บทความนี้อาจจะนานมากๆแล้ว ตั้งแต่ 2011 แต่เรารู้สึกชอบมากกกก อ่านแล้วเพลิน สำนวนเหมือนอ่านนิยาย นี่คือบทความที่เราอ่า่นแล้ว ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจัง
" เธอคนนี้ก้าวย่างอย่างเชื่อมั่น อ่อนหวาน และสร้างความประทับใจให้กับทุกคน "
การเดินทางในแวดวงมายาของ “ญาญ่า อุรัสยา สเปอร์บันด์” บนถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่แฝงเร้นด้วยคมหนามของชื่อเสียงที่ทำร้ายใครต่อใครมาแล้วนั้น เธอคนนี้ก้าวย่างอย่างเชื่อมั่น อ่อนหวาน และสร้างความประทับใจให้กับทุกคน
ดูเหมือนว่า “ญาญ่า” จะยังไม่ได้นอนมาทั้งคืน ดวงตาของเด็กสาวดูอิดโรย รอยยิ้มที่เคยสดใสลดความเจิดจ้าลงกว่าที่เราคุ้นเคยบนหน้าจอทีวี เสียงเล็กๆทักทายทีมงานอย่างเป็นกันเองเรียกรอยยิ้มจากทุกคน กิริยาท่าทางอ่อนหวานแตกต่างจากเด็กลูกครึ่งมากมายที่เดินเข้าออกในวงการบันเทิง
วันนี้ “อุรัสยา สเปอร์บันด์” มาในชุดกระโปรงสีขาวปักระบายของ Anna Sui ใบหน้าเปลือยเปล่าไร้สีสันของเมกอัพ เผยให้เห็นผิวสีแทน เข้ากันได้ดีเหลือเกินกับรูปหน้าคมเข้ม เรานั่งคุยกันสบายๆภายในห้องแต่งตัว คลอกับเสียงเพลงร็อกจากฝั่งอังกฤษและเสียงเอะอะตระเตรียมการถ่ายภาพจากทีมงาน บรรยากาศครึกครื้นแบบนี้ปลุกเด็กสาวที่นั่งง่วงเหงาให้กลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง “ตอนนี้ญาญ่าถ่ายละคร 4 วันต่อสัปดาห์ค่ะ พฤหัส ศุกร์มีเรียน นอกจากนั้นถ่ายละครหมด ตอนนี้ถ้าว่างขอนอนอย่างเดียวเลยค่ะ อาจมีอ่านหนังสือ ทำการบ้านบ้าง เรื่องไปเที่ยวกับเพื่อนๆไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มีเวลาตรงนั้นอยู่แล้ว อีกอย่างช่วงนี้เพื่อนๆของญาญ่าก็เป็นนักแสดง เจอกันตามกองถ่ายได้นั่งคุยกันก็สนุกแล้วค่ะ” ญาญ่าตอบระหว่างนั่งให้ช่างแต่งหน้าแต่งแต้มสีสัน
สไตลิสต์ของแอลเดินมาทักทายดาราสาวพร้อมกับบอกให้ปรับลุคของญาญ่าให้ดูสาวสะพรั่งเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ฉันถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องปรับบทบาทการแสดงให้โตกว่าอายุจริงตลอดเวลา “ที่ผ่านมาก็รับบทที่โตกว่าตัวเองตลอดนะคะ แต่ว่าไม่ได้ห่างมาก อย่างเรื่อง เกมร้ายเกมรัก ที่ญาญ่าแสดงอยู่ตอนนี้ก็มีหลายคาแร็กเตอร์ ตอนแรกๆเป็นเหมือนเด็กความจำเสื่อม เพราะถูกสึนามิซัดมาติดเกาะ แล้วได้พระเอก (ณเดชน์ คุกิมิยะ) มาช่วยดูแล ช่วงติดเกาะจะเล่นเป็นเด็กอายุ 8 ขวบค่ะ หลังจากนั้นก็โตขึ้นเรื่อยๆ” เธอเล่าต่อว่าสนุกกับบทนี้มาก เพราะได้ช่วยผู้กำกับออกไอเดียว่าควรแสดงท่าทางออกมาแบบไหน เพราะตัวเองเป็นคนที่ชอบใช้ท่าทางแทนคำพูดอยู่แล้ว ในขณะที่ละครอีกเรื่องอย่าง ตะวันเดือด ที่กำลังถ่ายทำอยู่ พลิกบทบาทสาวหวานของเธอให้กลายเป็นราชินีนักบู๊คนใหม่ของวงการไปเลยก็ว่าได้
