เรื่องสั้น ป.5 : เดินทางไกล รอบกองไฟและความทรงจำ

กระทู้สนทนา
พรุ่งนี้ผมจะไปเข้าค่ายพักแรม ลูกเสือ 3 วันสองคืน ผมซักชุดลูกเสือและรองเท้า ตากแดดไว้แห้งดีแล้ว แม่ก็ดูตื่นเต้นไปด้วย เพราะแม่ไปซื้อพู่เหน็บถุงเท้าให้ผมใหม่ เพราะ คู่เดิม ถูกเพื่อนซี้ผมแบ่งไปครึ่งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะมันลืมใส่มา

เมื่อเช้าผมบอกแม่ว่าผมได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าหมู่ลูกเสือ มีลูกหมู่ อีก 7 คนแน่ะ แม่คงกังวลว่าผมอาจจะดูไม่ดี เมื่อเป็นผู้นำแล้ว เครื่องแต่งกายมันดูกะพร่องกะแพร่ง ทำให้ผมยิ่งหมดความมั่นใจ ขาดความเชื่อมัน ซึ่งของเดิมก็แทบจะไม่เคยมีเป็นฐานมาก่อนเลย อาจมีคนมาค่อนขอดเข้าหูมาถึงเจ้าของร้านกล้วยแขกชื่อดังอย่างแม่ก็เป็นไปได้

แม่มาส่งผมที่โรงเรียนช้ากว่าคนอื่นๆ เพราะต้องแวะซื้อสบู่ลักส์ ให้ผม ผมเป็นเด็กหน้ามัน ยี่ห่อนี้เท่านั้นครับที่จะทำให้ผม ไม่ต้องระบบเพราะสิว ผมคว้าเป้ที่อัดข้าวของเสื้อผ้าแน่นเอี๊ยดลงจากรถไปใบเดียว โดยปฏิเสธอาหารแห้ง ผักกระป๋อง และกล้วยน้ำว้า ที่แม่ซื้อมาเพิ่มให้กันผมหิว ผมบอกแม่ว่า ไม่เอาไปนะ อาย ยามต้องวิ่งไปเข้าแถวสายๆ พร้อมของพะรุงพะรังพร้อมกับกล้วยงอมๆ

ครูให้พวกเราทยอยกันไปเติมน้ำในกระติก และเริ่มตั้งแถวออกเดินทางไกล ผมเดินตามหมู่ 7 ในฐานะ หมู่ 8 พร้อมกับธงหัวหน้าหมู่ เท่ห์ดีไม่เบา แต่ที่หนักก็คือเป้ที่ผมอัดของมา ความร้อนของอากาศมันทำให้ข้าวของในเป้ผม เหมือนจะขยายตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ ประกิจ เพื่อนร่างเล็กจ้อย ที่เป็นคนเดิมคุมแถวปิดท้าย มีหน้าที่หิ้วกล่องยา ชิงเป็นลมตัดหน้าเพื่อนๆไปซะก่อนใน 4 กิโลเมตรแรก มันไปนอนบนรถโรงเรียนที่ชับช้าๆ ตามหลังมาสบายไปซะแล้ว ผมอยากเป็นลูกหมู่บ้าง เพราะเป็นลมได้ แถมไม่ต้องหิ้วกะเป๋ายาอีกใบหนึ่งแทนประกิต แต่ก็นึกอายเนตรนารีอีก 8 หมู่ข้างหลัง ที่เดินทางไกลระยะเท่าๆ กับหัวหน้าหมู่แปดอย่างผม ไม่มีใครเป็นลมล้มพับไปสักคน

