขา คาดว่าปีนี้รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับจำนวนที่นั่งที่
เพิ่มขึ้่น และคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดด จากต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันที ่
ลดลง นอกจากนี้บริษัทจะรักษาระดับอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(เคบิน แฟคเตอร์)
ที่ระดับ 80-85% ด้วย
ในปี 55 สายการบินนกแอร์มีรายได้หลักรวม 8.22 พันล้านบาท
และมีกำไรสุทธิ 504.7 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/56 มีกำไรสุทธิ 425.3
ล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท
สำหรับส่วนแบ่งการตลาดสายการบินในประเทศนั้น วางเป้าหมายจะ
เพิ่มขึ้น 1-2% ทุกปี จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 23.7% ขณะที่มีนโยบายการจ่าย
ปันผลไม่ต่ำกว่า 25% ของกำไรสุทธิ โดย 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายปันผล
ให้กับผู้ถือหุ้นประมาณ 50% ของกำไรสุทธิ
ด้านนายปิยะ ยอดมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์
กล่าวว่า บริษัทมีเส้นทางบินภายในประเทศ 23 เส้นทางบิน ใน 21 จังหวัด
และมีเที่ยวบินภายในประเทศ 483 เที่ยวบิน/สัปดาห์
โดยเส้นทางหลักเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และหัวเมืองสำคัญในแต่ละภูมิภาค
และเส้นทางรองที่เชื่อมต่อการเดินทาง
สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ที่กำลังจะเกิดขึ้น
คาดว่าจะผลักดันการเติบโตของตลาดสายการบินราคาประหยัด เนื่องจากจะมีการ
เดินทางระหว่างประเทศและการเดินทางภายในประเทศเพิ่มขึ้นของทั้งภาคธุรกิจ
และท่องเที่ยว
โดยบริษัทมีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ไปเมียนมาร์ ซึ่งจะเริ่มบินจาก
ชายแดนไทยที่แม่สอด บินไปเมียนมาร์ ในครึ่งหลังของปีนี้ --จบ--
(โดย มนันพัทธ์ ธนนันท์พร รายงาน;วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--บร--)
นกแอร์กับการ ipo ในความเห็นของท่านเป็ฯอย่างไรครับ
บมจ.สายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ ที่บมจ.การบินไทย
ถือหุ้น 49% คาดจะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)
ในช่วงกลางเดือนมิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะระดมทุนได้ประมาณ 5 พันล้านบาท
นายวิทัย รัตนากร ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน สายการบินนกแอร์
คาดว่าหุ้นของบริษัทน่าจะเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ราวปลายเดือนมิ.ย.
"บริษัทจะขายหุ้น IPO จำนวน 187.5 ล้านหุ้น คร่าวๆ คาดว่า
จะได้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ บวกลบประมาณ 5 พันล้านบาท ฟรีโฟลต
ประมาณ 30%" นายวิทัย กล่าวกับผู้สื่อข่าว
เมื่อเดือนมี.ค.สายการบินนกแอร์ ยื่นแบบเสนอขายหุ้น(ไฟลิ่ง)ต่อ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดย
จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 187.5 ล้านหุ้น
แบ่งเป็นหุ้นพิ่มทุนใหม่ 125 ล้านหุ้น และหุ้นของบริษัท Aviation
Investment International จำกัด จำนวน 62.5 ล้านหุ้น โดยมี
ธ.ไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายวิทัย กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ทั้งในด้านการเปิดเส้นทางใหม่ภายในประเทศ และ
การเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในอนาคต และส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะ
นำไปซื้อเครื่องบิน เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
