จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair
May 12, 2013
เห็นโฆษณางานรางวัล “นาฏราช” ครั้งที่ ๔ ที่จะมีขึ้นในอีก ๗ วันข้างหน้าแล้วก็นึกถึงความร้ายกาจของสัตว์โลกที่เรียกเรียกตัวเองว่าคน นอกจากจะมีความสุขกับการฆ่าฟันพี่น้องร่วมแผ่นดินอย่างโหดเหี้ยมแล้ว ยังชวนกันถ่ม

ใส่ราวกับกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์เหมือนกับตน
เพราะงานนี้จงใจจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันครบสามปีของการสังหารหมู่ที่บริเวณราชประสงค์เมื่อเดียวกันของปี พ.ศ....๒๕๕๓ ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่นำมาสู่การประท้วงในครั้งนั้น ต่างก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าพี่น้องของเรามากมายต้องสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือของทหารไทยและด้วยอาวุธสงคราม ท่ามกลางสายตานับล้านที่จับจ้องมองอยู่ทั่วเมืองไทยและทั่วโลก น้ำตาของผู้สูญเสียและคนที่รักเขายังไม่ทันเหือดแห้ง ความเป็นธรรมและความยุติธรรมยังไม่ปรากฎ ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ก็ยังคลุมเคลือจนอาจต้องรอให้ประวัติศาสตร์ประชาชนบังเกิดขึ้นจึงจะย้อนมาตัดสินอีกครั้ง แล้วทำไมงานที่สามารถเลือกจัดวันใดก็ได้จึงต้องมาเลือกจัดกันในวันนี้
หรือฆ่าเขาแล้วยังไม่หนำใจ ต้องลากศพเขามาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเอาเก้าอี้ตีศพนักศึกษาเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙?
ความจริงก็เข้าเค้า เพราะเหตุการณ์ทั้งสองนี้เป็นเสมือนภาพยนตร์โดยผู้กำกับภาพยนตร์คนเดียวกันแท้ๆ
อย่ามาอ้างครับว่า งานนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่ต้องการให้ใครนำการเมืองมาเกี่ยวข้อง การตายของบุคคลใดก็ตามถือเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์และละเอียดอ่อนอย่างที่สุด ยิ่งเป็นการตายที่ไม่ควรตาย และด้วยน้ำมือของคนที่เขาเคยยกมือไหว้อย่างเคารพนับถือมาในอดีต ก็ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นที่สุด นี่เขากำลังจะจัดพิธีสงฆ์ งานรำลึก และผลักดันให้เกิดการค้นหาความจริงกันอยู่แท้ๆ เกิดมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาประกาศกลางเมืองว่าไม่สนใจ ไม่สำคัญ และพร้อมจะเดินข้ามศพเขาไป ด้วยการจัดงานที่ไม่มีความจำเป็นต้องกำหนดเป็นวันนั้นเลย ก็ต้องถามกลับว่าใครพยายามจะยั่วยุสร้างเงื่อนไขความโกรธแค้นให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองขึ้นมาอีก หากต้องจัดงานในวันอาทิตย์ก็ยังมีวันอาทิตย์อีกกว่าห้าสิบวันให้เลือกได้ แล้วทำไมต้องทำกันอย่างนี้
กรรมการจัดงาน “นาฏราช” มีอยู่นับสิบคน ไม่มีใครสักคนล่ะหรือที่เป็นผู้ใหญ่พอจะห้ามปรามทัดทานหรืออย่างน้อยก็ตักเตือนกันภายใน ไม่จำเป็นต้องมีจุดยืนทางการเมืองเหมือนฝ่ายเสื้อแดงหรอกครับ เพียงความเป็นคนของตัวเองก็น่าจะพอแล้ว ใครรู้จักประธานและกรรมการของงานนี้ช่วยถามให้ผมทีเถิดว่าหัวใจของเขาเป็นอะไรไป?