ราว 11 โมง พวกเราทั้งหมดก็ได้พักเหนื่อย และ ทานอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นอาหารกล่องที่โรงเรียนเตรียมมาไว้ให้ ตอนนี้ ลูกหมู่ผมตั้งอกตั้งใจกินข้าวอย่างเรียบบร้อย กระติกน้ำใบเล็ก ถูกดื่มดับร้อนไปจนหมดมาก่อนหน้าจนเกลี้ยง ปวดเมื่อยขาแข้ง แต่แขนก็ยังต้องกำด้ามธงไว้แน่น นี่ถ้าครูผู้กำกับไม่พากันหิ้วถุงข้าวมาให้ถึงที่ แทนการประกาศให้ หัวหน้าหมู่ไปเอาข้าวแล้วล่ะก็ ผมอาจจะกลายเป็น หัวหน้าหมู่ 8 รายแรกที่เป็นลมในขณะเดินทางไกล เป็นที่จารึกเสื่อมเสียในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนก็เป็นได้ ผมคิดถึงกล้วยน้ำว้าของแม่จังเลย

พอกินข้าวกันเสร็จ ประกิตก็กลับมาทำหน้าที่ได้เหมือนเดิม ผมเพิ่งรูว่า ลานที่เรานั่งกินช้าวกันนั้น เป็นหน้าค่ายลูกเสีอแล้ว เราเดินกันเข้ามาด้านในอีกไม่นานก็ถึง บริเวรที่โรงเรียนของเราตั้งเป็นค่ายพักแรม เราได้พักผ่อนและได้รับการแจกจ่าย อุปกรณ์อย่าง ตะเกียง ไฟฉาย จาน ช้อน ผม ประกิจ องอาจ ตี๋เล็ก รับหน้าที่ตั้งเต็นท์ ที่เหลือนำโดย สุขสันต์ เอาหม้อ กระทะ ไปล้าง เตรียมทำอาหารเย็น ในค่ายมีต้นไม้เยอะมาก บ่ายสองโมงทั่วบริเวณโดยรอบก็ร่มคลึ้มไปหมด

เต๊นท์นอนหลังล่ะ 4 คน ประกิจคล่องแคล่วมากในการกางหลังที่สอง หลังจากหลังแรก ผมเดินไปเดินมาดูเพื่อนข้างๆ กางจนเสร็จอยู่หลายรอบ แล้วจำมาทำตามๆ เค้าไปจนทำได้ ในใจคิดว่า น่าจะเหลือไปเตรียมทำกับข้าว หุงข้าว สัก สองคนก็น่าจะพอ แต่กก็ผิดคาดครับ เพราเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงที่กางเต๊นท์ จัดที่หลับที่นอนรอให้ครูมาตรวจจนเสร็จสรรพเรียบร้อย กลุ่มเนตรนารีที่อยู่ข้างๆ ทำท่าจะล้อมวงกินข้าวเย็นกันอยู่รอมร่อ แต่หมู่ 8 ของผมยังไม่สามารถจุดไฟติดเพื่อหุงข้าวได้ อดข้าวและอดคะแนนไปพร้อมกันแน่ๆ ในค่ายนี้ครับ

ประกิจ อาสาไปถามวิธีการติดไฟจากไม้ขีด บนหินสามเส้าจาก กลุ่มเนตรนารีข้างๆ เมื่อพวกเราดูจะจนแต้มจริงๆ เหตุใดไม่รู้ได้ พี่เกษรุ่นพี่ ป.6 หัวหน้าหมู่ 1 ของเนตรนารีที่เต็นท์ข้าง ก็ลุกมามากุลีกุจอช่วยเราติดไฟ แทนที่จะแนะนำประกิจเฉยๆ เนื่องจากโรงเรียนเรามีนักเรียนหญิงน้อยกว่านักเรียนชายมากครับ เวลาออกต่าย จึงผสมเฉพาะเนตรนารี ชั้น ป.5 และ ป.6 มาออกค่ายพักแรมพร้อมกัน

พี่เกษ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ยามมาช่วยพวกเราติดไฟจนสำเร็จ คนก่อไฟมือไม้ไม่เลอะเปรอะดำเลย ผิดกับลูกมือหมู่ 8 อย่างพวกผมทั้ง 8 ชีวิต ที่เหงื่อไหลย้อย ลุ้นก่อไฟ หน้าดำกันเกือบหมด ผมว่าไม่ใช่แค่ไฟในหินสามเส้าจะติดเท่านั้นครับ แต่มีไฟอีกดวงเหมือนจะถุกจิดติดในใจผมไปพร้อมๆ กันไปด้วย

