This is It : อดีตของหงส์ ปัจจุบันของผี วงจรที่ต้องมีวันสิ้นสุด
รีพอร์ตเตอร์รุ่นเล็กสุดจากรั้วโกล ประเทศไทย ขอวิเคราะห์สถานการณ์การวางมือของท่านเซอร์ ที่อาจจะส่งผลต่อท้องฟ้าเหนือโรงละครแห่งความฝัน ว่ามันจะมืดครื้มหรือสดใสเช่นเดิม
ข่าวในรอบสัปดาห์นี้ ไม่มีข่าวไหนใหญ่กว่าการวางมือของกุนซือชาวสก็อตที่เตรียมหันหลังให้กับทีมที่เขาปลุกปั้นมาตลอด 26 ปี หลังจบฤดูกาลนี้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เบื้องหลังของความยิ่งใหญ่ของทีมปีศาจแดงในศตวรรษที่ 20 เกิดขึ้นจากน้ำมือของชายที่ชื่อ เซอร์ อเล็กซานเดอร์ แชปแมน เฟอร์กูสัน หรือท่านเซอร์ของบรรดาสาวก เรดเดวิลส์นั่นเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่สาวกอสูรแดงรู้อยู่แล้วคืองานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การร่วมงานกันต้องมีวันลาจาก และวันที่ 8 พฤษภาคม 2013 ฟ้าก็ผ่ากลางโรงละครแห่งความฝันอย่างจัง หลัง กุนซือชาวสก็อต ผู้เป็นนายแบบโฆษณาหมากฝรั่งตัดสินใจประกาศวางมือ หลังเพิ่งพาทีมผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 20 เป็นที่สำเร็จ
การวางมือของเซอร์ อเล็กซานเดอร์ แชปแมน เฟอร์กูสัน จะส่งผลมากน้อยเพียงใดกับทีมที่ถูกยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดในอังกฤษในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ทีมที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้นอย่างยอดทีมแห่งลุ่มน้ำเมอร์ซีย์ไซด์ กลายเป็นทีมที่ประกาศศักดาไปทั่วยุโรป นามว่า เดอะ เร้ด แมชชีน ก็เคยประสบความสำเร็จอย่างนี้เช่นกันภายใต้สตาฟฟ์โค้ชที่ถูกเรียกว่า บูธ รูม นำทัพโดย บิดาของพลพรรคหงส์แดงอย่าง บิล แชงคลีย์, บ็อบ เพสลีย์,โจ เฟแกน และ เคนนี ดัลกลิช ที่พาทีมกวาดโทรฟี่เป็นว่าเล่น
ทั้ง 4 คน พาทีมหงส์แดงในยุคนั้นผงาดคว้าแชมป์ลีกรวมกันถึง 13 สมัย แชมป์เอฟเอ คัพ 4 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบัน) อีก 4 สมัย
คุณยังจำพวกเขาเหล่านี้ได้หรือไม่ ทั้งสี่ไม่ใช่คุณชายจากละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ แต่พวกเขาทำให้ทีมหงส์แดงผงาดค้ำฟ้าในช่วง 80 นั่นเอง
แต่ในเดือนแห่งความรักในปี 1991 กลายเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายเหนือท้องฟ้าที่แอนฟิลด์ หลัง คิง เคนนี ตัดสินใจหันหลังให้กับทีม พร้อมส่งไม้ต้อให้รอนนี่ โมรัน รับไม้ต่อคุมทีมจนจบซีซั่น ก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเป็น แกรม ซูเนสส์ที่มารับไม้ต่อ นับตั้งแต่นั้นยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ก็ไม่เคยผงาดกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกเลยนับจากนั้น