หรือมีใครที่สั่งการ แนะนำ กดดัน บีบคั้นอะไรลงมา เพื่อให้งานนี้ทำหน้าที่ลบความทรงจำและข่าวสารการรำลึกถึงเหตุการณ์สังหารประชาชนในวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้ว ตกลงความพยายามในการบิดเบือนและลบประวัติศาสตร์ภาคประชาชนที่สั่งให้ทำมาตลอดชีวิตอันโสมม ยังไม่สิ้นสุด และยังเดินหน้าด้านทำอยู่ต่อมาเหมือนเดิมใช่ไหม?
ใครสักคนต้องตอบสาธารณชนว่า ที่กำหนดจัดงานกันในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ทั้งที่รู้ทั่วเมืองว่าเป็นวันอะไรนั้น เป็นเพราะความทมิฬหินชาติในหัวใจ หรือเพราะปิศาจที่ไหนมันสั่งลงมา
ก็งานนาฏราชนี้เอง ที่นายพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจงได้ขึ้นมาตะโกนไล่คนออกจาก “บ้านพ่อ” พ่อใครที่ไหนของนายพงษ์พัฒน์ คงต้องไปถามเขาดูเอง แต่สำหรับคนรู้และพอจะเข้าใจ เขาก็จดจำไว้ในใจว่างานนี้เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อะไรแน่ และยิ่งทำให้การจัดงานนาฏราช ตอน เหยียบพี่น้องร่วมชาติ ครั้งที่ ๔ ในวันอาทิตย์หน้านี้ เป็นที่ประจักษ์ใจมากขึ้นว่าอะไรเป็นอะไร ก็ต้องขอบคุณนายพงษ์พัฒน์ไว้เสียด้วย ฐานที่ทำให้เงาะที่ซ่อนอยู่ใต้รูปทองมันชัดเจนขึ้นมา จะเป็นเพราะความเขลา ความคลั่ง หรือเจตนาจะเล่นบทนี้เพื่อส่งเสริมการงานอาชีพของตัวเองและครอบครัวก็ตาม ถือว่ามีประโยชน์ในระยะยาวทั้งนั้น
ใครรู้จักใครฝากถามด้วยครับว่า:
ประธานและกรรมการงาน “นาฏราช” เขามีความคิดอันลึกซึ้งของเขาอย่างไร
สถานีโทรทัศน์ที่จะถ่ายทอดสดหรือเทปงานนี้ เขาคิดและวางแผนจะมีส่วนร่วมกับแผนการเมืองครั้งนี้อย่างไร
บรรดาผู้สนับสนุนการจัดหรือสปอนเซอร์ทุกยี่ห้อสินค้าของงานนี้ เขาร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองกับฝ่านที่ฆ่าประชาชนด้วยหรือไม่
ศิลปินและคนที่ไม่ใช่ศิลปินทุกคนที่จะเดินขึ้นเวที “งานนาฏราช” เพื่อรับรางวัล มอบรางวัล เชิญรางวัล ร่วมแสดง เป็นพิธีกร ตลอดจนผู้จะไปร่วมงานนั้น มีความกระดากใจบ้างหรือไม่ที่รู้ว่าเลือดคนไทยไหลนองแผ่นดินกันในวันนั้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๓.
....................................................................................................................................................