หลังจากการขายหุ้น IPO แล้ว สัดส่วนการถือหุ้นของ THAI จะ
เหลือ 39.2% จาก 49.0% ,Aviation Investment International
จะถือหุ้น 10% จากเดิม 25% ,นายพาที สารสิน คงเหลือถือหุ้น 4% จากเดิม 5%
CPB Equity เหลือ 4.8% จากเดิม 6% ,SCB เหลือ 4% จากเดิม
5% ,King Power เหลือ 4% จากเดิม 5% และ Asvinvichit เหลือ 4%
จากเดิม 5% และรายย่อย ถือหุ้น 30%
นายวิทัย กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนฝูงบินรวม 17 ลำ ประกอบด้วย
โบอิ้ง 737-400 จำนวน 3 ลำ ซึ่งจะทยอยครบอายุสัญญาเช่าในปี 56, โบอิ้ง
737-800 จำนวน 10 ลำ และเครื่องบินเอทีอาร์ 72-200/500 จำนวน 4 ลำ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีฝูงบินทั้งหมดเหลือ 16 ลำ หลังครบอายุ
สัญญาเช่า ซึ่งจะทำให้อายุเครื่องบินเฉลี่ยลดลงเหลือกว่า 7 ปี จากเดิม 18-20 ปี
สำหรับแผน 3 ปี (ปี 56-58) บริษัทวางเป้าหมายว่าปี 56 จะมี
ฝูงบิน 16 ลำ และปี 57 มีฝูงบิน 23 ลำ ส่วนปี 58 จะมีฝูงบินทัั้งหมด 30
ลำ ซึ่งจะเป็นในรูปแบบของการเช่าทั้งหมด
**เครื่องบินใหม่ หนุนผลประกอบการ
นายวิทัย กล่าวอีกว่า เมื่อมีเครื่องบินใหม่เข้ามาจะทำให้จำนวนที่นั่งเพิ่ม
ขึ้น
ประมาณ 60% ในปีนี้ และต้นทุนปรับปรุงลดจากการนำเครื่องบินใหม่มาใช้ ซึ่งจะ
ประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 12.8% ของค่าใช้จ่ายน้ำมันที่มีสัดส่วนประมาณ 35%
ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือ 65% มาจากค่าเช่าเครื่องบิน ค่าบำรุงรักษาและอื่นๆ
เขา คาดว่าปีนี้รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับจำนวนที่นั่งที่
เพิ่มขึ้่น และคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดด จากต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันที ่
ลดลง นอกจากนี้บริษัทจะรักษาระดับอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(เคบิน แฟคเตอร์)
ที่ระดับ 80-85% ด้วย
ในปี 55 สายการบินนกแอร์มีรายได้หลักรวม 8.22 พันล้านบาท
และมีกำไรสุทธิ 504.7 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/56 มีกำไรสุทธิ 425.3
ล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท
สำหรับส่วนแบ่งการตลาดสายการบินในประเทศนั้น วางเป้าหมายจะ
เพิ่มขึ้น 1-2% ทุกปี จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 23.7% ขณะที่มีนโยบายการจ่าย
ปันผลไม่ต่ำกว่า 25% ของกำไรสุทธิ โดย 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายปันผล
ให้กับผู้ถือหุ้นประมาณ 50% ของกำไรสุทธิ
ด้านนายปิยะ ยอดมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์
กล่าวว่า บริษัทมีเส้นทางบินภายในประเทศ 23 เส้นทางบิน ใน 21 จังหวัด
และมีเที่ยวบินภายในประเทศ 483 เที่ยวบิน/สัปดาห์
โดยเส้นทางหลักเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และหัวเมืองสำคัญในแต่ละภูมิภาค
และเส้นทางรองที่เชื่อมต่อการเดินทาง
สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ที่กำลังจะเกิดขึ้น
คาดว่าจะผลักดันการเติบโตของตลาดสายการบินราคาประหยัด เนื่องจากจะมีการ
เดินทางระหว่างประเทศและการเดินทางภายในประเทศเพิ่มขึ้นของทั้งภาคธุรกิจ
และท่องเที่ยว
โดยบริษัทมีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ไปเมียนมาร์ ซึ่งจะเริ่มบินจาก
ชายแดนไทยที่แม่สอด บินไปเมียนมาร์ ในครึ่งหลังของปีนี้ --จบ--
(โดย มนันพัทธ์ ธนนันท์พร รายงาน;วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--บร--)