ไล่เรียงกันมาจากซูอี้ เป็น รอย อีแวนส์, เชราร์ อุลลิเยร์, ราฟาเอล เบนิเตซ, รอย ฮอดจ์สัน ก่อนจะกลับมาเป็นคิง เคนนี่อีกครั้งและปัจจุบันทีมอยู่ภายใต้การคุมทัพของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส บรรดาผู้จัดการทีมชื่อดังเหล่านี้ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เลยนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่น 1 มาเป็นพรีเมียร์ชิพ จนถึงพรีเมียร์ลีก ณ ปัจจุบัน
เกิดอะไรขึ้นกับทีมหงส์แดงอันเกรียงไกรที่วันนี้ตกลงมาลุ้นแค่การคว้าบอลถ้วยไปประทับห้องโทรฟี่ การลุ้นคว้าสิทธิ์ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกในทุกๆฤดูกาล เกิดเครื่องความหมายคำถามกับสาวกปีศาจแดงว่า ทีมยูไนเต็ดที่พวกเขารักในปัจจุบัน จะเป็นเหมือนทีมหงส์แดงในยุค 90 หรือไม่
สิ่งที่เดวิด มอยส์ต้องทำในปีหน้าเพื่อให้ถูกใจพลพรรค เรด เดวิลส์ ไม่ใช่การพาทีมเล่นฟุตบอลแบบสวยงาม สร้างกำไรให้กับทีมเป็นกอบเป็นกำ หรือปั้นนักเตะในทีมให้โด่งดัง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการพาทีมคว้าแชมป์ (แล้วค่อยทำทุกอย่างที่ว่ามาให้ได้อีกที)
หากคุณเคยดูภาพยนตร์เรื่อง No Country For Old men ภาพยนตร์เรื่องโปรดของ เซอร์ อเล็กซ์ หนังเรื่องนี้บอกเราว่าคนเราเมื่อมีจุดสูงสุดก็จะมีจุดต่ำสุด ไม่ว่าจะอยู่ในสมัยไหนก็ตาม ทีมปีศาจแดงเองก็เช่นกันเมื่ออยู่จุดสูงสุดก็สามารถตกมายังเบื้องล่างได้
แมนฯยูไนเต็ด เคยเจอกับสถานการณ์สุดเลวร้ายแบบนั้นมาแล้ว หลังจากที่เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ตัดสินใจวางมือเมื่อปี 1971 และสามปีต่อมาพวกเขาต้องตกไปเล่นในดิวิชั่น 2 นี่คือตัวอย่างที่เห็นในฟุตบอลสมัยเก่า และลิเวอร์พูลคือตัวอย่างของฟุตบอลยุคกลางที่ประสบความล้มเหลวหลังการเปลี่ยนหัวเรือ
สาวกปีศาจแดงพันธ์แท้ทั้งหลายคงหวังว่า ทีมรักจะไม่ต้องเป็นแบบอย่างของทีมสมัยใหม่ ที่ต้องเจอกับวิกฤตที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนกับที่เคยเกิดกับตนเองมาแล้วในอดีต หรือกับทีมมหาอำนาจยุค 80 อย่างลิเวอร์พูล
แต่อย่าลืมครับโลกต้องหมุนไปข้างหน้าเสมอ บอลลูกกลมๆก็ยังต้องกลิ้งต่อไปในพื้นสนามหญ้า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ในอนาคตข้างหน้าไม่มีใครรู้หรอกว่าแมนฯยูไนเต็ดจะยังคงสร้างความเกรียงไกรได้ต่อไป หรือปิดตำนานกลายเป็นยักษ์หลับเหมือนกับพวก ลีดส์ ยูไนเต็ดและวูล์ฟแฮมป์ตัน
The hardest thing in the world is to believe in something. "สิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือ การเชื่อมั่นในบางสิ่ง" แล้ววันนี้คุณเชื่อว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเดินไปทางไหน ยามไร้กระทาชายนาย อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วงจรของปีศาจแดงจะหมุนต่อไป หรือหยุดนิ่ง อีกไม่กี่ปี ทุกอย่างในเกมลูกหนังจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง
จุดเริ่มต้นของขาลง?