งานปีที่แล้วให้ดาราลุกขึ้นแสดงละครน้ำเน่าไล่คนออกไปจากประเทศนี้
ยังไม่หนำใจปีนี้เลยจัดงานให้ตรงกับวันสังหารประชาชนไปเลย
งั้นเราก้ต้องไปแสดงพลังโชว์กันที่ราชประสงค์ให้ยิ่งใหญ่สะใจเอาให้เห็นกันไปเลยว่า
ไอ้ที่สมควรถูกไล่ให้ออกไปจากประเทศมันควรเป็นพวกไหนกันแน่
จักรภพ เพ็ญแข ถามถึงงาน "นาฏราช"ที่จะจัดในวันที่ 19 พค 56
May 12, 2013
เห็นโฆษณางานรางวัล “นาฏราช” ครั้งที่ ๔ ที่จะมีขึ้นในอีก ๗ วันข้างหน้าแล้วก็นึกถึงความร้ายกาจของสัตว์โลกที่เรียกเรียกตัวเองว่าคน นอกจากจะมีความสุขกับการฆ่าฟันพี่น้องร่วมแผ่นดินอย่างโหดเหี้ยมแล้ว ยังชวนกันถ่ม
เพราะงานนี้จงใจจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันครบสามปีของการสังหารหมู่ที่บริเวณราชประสงค์เมื่อเดียวกันของปี พ.ศ....๒๕๕๓ ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่นำมาสู่การประท้วงในครั้งนั้น ต่างก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าพี่น้องของเรามากมายต้องสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือของทหารไทยและด้วยอาวุธสงคราม ท่ามกลางสายตานับล้านที่จับจ้องมองอยู่ทั่วเมืองไทยและทั่วโลก น้ำตาของผู้สูญเสียและคนที่รักเขายังไม่ทันเหือดแห้ง ความเป็นธรรมและความยุติธรรมยังไม่ปรากฎ ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ก็ยังคลุมเคลือจนอาจต้องรอให้ประวัติศาสตร์ประชาชนบังเกิดขึ้นจึงจะย้อนมาตัดสินอีกครั้ง แล้วทำไมงานที่สามารถเลือกจัดวันใดก็ได้จึงต้องมาเลือกจัดกันในวันนี้
หรือฆ่าเขาแล้วยังไม่หนำใจ ต้องลากศพเขามาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเอาเก้าอี้ตีศพนักศึกษาเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙?
ความจริงก็เข้าเค้า เพราะเหตุการณ์ทั้งสองนี้เป็นเสมือนภาพยนตร์โดยผู้กำกับภาพยนตร์คนเดียวกันแท้ๆ
อย่ามาอ้างครับว่า งานนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่ต้องการให้ใครนำการเมืองมาเกี่ยวข้อง การตายของบุคคลใดก็ตามถือเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์และละเอียดอ่อนอย่างที่สุด ยิ่งเป็นการตายที่ไม่ควรตาย และด้วยน้ำมือของคนที่เขาเคยยกมือไหว้อย่างเคารพนับถือมาในอดีต ก็ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นที่สุด นี่เขากำลังจะจัดพิธีสงฆ์ งานรำลึก และผลักดันให้เกิดการค้นหาความจริงกันอยู่แท้ๆ เกิดมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาประกาศกลางเมืองว่าไม่สนใจ ไม่สำคัญ และพร้อมจะเดินข้ามศพเขาไป ด้วยการจัดงานที่ไม่มีความจำเป็นต้องกำหนดเป็นวันนั้นเลย ก็ต้องถามกลับว่าใครพยายามจะยั่วยุสร้างเงื่อนไขความโกรธแค้นให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองขึ้นมาอีก หากต้องจัดงานในวันอาทิตย์ก็ยังมีวันอาทิตย์อีกกว่าห้าสิบวันให้เลือกได้ แล้วทำไมต้องทำกันอย่างนี้
กรรมการจัดงาน “นาฏราช” มีอยู่นับสิบคน ไม่มีใครสักคนล่ะหรือที่เป็นผู้ใหญ่พอจะห้ามปรามทัดทานหรืออย่างน้อยก็ตักเตือนกันภายใน ไม่จำเป็นต้องมีจุดยืนทางการเมืองเหมือนฝ่ายเสื้อแดงหรอกครับ เพียงความเป็นคนของตัวเองก็น่าจะพอแล้ว ใครรู้จักประธานและกรรมการของงานนี้ช่วยถามให้ผมทีเถิดว่าหัวใจของเขาเป็นอะไรไป?