สังเกตเวลาที่ญาญ่าตอบแต่ละคำถาม เธอจะหยุดนิ่งเพื่อคิดและพยายามใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ญาญ่ายอมรับว่ายังพูดภาษาไทยไม่คล่อง เวลาอยู่บ้านกับครอบครัวจะพูดหลายภาษา โดยส่วนมากพูดอังกฤษและนอร์เวย์กับคุณพ่อ ส่วนคุณแม่พยายามให้ลูกสาวคนสวยพูดภาษาไทย แต่ถ้ามีเรื่องเม้าท์ตามประสาวัยรุ่นกับพี่สาวคนสนิทขอสปีกฝรั่งเศสเท่านั้น เพราะไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่าคุยกันเรื่องอะไรบ้าง
“เบสิกจริงๆใช้ภาษาอังกฤษค่ะ แต่เวลาอยู่กับคุณแม่จะโดนบังคับให้พูดภาษาไทย ส่วนคุณพ่ออยากให้พูดภาษานอร์เวย์ แต่ถ้าคุยกับพี่สาวแล้วไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจจะคุยภาษาฝรั่งเศสกัน บางทีมันก็ปนกันมั่วไปหมด จนญาญ่ากับพี่สาวสร้างภาษาขึ้นมาเองเลยค่ะ ผสมกันหลายๆภาษา บางทีพี่สาวจะพูดสแปนิช กลายเป็นว่ามั่วกันทั้งสองคน ไม่มีใครเข้าใจ มีแค่เราสองคนเท่านั้น”
คุณแม่การันตีว่าสองพี่น้องรักกันมากและแชร์โลกใบเล็กๆร่วมกัน เธอเล่าว่าในวัยเด็ก พี่สาวของญาญ่า (แคทลียา) ชอบเรียกน้องว่า “แลซซี่” เพราะเป็นเด็กเซ้าซี้ขี้อ้อนที่ชอบอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา บางทีพี่สาวขี้เกียจเล่นด้วยแล้ว ญาญ่ายังตื๊อพี่ตลอด แต่ดูท่าตอนนี้เธอน่าจะเลิกซนเลิกซ่าส์แล้ว เพราะญาญ่าเพิ่งเริ่มต้นชีวิตนิสิตในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คณะอักษรศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ เธอบอกว่าชีวิตไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไหร่ ต่างแค่ความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น แต่สังคมเพื่อนเหมือนเดิมทุกอย่าง
“ตอนไปเรียนที่จุฬาฯ ญาญ่าไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้หวีผม แต่งตัวเรียบร้อยมาก เพื่อนๆชอบทักว่าทำไมญาญ่าตัวจริงเป็นแบบนี้ บางครั้งก็ลองถามเพื่อนเล่นๆว่า ‘What do you think about me?’ เพื่อนบอกว่า ‘I think you ติงต๊อง’ (หัวเราะ) บางทีเหมือนเราเป็นตัวตลกประจำกลุ่ม คงเพราะญาญ่าไม่ค่อยได้เจอเพื่อนไงคะ ทุกครั้งที่ได้อยู่กับเพื่อนๆก็อยากจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุด ทำให้ทุกคนมีความสุขกับเรา”
สำหรับกิจกรรมที่ดาราสาวได้ร่วมทำกับเพื่อนๆคือการคัดตัวเพื่อเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ ใครจะเชื่อว่าดาราดังอย่างเธอไม่ผ่านด่านคัดตัวสุดหินนี้มาแล้ว “มีเพื่อนๆในกลุ่มไปสมัครเชียร์ลีดเดอร์กันค่ะ แล้วพี่ๆเลยลองให้ญาญ่าเต้นด้วย แต่เต้นไม่ผ่าน (หัวเราะ) มันเต้นไม่ได้ค่ะ เพราะมันต้องใช้มือกับเท้าพร้อมๆกัน ทำไม่ได้จริงๆ”