อะไรที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันยิ่งยง ตกต่ำจนต้องพ้นจากลีกสูงสุดของอังกฤษได้บ้าง - เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน อาจรู้ดีกว่าใคร
เขาคือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากโศกนาฎกรมเครื่องบินตกที่มิวนิค ในเดือนกุมภาพันธ์ 1958 ชาร์ลตันก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามทหารเสือ ชาร์ลตัน-(เดนนิส)ลอว์-(จอร์จ)เบสต์ พาทีมเอาชนะเบนฟิก้า ที่เวมบลีย์ ครองแชมป์ยูโรเปียน คัพ อย่างยิ่งใหญ่ 10 ปีหลังเหตุการณ์เครื่องบินตก แมตต์ บัสบี้ ได้ประดับชั้นยศอัศวิน กลายเป็น เซอร์แม็ตต์ บัสบี้ นับแต่นั้น
หลังครองแชมป์ยุโรป หนึ่งปีถัดมา ท่านเซอร์บัสบี้ประกาศอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีม ขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของสโมสร วิลฟ์ แม็คกินเนสส์ ผู้ช่วยของเขาถูกดันขึ้นมารับงานคุมทีมแทน และความตกต่ำก็เริ่มขึ้น ยูไนเต็ดจบอันดับ 8 ในฤดูกาล 69-70 และออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ในปีถัดมา ร้อนถึงท่านเซอร์ต้องลงมาช่วยคุมทีมอีกหนึ่งฤดูกาล ก่อนจะส่งไม้ต่อให้แฟรงค์ โอฟาร์เรล และทอมมี ด็อคเคอร์ตี้ มารับไม้ต่อในช่วงปลายฤดูกาล 1972-73 ตามคำแนะนำของเดนนิส ลอว์ ยูไนเต็ดจบอันดับ 18
แต่กลับเป็นด็อคเคอร์ตี้ที่ปล่อยลอว์ออกจากทีมแบบไม่มีค่าตัว เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนแทบไม่ได้ลงเล่น พร้อม ๆ กับการแขวนสตั๊ดของบ็อบบี้ ชาร์ลตัน ส่วนจอร์จ เบสต์ ก็เมาหัวราน้ำ และจวนเจียนจะหมดสภาพการเป็นนักเตะ
ผลงานที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่องของยูไนเต็ด หลังยุคบัสบี้ เบบส์ มาถึงจุดวิกฤติในฤดูกาล 1973-74 นี่เอง ปีศาจแดงไม่เหลือความน่าเกรงขาม กลายเป็นทีมหนีตกชั้นเต็มตัว สถานการณ์ตึงเครียดเมื่อถึงช่วงท้ายฤดูกาล แมนฯ ยู จำเป็นต้องชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอีกเกมข้างหน้า เพื่อความอยู่รอด โดยต้องลุ้นไม่ให้เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทีมหนีตายอีกทีมไม่ชนะ นาทีที่ 85 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 จากลูกยิงตอกส้นของเดนนิส ลอว์ ทหารเสือเฒ่าที่ด็อคเคอร์ตี้ปล่อยทิ้งไปเมื่อต้นฤดูกาล เมื่อนึกได้ว่า ตนอาจเป็นคนส่งอดีตต้นสังกัดอันเป็นที่รักให้ตกชั้นด้วยฝีเกือกตัวเอง ลอว์ไม่ฉลองประตู ก้มหน้า แล้ววิ่งออกจากสนาม เข้าอุโมงค์ไปทันที ซิตี้จำต้องเปลี่ยนตัว แต่กรรมการจำต้องยุติเกมไว้เท่านี้ เนื่องจากแฟน ๆ เรด เดวิลส์ ลงมาอาละวาดในสนามด้วยความโกรธแค้น - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกชั้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1937 - แม้ลอว์จะไม่ได้ยิงประตูนั้นก็ตาม เพราะเบอร์มิงแฮมก็ชนะอยู่ดี
อะไรที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันยิ่งยง ตกต่ำจนต้องพ้นจากลีกสูงสุดของอังกฤษได้บ้าง - เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน อาจรู้ดีกว่าใคร - เมื่อได้เห็นมากับตาว่า แม้ความตายยังไม่อาจฝังทีมนี้ได้