หรือมีใครที่สั่งการ แนะนำ กดดัน บีบคั้นอะไรลงมา เพื่อให้งานนี้ทำหน้าที่ลบความทรงจำและข่าวสารการรำลึกถึงเหตุการณ์สังหารประชาชนในวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้ว ตกลงความพยายามในการบิดเบือนและลบประวัติศาสตร์ภาคประชาชนที่สั่งให้ทำมาตลอดชีวิตอันโสมม ยังไม่สิ้นสุด และยังเดินหน้าด้านทำอยู่ต่อมาเหมือนเดิมใช่ไหม?
ใครสักคนต้องตอบสาธารณชนว่า ที่กำหนดจัดงานกันในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ทั้งที่รู้ทั่วเมืองว่าเป็นวันอะไรนั้น เป็นเพราะความทมิฬหินชาติในหัวใจ หรือเพราะปิศาจที่ไหนมันสั่งลงมา
ก็งานนาฏราชนี้เอง ที่นายพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจงได้ขึ้นมาตะโกนไล่คนออกจาก “บ้านพ่อ” พ่อใครที่ไหนของนายพงษ์พัฒน์ คงต้องไปถามเขาดูเอง แต่สำหรับคนรู้และพอจะเข้าใจ เขาก็จดจำไว้ในใจว่างานนี้เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อะไรแน่ และยิ่งทำให้การจัดงานนาฏราช ตอน เหยียบพี่น้องร่วมชาติ ครั้งที่ ๔ ในวันอาทิตย์หน้านี้ เป็นที่ประจักษ์ใจมากขึ้นว่าอะไรเป็นอะไร ก็ต้องขอบคุณนายพงษ์พัฒน์ไว้เสียด้วย ฐานที่ทำให้เงาะที่ซ่อนอยู่ใต้รูปทองมันชัดเจนขึ้นมา จะเป็นเพราะความเขลา ความคลั่ง หรือเจตนาจะเล่นบทนี้เพื่อส่งเสริมการงานอาชีพของตัวเองและครอบครัวก็ตาม ถือว่ามีประโยชน์ในระยะยาวทั้งนั้น
ใครรู้จักใครฝากถามด้วยครับว่า:
ประธานและกรรมการงาน “นาฏราช” เขามีความคิดอันลึกซึ้งของเขาอย่างไร
สถานีโทรทัศน์ที่จะถ่ายทอดสดหรือเทปงานนี้ เขาคิดและวางแผนจะมีส่วนร่วมกับแผนการเมืองครั้งนี้อย่างไร
บรรดาผู้สนับสนุนการจัดหรือสปอนเซอร์ทุกยี่ห้อสินค้าของงานนี้ เขาร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองกับฝ่านที่ฆ่าประชาชนด้วยหรือไม่
ศิลปินและคนที่ไม่ใช่ศิลปินทุกคนที่จะเดินขึ้นเวที “งานนาฏราช” เพื่อรับรางวัล มอบรางวัล เชิญรางวัล ร่วมแสดง เป็นพิธีกร ตลอดจนผู้จะไปร่วมงานนั้น มีความกระดากใจบ้างหรือไม่ที่รู้ว่าเลือดคนไทยไหลนองแผ่นดินกันในวันนั้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๓.
....................................................................................................................................................
งานปีที่แล้วให้ดาราลุกขึ้นแสดงละครน้ำเน่าไล่คนออกไปจากประเทศนี้
ยังไม่หนำใจปีนี้เลยจัดงานให้ตรงกับวันสังหารประชาชนไปเลย
งั้นเราก้ต้องไปแสดงพลังโชว์กันที่ราชประสงค์ให้ยิ่งใหญ่สะใจเอาให้เห็นกันไปเลยว่า
ไอ้ที่สมควรถูกไล่ให้ออกไปจากประเทศมันควรเป็นพวกไหนกันแน่