Cr: ELLE Magazine - July 2011
Little Miss Sunshine ญาญ่า เดินทางตามความฝัน
" เธอคนนี้ก้าวย่างอย่างเชื่อมั่น อ่อนหวาน และสร้างความประทับใจให้กับทุกคน "
การเดินทางในแวดวงมายาของ “ญาญ่า อุรัสยา สเปอร์บันด์” บนถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่แฝงเร้นด้วยคมหนามของชื่อเสียงที่ทำร้ายใครต่อใครมาแล้วนั้น เธอคนนี้ก้าวย่างอย่างเชื่อมั่น อ่อนหวาน และสร้างความประทับใจให้กับทุกคน
ดูเหมือนว่า “ญาญ่า” จะยังไม่ได้นอนมาทั้งคืน ดวงตาของเด็กสาวดูอิดโรย รอยยิ้มที่เคยสดใสลดความเจิดจ้าลงกว่าที่เราคุ้นเคยบนหน้าจอทีวี เสียงเล็กๆทักทายทีมงานอย่างเป็นกันเองเรียกรอยยิ้มจากทุกคน กิริยาท่าทางอ่อนหวานแตกต่างจากเด็กลูกครึ่งมากมายที่เดินเข้าออกในวงการบันเทิง
วันนี้ “อุรัสยา สเปอร์บันด์” มาในชุดกระโปรงสีขาวปักระบายของ Anna Sui ใบหน้าเปลือยเปล่าไร้สีสันของเมกอัพ เผยให้เห็นผิวสีแทน เข้ากันได้ดีเหลือเกินกับรูปหน้าคมเข้ม เรานั่งคุยกันสบายๆภายในห้องแต่งตัว คลอกับเสียงเพลงร็อกจากฝั่งอังกฤษและเสียงเอะอะตระเตรียมการถ่ายภาพจากทีมงาน บรรยากาศครึกครื้นแบบนี้ปลุกเด็กสาวที่นั่งง่วงเหงาให้กลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง “ตอนนี้ญาญ่าถ่ายละคร 4 วันต่อสัปดาห์ค่ะ พฤหัส ศุกร์มีเรียน นอกจากนั้นถ่ายละครหมด ตอนนี้ถ้าว่างขอนอนอย่างเดียวเลยค่ะ อาจมีอ่านหนังสือ ทำการบ้านบ้าง เรื่องไปเที่ยวกับเพื่อนๆไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มีเวลาตรงนั้นอยู่แล้ว อีกอย่างช่วงนี้เพื่อนๆของญาญ่าก็เป็นนักแสดง เจอกันตามกองถ่ายได้นั่งคุยกันก็สนุกแล้วค่ะ” ญาญ่าตอบระหว่างนั่งให้ช่างแต่งหน้าแต่งแต้มสีสัน
สไตลิสต์ของแอลเดินมาทักทายดาราสาวพร้อมกับบอกให้ปรับลุคของญาญ่าให้ดูสาวสะพรั่งเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ฉันถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องปรับบทบาทการแสดงให้โตกว่าอายุจริงตลอดเวลา “ที่ผ่านมาก็รับบทที่โตกว่าตัวเองตลอดนะคะ แต่ว่าไม่ได้ห่างมาก อย่างเรื่อง เกมร้ายเกมรัก ที่ญาญ่าแสดงอยู่ตอนนี้ก็มีหลายคาแร็กเตอร์ ตอนแรกๆเป็นเหมือนเด็กความจำเสื่อม เพราะถูกสึนามิซัดมาติดเกาะ แล้วได้พระเอก (ณเดชน์ คุกิมิยะ) มาช่วยดูแล ช่วงติดเกาะจะเล่นเป็นเด็กอายุ 8 ขวบค่ะ หลังจากนั้นก็โตขึ้นเรื่อยๆ” เธอเล่าต่อว่าสนุกกับบทนี้มาก เพราะได้ช่วยผู้กำกับออกไอเดียว่าควรแสดงท่าทางออกมาแบบไหน เพราะตัวเองเป็นคนที่ชอบใช้ท่าทางแทนคำพูดอยู่แล้ว ในขณะที่ละครอีกเรื่องอย่าง ตะวันเดือด ที่กำลังถ่ายทำอยู่ พลิกบทบาทสาวหวานของเธอให้กลายเป็นราชินีนักบู๊คนใหม่ของวงการไปเลยก็ว่าได้