มีแต่การอำลาตำแหน่งของนายใหญ่ผู้ยิ่งยงเท่านั้น
link :
http://www.goal.com/th/news/4265/คอลัมน์/2013/05/10/3967653/This-is-It-อดีตของหงส์-ปัจจุบันของผี-วงจรที่ต้องมีวันสิ้นสุด?ICID=HP
ก็ว่ากันไป
[บทความผีแดง 2014-05-12] This is It : อดีตของหงส์ ปัจจุบันของผี วงจรที่ต้องมีวันสิ้นสุด
รีพอร์ตเตอร์รุ่นเล็กสุดจากรั้วโกล ประเทศไทย ขอวิเคราะห์สถานการณ์การวางมือของท่านเซอร์ ที่อาจจะส่งผลต่อท้องฟ้าเหนือโรงละครแห่งความฝัน ว่ามันจะมืดครื้มหรือสดใสเช่นเดิม
ข่าวในรอบสัปดาห์นี้ ไม่มีข่าวไหนใหญ่กว่าการวางมือของกุนซือชาวสก็อตที่เตรียมหันหลังให้กับทีมที่เขาปลุกปั้นมาตลอด 26 ปี หลังจบฤดูกาลนี้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เบื้องหลังของความยิ่งใหญ่ของทีมปีศาจแดงในศตวรรษที่ 20 เกิดขึ้นจากน้ำมือของชายที่ชื่อ เซอร์ อเล็กซานเดอร์ แชปแมน เฟอร์กูสัน หรือท่านเซอร์ของบรรดาสาวก เรดเดวิลส์นั่นเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่สาวกอสูรแดงรู้อยู่แล้วคืองานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การร่วมงานกันต้องมีวันลาจาก และวันที่ 8 พฤษภาคม 2013 ฟ้าก็ผ่ากลางโรงละครแห่งความฝันอย่างจัง หลัง กุนซือชาวสก็อต ผู้เป็นนายแบบโฆษณาหมากฝรั่งตัดสินใจประกาศวางมือ หลังเพิ่งพาทีมผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 20 เป็นที่สำเร็จ
การวางมือของเซอร์ อเล็กซานเดอร์ แชปแมน เฟอร์กูสัน จะส่งผลมากน้อยเพียงใดกับทีมที่ถูกยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดในอังกฤษในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ทีมที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้นอย่างยอดทีมแห่งลุ่มน้ำเมอร์ซีย์ไซด์ กลายเป็นทีมที่ประกาศศักดาไปทั่วยุโรป นามว่า เดอะ เร้ด แมชชีน ก็เคยประสบความสำเร็จอย่างนี้เช่นกันภายใต้สตาฟฟ์โค้ชที่ถูกเรียกว่า บูธ รูม นำทัพโดย บิดาของพลพรรคหงส์แดงอย่าง บิล แชงคลีย์, บ็อบ เพสลีย์,โจ เฟแกน และ เคนนี ดัลกลิช ที่พาทีมกวาดโทรฟี่เป็นว่าเล่น
ทั้ง 4 คน พาทีมหงส์แดงในยุคนั้นผงาดคว้าแชมป์ลีกรวมกันถึง 13 สมัย แชมป์เอฟเอ คัพ 4 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบัน) อีก 4 สมัย
คุณยังจำพวกเขาเหล่านี้ได้หรือไม่ ทั้งสี่ไม่ใช่คุณชายจากละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ แต่พวกเขาทำให้ทีมหงส์แดงผงาดค้ำฟ้าในช่วง 80 นั่นเอง
แต่ในเดือนแห่งความรักในปี 1991 กลายเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายเหนือท้องฟ้าที่แอนฟิลด์ หลัง คิง เคนนี ตัดสินใจหันหลังให้กับทีม พร้อมส่งไม้ต้อให้รอนนี่ โมรัน รับไม้ต่อคุมทีมจนจบซีซั่น ก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเป็น แกรม ซูเนสส์ที่มารับไม้ต่อ นับตั้งแต่นั้นยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ก็ไม่เคยผงาดกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกเลยนับจากนั้น