พี่เกษมีน้ำใจแบ่งข้าวให้พวกเรามาทำท่าให้ ครูมาตรวจจนได้คะแนนไปพลางก่อน ซึ้งใจลูกเสือน้อยอย่างพวกผม เรากินข้าวกับปลากระป๋อง ผักกาดกระป๋อง และ ไข่ต้มจากกลุ่มพี่เกษอย่างเอร็ดอร่อย และเป็นผมที่หุงข้าวไปคืนให้พี่เกษด้วยตนเองแม้จะดิบนิดหน่อย แต่เธอก็ไมว่าอะไร ผมมองดูความเป็นผู้นำของเธออย่างชื่นชม อดเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ ผมตั้งใจจะทอดไข่เจียวไปตอบแทนเธอในมื้อถัดไป และหุงข้าวให้น้ำเยอะกว่านี้อีกนิด

กิจกรรมรอบกองไฟตอนกลางคืนในคืนแรก ผมรับหน้าที่ตีกองทอม อยู่ ข้างๆ พี่เกษ ที่เป็นนักร้องเสียงทองในคืนนั้น นั่นเป็นการตีกองทอมครั้งแรกของผมต่อหน้าคนมากมาย ด้วยความที่อยากยืนอยู่ข้างๆ เธอ ในทุกนาทีที่เป็นไปได้  มันคงเป็นอะไรที่อธิบายได้ในสายตาเพื่อนๆว่า ผมทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนน้ำใจอันงดงามของเธอ แต่ผมรู้ตัวดีว่าไม่ใช่ทั้งหมด ผมกล้าที่จะชูมือและลุกขึ้นยืนเยลเธออย่างออกหน้าออกตาในคืนที่สอง ต่อการแสดงอันน่ารักสุดๆ ของกลุ่มเธอ และถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเอง ผมก็เห็นเธอเยลผมเต็มเสียง ในการแสดงที่ฮาที่สุดในความเปิ่นกล้า บ้า ของกลุ่มผม

เราเล่นล้อเลียนการเมือง ทำทีนักการเมืองมาหาเสียงกับชาวบ้านที่พูดเสียงเหน่อๆ  ได้เสียงปรบมือ และเป่าปากเกรียวกราว แนวคิดก็มาจากพี่เกษแนะนำ คืนนั้นหลังครูต้มถั่วเขียวร้อนๆ เลี้ยงลูกเสือและเนตรนารีทุกคนแล้ว เรากลับมานั่งคุยกันต่อที่เต๊นท์ถึงเรื่องราวในกลุ่ม ที่ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยกันทำจนสำเร็จไปได้ด้วยดีทุกอย่าง ผมแอบเห็นสายตาของใครคนหนึ่งแอบมองผมอยู่ไม่ไกล ผมไม่อยากเข้าเต๊นท์นอนเลยคืนนั้น

มื้อเช้าสุดทายก่อนกลับ ผมทำไข่เจียวไปให้เธอด้วยไข่สองฟองสุดท้ายที่มี เธอชมว่าหอมแม้จะมีกลิ่นน้ำมันก๊าดอยู่นิดหน่อย เธอว่าจะขอกินมากกว่าทุกคนในกลุ่มให้ได้ ถ้าไม่มีเพื่อนๆ ในกลุ่มว่า เธอพูดเท่านั้นแล้วก็ยิ้มหวาน

พ่อแม่พี่เกษมารับที่ค่าย ในตอนเที่ยงวันนั้น ผมเห็นเธอหันรีหันขวาง ทำท่าเหมือนมองหาใครสักคนเพื่อร่ำลา หรือ โบกมือบ๊ายบาย ผมยืนมองเธออยู่หลังรถโรงเรียนกับกลุ่มเพื่อนๆ ผมอยากจดจำรอยยิ้มของพี่เกษไว้ในสามวันสองคืนที่ค่ายนี้ไว้ให้นานแสนนาน แทนการออกไปบ๊ายบายเธอ แล้วเห็นเธอผิดหวัง ที่ผมไม่ใช่ใครคนนั้นที่เธอมองหา..ไม่รู้ผมคิดผิดหรือปล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่