สังเกตเวลาที่ญาญ่าตอบแต่ละคำถาม เธอจะหยุดนิ่งเพื่อคิดและพยายามใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ญาญ่ายอมรับว่ายังพูดภาษาไทยไม่คล่อง เวลาอยู่บ้านกับครอบครัวจะพูดหลายภาษา โดยส่วนมากพูดอังกฤษและนอร์เวย์กับคุณพ่อ ส่วนคุณแม่พยายามให้ลูกสาวคนสวยพูดภาษาไทย แต่ถ้ามีเรื่องเม้าท์ตามประสาวัยรุ่นกับพี่สาวคนสนิทขอสปีกฝรั่งเศสเท่านั้น เพราะไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่าคุยกันเรื่องอะไรบ้าง
“เบสิกจริงๆใช้ภาษาอังกฤษค่ะ แต่เวลาอยู่กับคุณแม่จะโดนบังคับให้พูดภาษาไทย ส่วนคุณพ่ออยากให้พูดภาษานอร์เวย์ แต่ถ้าคุยกับพี่สาวแล้วไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจจะคุยภาษาฝรั่งเศสกัน บางทีมันก็ปนกันมั่วไปหมด จนญาญ่ากับพี่สาวสร้างภาษาขึ้นมาเองเลยค่ะ ผสมกันหลายๆภาษา บางทีพี่สาวจะพูดสแปนิช กลายเป็นว่ามั่วกันทั้งสองคน ไม่มีใครเข้าใจ มีแค่เราสองคนเท่านั้น”
คุณแม่การันตีว่าสองพี่น้องรักกันมากและแชร์โลกใบเล็กๆร่วมกัน เธอเล่าว่าในวัยเด็ก พี่สาวของญาญ่า (แคทลียา) ชอบเรียกน้องว่า “แลซซี่” เพราะเป็นเด็กเซ้าซี้ขี้อ้อนที่ชอบอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา บางทีพี่สาวขี้เกียจเล่นด้วยแล้ว ญาญ่ายังตื๊อพี่ตลอด แต่ดูท่าตอนนี้เธอน่าจะเลิกซนเลิกซ่าส์แล้ว เพราะญาญ่าเพิ่งเริ่มต้นชีวิตนิสิตในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คณะอักษรศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ เธอบอกว่าชีวิตไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไหร่ ต่างแค่ความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น แต่สังคมเพื่อนเหมือนเดิมทุกอย่าง
“ตอนไปเรียนที่จุฬาฯ ญาญ่าไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้หวีผม แต่งตัวเรียบร้อยมาก เพื่อนๆชอบทักว่าทำไมญาญ่าตัวจริงเป็นแบบนี้ บางครั้งก็ลองถามเพื่อนเล่นๆว่า ‘What do you think about me?’ เพื่อนบอกว่า ‘I think you ติงต๊อง’ (หัวเราะ) บางทีเหมือนเราเป็นตัวตลกประจำกลุ่ม คงเพราะญาญ่าไม่ค่อยได้เจอเพื่อนไงคะ ทุกครั้งที่ได้อยู่กับเพื่อนๆก็อยากจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุด ทำให้ทุกคนมีความสุขกับเรา”
สำหรับกิจกรรมที่ดาราสาวได้ร่วมทำกับเพื่อนๆคือการคัดตัวเพื่อเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ ใครจะเชื่อว่าดาราดังอย่างเธอไม่ผ่านด่านคัดตัวสุดหินนี้มาแล้ว “มีเพื่อนๆในกลุ่มไปสมัครเชียร์ลีดเดอร์กันค่ะ แล้วพี่ๆเลยลองให้ญาญ่าเต้นด้วย แต่เต้นไม่ผ่าน (หัวเราะ) มันเต้นไม่ได้ค่ะ เพราะมันต้องใช้มือกับเท้าพร้อมๆกัน ทำไม่ได้จริงๆ”
Cr: ELLE Magazine - July 2011