ไล่เรียงกันมาจากซูอี้ เป็น รอย อีแวนส์, เชราร์ อุลลิเยร์, ราฟาเอล เบนิเตซ, รอย ฮอดจ์สัน ก่อนจะกลับมาเป็นคิง เคนนี่อีกครั้งและปัจจุบันทีมอยู่ภายใต้การคุมทัพของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส บรรดาผู้จัดการทีมชื่อดังเหล่านี้ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เลยนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่น 1 มาเป็นพรีเมียร์ชิพ จนถึงพรีเมียร์ลีก ณ ปัจจุบัน
เกิดอะไรขึ้นกับทีมหงส์แดงอันเกรียงไกรที่วันนี้ตกลงมาลุ้นแค่การคว้าบอลถ้วยไปประทับห้องโทรฟี่ การลุ้นคว้าสิทธิ์ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกในทุกๆฤดูกาล เกิดเครื่องความหมายคำถามกับสาวกปีศาจแดงว่า ทีมยูไนเต็ดที่พวกเขารักในปัจจุบัน จะเป็นเหมือนทีมหงส์แดงในยุค 90 หรือไม่
สิ่งที่เดวิด มอยส์ต้องทำในปีหน้าเพื่อให้ถูกใจพลพรรค เรด เดวิลส์ ไม่ใช่การพาทีมเล่นฟุตบอลแบบสวยงาม สร้างกำไรให้กับทีมเป็นกอบเป็นกำ หรือปั้นนักเตะในทีมให้โด่งดัง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการพาทีมคว้าแชมป์ (แล้วค่อยทำทุกอย่างที่ว่ามาให้ได้อีกที)
หากคุณเคยดูภาพยนตร์เรื่อง No Country For Old men ภาพยนตร์เรื่องโปรดของ เซอร์ อเล็กซ์ หนังเรื่องนี้บอกเราว่าคนเราเมื่อมีจุดสูงสุดก็จะมีจุดต่ำสุด ไม่ว่าจะอยู่ในสมัยไหนก็ตาม ทีมปีศาจแดงเองก็เช่นกันเมื่ออยู่จุดสูงสุดก็สามารถตกมายังเบื้องล่างได้
แมนฯยูไนเต็ด เคยเจอกับสถานการณ์สุดเลวร้ายแบบนั้นมาแล้ว หลังจากที่เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ตัดสินใจวางมือเมื่อปี 1971 และสามปีต่อมาพวกเขาต้องตกไปเล่นในดิวิชั่น 2 นี่คือตัวอย่างที่เห็นในฟุตบอลสมัยเก่า และลิเวอร์พูลคือตัวอย่างของฟุตบอลยุคกลางที่ประสบความล้มเหลวหลังการเปลี่ยนหัวเรือ
สาวกปีศาจแดงพันธ์แท้ทั้งหลายคงหวังว่า ทีมรักจะไม่ต้องเป็นแบบอย่างของทีมสมัยใหม่ ที่ต้องเจอกับวิกฤตที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนกับที่เคยเกิดกับตนเองมาแล้วในอดีต หรือกับทีมมหาอำนาจยุค 80 อย่างลิเวอร์พูล
แต่อย่าลืมครับโลกต้องหมุนไปข้างหน้าเสมอ บอลลูกกลมๆก็ยังต้องกลิ้งต่อไปในพื้นสนามหญ้า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ในอนาคตข้างหน้าไม่มีใครรู้หรอกว่าแมนฯยูไนเต็ดจะยังคงสร้างความเกรียงไกรได้ต่อไป หรือปิดตำนานกลายเป็นยักษ์หลับเหมือนกับพวก ลีดส์ ยูไนเต็ดและวูล์ฟแฮมป์ตัน
The hardest thing in the world is to believe in something. "สิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือ การเชื่อมั่นในบางสิ่ง" แล้ววันนี้คุณเชื่อว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเดินไปทางไหน ยามไร้กระทาชายนาย อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วงจรของปีศาจแดงจะหมุนต่อไป หรือหยุดนิ่ง อีกไม่กี่ปี ทุกอย่างในเกมลูกหนังจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง
จุดเริ่มต้นของขาลง?
อะไรที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันยิ่งยง ตกต่ำจนต้องพ้นจากลีกสูงสุดของอังกฤษได้บ้าง - เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน อาจรู้ดีกว่าใคร
เขาคือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากโศกนาฎกรมเครื่องบินตกที่มิวนิค ในเดือนกุมภาพันธ์ 1958 ชาร์ลตันก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามทหารเสือ ชาร์ลตัน-(เดนนิส)ลอว์-(จอร์จ)เบสต์ พาทีมเอาชนะเบนฟิก้า ที่เวมบลีย์ ครองแชมป์ยูโรเปียน คัพ อย่างยิ่งใหญ่ 10 ปีหลังเหตุการณ์เครื่องบินตก แมตต์ บัสบี้ ได้ประดับชั้นยศอัศวิน กลายเป็น เซอร์แม็ตต์ บัสบี้ นับแต่นั้น
หลังครองแชมป์ยุโรป หนึ่งปีถัดมา ท่านเซอร์บัสบี้ประกาศอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีม ขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของสโมสร วิลฟ์ แม็คกินเนสส์ ผู้ช่วยของเขาถูกดันขึ้นมารับงานคุมทีมแทน และความตกต่ำก็เริ่มขึ้น ยูไนเต็ดจบอันดับ 8 ในฤดูกาล 69-70 และออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ในปีถัดมา ร้อนถึงท่านเซอร์ต้องลงมาช่วยคุมทีมอีกหนึ่งฤดูกาล ก่อนจะส่งไม้ต่อให้แฟรงค์ โอฟาร์เรล และทอมมี ด็อคเคอร์ตี้ มารับไม้ต่อในช่วงปลายฤดูกาล 1972-73 ตามคำแนะนำของเดนนิส ลอว์ ยูไนเต็ดจบอันดับ 18
แต่กลับเป็นด็อคเคอร์ตี้ที่ปล่อยลอว์ออกจากทีมแบบไม่มีค่าตัว เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนแทบไม่ได้ลงเล่น พร้อม ๆ กับการแขวนสตั๊ดของบ็อบบี้ ชาร์ลตัน ส่วนจอร์จ เบสต์ ก็เมาหัวราน้ำ และจวนเจียนจะหมดสภาพการเป็นนักเตะ
ผลงานที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่องของยูไนเต็ด หลังยุคบัสบี้ เบบส์ มาถึงจุดวิกฤติในฤดูกาล 1973-74 นี่เอง ปีศาจแดงไม่เหลือความน่าเกรงขาม กลายเป็นทีมหนีตกชั้นเต็มตัว สถานการณ์ตึงเครียดเมื่อถึงช่วงท้ายฤดูกาล แมนฯ ยู จำเป็นต้องชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอีกเกมข้างหน้า เพื่อความอยู่รอด โดยต้องลุ้นไม่ให้เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทีมหนีตายอีกทีมไม่ชนะ นาทีที่ 85 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 จากลูกยิงตอกส้นของเดนนิส ลอว์ ทหารเสือเฒ่าที่ด็อคเคอร์ตี้ปล่อยทิ้งไปเมื่อต้นฤดูกาล เมื่อนึกได้ว่า ตนอาจเป็นคนส่งอดีตต้นสังกัดอันเป็นที่รักให้ตกชั้นด้วยฝีเกือกตัวเอง ลอว์ไม่ฉลองประตู ก้มหน้า แล้ววิ่งออกจากสนาม เข้าอุโมงค์ไปทันที ซิตี้จำต้องเปลี่ยนตัว แต่กรรมการจำต้องยุติเกมไว้เท่านี้ เนื่องจากแฟน ๆ เรด เดวิลส์ ลงมาอาละวาดในสนามด้วยความโกรธแค้น - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกชั้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1937 - แม้ลอว์จะไม่ได้ยิงประตูนั้นก็ตาม เพราะเบอร์มิงแฮมก็ชนะอยู่ดี
อะไรที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันยิ่งยง ตกต่ำจนต้องพ้นจากลีกสูงสุดของอังกฤษได้บ้าง - เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน อาจรู้ดีกว่าใคร - เมื่อได้เห็นมากับตาว่า แม้ความตายยังไม่อาจฝังทีมนี้ได้
มีแต่การอำลาตำแหน่งของนายใหญ่ผู้ยิ่งยงเท่านั้น
link : http://www.goal.com/th/news/4265/คอลัมน์/2013/05/10/3967653/This-is-It-อดีตของหงส์-ปัจจุบันของผี-วงจรที่ต้องมีวันสิ้นสุด?ICID=HP
ก็ว่ากันไป